ผู้จัดการรายวัน360-ปปป.เผยส่งคดีพระเถระชั้นผู้ใหญ่ 5 รูป เอี่ยวทุจริตเงินทอนวัดไปให้ ป.ป.ช. สอบแล้วทั้งหมด 4 สำนวน หลัง พศ. ได้ร้องทุกข์กล่าวโทษ ส่วนการตรวจสอบการฟอกเงิน เป็นหน้าที่ของ ปปง. ที่จะดำเนินการ เผยนัด ผอ.พศ. อีกครั้ง 19 เม.ย.นี้ ขอข้อมูลเพิ่มเติมในคดีใหม่ที่กำลังดำเนินการ ด้าน "หลวงปู่พุทธอิสระ" ออกโรงหนุนล้างบางอลัชชีห่มเหลืองหากิน
พล.ต.ต.กมล เหรียญราชา ผบก.กองบังคับการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (ปปป.) เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่ บก.ปปป. ได้ส่งสำนวนคดีทุจริตเงินทอนวัดในพื้นที่กรุงเทพมหานคร จำนวน 3 แห่ง 4 คดี ที่มีพระชั้นผู้ใหญ่ 5 รูปเกี่ยวข้องไปให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ตั้งแต่วันที่ 11 เม.ย.2561 แล้ว จึงเป็นอำนาจของ ป.ป.ช. ที่จะต้องสอบสวนในเรื่องทุจริตต่อไป ส่วนเรื่องการฟอกเงิน เป็นหน้าที่ของสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ที่จะดำเนินการ
ส่วนวันที่ 19 เม.ย.2561 ที่จะมีการนัด พ.ต.ท.พงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) มาให้ข้อมูลเพิ่มเติมเรื่องทุจริตเงินทอนวัดนั้น จะเป็นคดีใหม่ โดยบางประเด็นจะมีการเจาะลึกลงไปถึงงบประมาณในแต่ละวัด ซึ่งไม่เกี่ยวกับ 4 สำนวนที่ส่งไปยัง ป.ป.ช. แล้ว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผอ.พศ. ได้ร้องทุกข์กล่าวโทษคดีทุจริตเงินทอนวัดในพื้นที่กรุงเทพฯ ต่อ บก.ปปป. จำนวน 3 แห่ง 4 คดี โดยแบ่งเป็นการทุจริตเกี่ยวกับการทุจริตงบการศึกษาพระปริยัติธรรม แผนกสามัญศึกษา แผนกธรรม และแผนกบาลี และงบเผยแพร่ศาสนา มีความเสียหายทั้งสิ้น 70 ล้านบาท โดยมีพระชั้นผู้ใหญ่ 5 รูปเกี่ยวข้อง ได้แก่ 1.พระพรหมดิลก (เอื้อน หาสธมฺโม) เจ้าอาวาสวัดสามพระยา กรรมการมหาเถรสมาคม (มส.) และเจ้าคณะกรุงเทพมหานคร 2.พระพรหมเมธี (จำนงค์ ธมฺมจารี) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสัมพันธวงศาราม กรรมการ มส. และเจ้าคณะภาค 4-7 3.พระพรหมสิทธิ (ธงชัย สุขญาโณ) เจ้าอาวาสวัดสระเกศราชวรมหาวิหาร กรรมการ มส. และเจ้าคณะภาค 10 4.พระเมธีสุทธิกร (สังคม ญาณวฑฺฒโน) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสระเกศฯ และ 5.พระวิจิตรธรรมาภรณ์ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสระเกศฯ กระทำความผิดอาญาคดีทุจริตเงินอุดหนุนการศึกษาโรงเรียนพระปริยัติธรรม
ก่อนหน้านี้ ปปป. ได้ส่งสำนวนการทุจริตเงินอุดหนุนงบประมาณบูรณปฏิสังขรณ์วัดให้ ป.ป.ช. ไต่สวนแล้ว และ ป.ป.ช. ได้มีมติชี้มูลความผิดมูลความนายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ อดีตผู้อำนวยการ พศ. , นายพนม ศรศิลป์ อดีตผู้อำนวยการ พศ. , น.ส.ประนอม คงพิกุล รองผู้อำนวยการ พศ. กับพวกว่ามีการทุจริตจริง และล่าสุดกำลังยื่นให้มีการสอบสวนในระดับพระชั้นผู้ใหญ่ที่เกี่ยวข้องกับการทุจริต
วันเดียวกันนี้ หลวงปู่พุทธะอิสระ เจ้าอาวาสวัดอ้อน้อย อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก หลวงปู่พุทธะอิสระ (Buddha Isara) ในหัวข้อ "แม้นึกว่าคดีทุจริตเงินทอน จะเจอตอทำให้สะดุดหยุดลงเสียอีก" โดยมีใจความโดยสรุปว่า พอได้เห็นข่าวนี้ ทำให้รู้สึกโล่งใจ เพราะนี่คือการพิสูจน์ว่า สิ่งที่พุทธะอิสระพูด พุทธะอิสระสู้ มาตลอดหลายปีนั้น สามารถพิสูจน์ได้ทุกเมื่อ จะช้าหรือเร็วเท่านั้น ทีนี้พวกบรรดากองเชียร์ของพวกกรรมการมหาเถรสมาคมเหล่านี้ คงจะตาสว่างกันขึ้นมาบ้าง หากยังมีจิตสำนึก มีปัญญาแยกแยะถูกผิดดีชั่ว คงจะคิดได้ว่า จะมัวเอาแต่ปกป้องคนผิด คนชั่ว หรือจะปกป้องความบริสุทธิ์ บริบูรณ์ของพระธรรมวินัย ลองถามใจตัวเองดูกันบ้าง มันถึงเวลาแล้วหรือยังที่คนดีๆ พระดีๆ จะช่วยกันลุยล้างบาง พวกนักบวชอลัชชีที่เข้ามาอาศัยผ้าเหลืองหากินกันอยู่ ทำไมถึงปล่อยให้พุทธะอิสระ สู้อยู่คนเดียว ทั้งที่สิ่งที่ได้มาจากการสู้มันก็คือ ประโยชน์ของพุทธบริษัททุกคน นี่แค่หนังตัวอย่าง ยังมีอีกเพียบ หากจะช่วยกันล้างบาง
"ยังไงงานนี้ ต้องให้เครดิต พ.ต.ท.พงศ์พร ที่กล้าหาญ เลือกความถูกต้อง มากกว่าเลือกความถูกใจ และช่วยชำระล้างความสกปรกในวงการผ้าเหลืองแทนพระภิกษุผู้ปกครอง ผู้มีหน้าที่โดยตรงแต่กลับไม่ทำอะไรเลย ขออนุโมทนาที่ ผอ.สำนักพุทธฯ ปปป. , คสช. ช่วยกันทำให้พระธรรมวินัยกลับมาเป็นที่มุ่งหวังได้ โดยไร้ข้อกังขาใดๆ จากผู้ศรัทธา คนชั่วต้องถูกกำจัด คนดีพระดี ต้องได้รับการกราบไหว้บูชา ซึ่งควรจะเป็นเช่นนี้มานานแล้ว"หลวงปู่พุทธะอิสระระบุ
พล.ต.ต.กมล เหรียญราชา ผบก.กองบังคับการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (ปปป.) เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่ บก.ปปป. ได้ส่งสำนวนคดีทุจริตเงินทอนวัดในพื้นที่กรุงเทพมหานคร จำนวน 3 แห่ง 4 คดี ที่มีพระชั้นผู้ใหญ่ 5 รูปเกี่ยวข้องไปให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ตั้งแต่วันที่ 11 เม.ย.2561 แล้ว จึงเป็นอำนาจของ ป.ป.ช. ที่จะต้องสอบสวนในเรื่องทุจริตต่อไป ส่วนเรื่องการฟอกเงิน เป็นหน้าที่ของสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ที่จะดำเนินการ
ส่วนวันที่ 19 เม.ย.2561 ที่จะมีการนัด พ.ต.ท.พงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) มาให้ข้อมูลเพิ่มเติมเรื่องทุจริตเงินทอนวัดนั้น จะเป็นคดีใหม่ โดยบางประเด็นจะมีการเจาะลึกลงไปถึงงบประมาณในแต่ละวัด ซึ่งไม่เกี่ยวกับ 4 สำนวนที่ส่งไปยัง ป.ป.ช. แล้ว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผอ.พศ. ได้ร้องทุกข์กล่าวโทษคดีทุจริตเงินทอนวัดในพื้นที่กรุงเทพฯ ต่อ บก.ปปป. จำนวน 3 แห่ง 4 คดี โดยแบ่งเป็นการทุจริตเกี่ยวกับการทุจริตงบการศึกษาพระปริยัติธรรม แผนกสามัญศึกษา แผนกธรรม และแผนกบาลี และงบเผยแพร่ศาสนา มีความเสียหายทั้งสิ้น 70 ล้านบาท โดยมีพระชั้นผู้ใหญ่ 5 รูปเกี่ยวข้อง ได้แก่ 1.พระพรหมดิลก (เอื้อน หาสธมฺโม) เจ้าอาวาสวัดสามพระยา กรรมการมหาเถรสมาคม (มส.) และเจ้าคณะกรุงเทพมหานคร 2.พระพรหมเมธี (จำนงค์ ธมฺมจารี) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสัมพันธวงศาราม กรรมการ มส. และเจ้าคณะภาค 4-7 3.พระพรหมสิทธิ (ธงชัย สุขญาโณ) เจ้าอาวาสวัดสระเกศราชวรมหาวิหาร กรรมการ มส. และเจ้าคณะภาค 10 4.พระเมธีสุทธิกร (สังคม ญาณวฑฺฒโน) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสระเกศฯ และ 5.พระวิจิตรธรรมาภรณ์ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสระเกศฯ กระทำความผิดอาญาคดีทุจริตเงินอุดหนุนการศึกษาโรงเรียนพระปริยัติธรรม
ก่อนหน้านี้ ปปป. ได้ส่งสำนวนการทุจริตเงินอุดหนุนงบประมาณบูรณปฏิสังขรณ์วัดให้ ป.ป.ช. ไต่สวนแล้ว และ ป.ป.ช. ได้มีมติชี้มูลความผิดมูลความนายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ อดีตผู้อำนวยการ พศ. , นายพนม ศรศิลป์ อดีตผู้อำนวยการ พศ. , น.ส.ประนอม คงพิกุล รองผู้อำนวยการ พศ. กับพวกว่ามีการทุจริตจริง และล่าสุดกำลังยื่นให้มีการสอบสวนในระดับพระชั้นผู้ใหญ่ที่เกี่ยวข้องกับการทุจริต
วันเดียวกันนี้ หลวงปู่พุทธะอิสระ เจ้าอาวาสวัดอ้อน้อย อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก หลวงปู่พุทธะอิสระ (Buddha Isara) ในหัวข้อ "แม้นึกว่าคดีทุจริตเงินทอน จะเจอตอทำให้สะดุดหยุดลงเสียอีก" โดยมีใจความโดยสรุปว่า พอได้เห็นข่าวนี้ ทำให้รู้สึกโล่งใจ เพราะนี่คือการพิสูจน์ว่า สิ่งที่พุทธะอิสระพูด พุทธะอิสระสู้ มาตลอดหลายปีนั้น สามารถพิสูจน์ได้ทุกเมื่อ จะช้าหรือเร็วเท่านั้น ทีนี้พวกบรรดากองเชียร์ของพวกกรรมการมหาเถรสมาคมเหล่านี้ คงจะตาสว่างกันขึ้นมาบ้าง หากยังมีจิตสำนึก มีปัญญาแยกแยะถูกผิดดีชั่ว คงจะคิดได้ว่า จะมัวเอาแต่ปกป้องคนผิด คนชั่ว หรือจะปกป้องความบริสุทธิ์ บริบูรณ์ของพระธรรมวินัย ลองถามใจตัวเองดูกันบ้าง มันถึงเวลาแล้วหรือยังที่คนดีๆ พระดีๆ จะช่วยกันลุยล้างบาง พวกนักบวชอลัชชีที่เข้ามาอาศัยผ้าเหลืองหากินกันอยู่ ทำไมถึงปล่อยให้พุทธะอิสระ สู้อยู่คนเดียว ทั้งที่สิ่งที่ได้มาจากการสู้มันก็คือ ประโยชน์ของพุทธบริษัททุกคน นี่แค่หนังตัวอย่าง ยังมีอีกเพียบ หากจะช่วยกันล้างบาง
"ยังไงงานนี้ ต้องให้เครดิต พ.ต.ท.พงศ์พร ที่กล้าหาญ เลือกความถูกต้อง มากกว่าเลือกความถูกใจ และช่วยชำระล้างความสกปรกในวงการผ้าเหลืองแทนพระภิกษุผู้ปกครอง ผู้มีหน้าที่โดยตรงแต่กลับไม่ทำอะไรเลย ขออนุโมทนาที่ ผอ.สำนักพุทธฯ ปปป. , คสช. ช่วยกันทำให้พระธรรมวินัยกลับมาเป็นที่มุ่งหวังได้ โดยไร้ข้อกังขาใดๆ จากผู้ศรัทธา คนชั่วต้องถูกกำจัด คนดีพระดี ต้องได้รับการกราบไหว้บูชา ซึ่งควรจะเป็นเช่นนี้มานานแล้ว"หลวงปู่พุทธะอิสระระบุ