xs
xsm
sm
md
lg

เลิกยักท่า ขออยู่ต่อ ไม่อายแล้ว...

เผยแพร่:   โดย: โสภณ องค์การณ์


เทศกาลมหาสงกรานต์ผ่านไปแล้ว ทำให้คนลืมทุกข์ชั่วคราว มีโอกาสสนุกสนานกับประเพณีดั้งเดิมของไทย จากการจำกัดการเล่นน้ำเพียงภาคเหนือหลายทศวรรษก่อนมาเป็นการฉลองอย่างจริงจังแทบทุกพื้นที่ของประเทศ ถือว่าเป็นการพักเวลาชั่วคราว

ใครประสบเคราะห์กรรม ไม่ได้มีชีวิตอยู่หลังสงกรานต์ หรือต้องพิกลพิการด้วยอุบัติเหตุ คงหมดโอกาสได้แก้ตัว ไม่ว่าเหตุร้ายนั้นตัวเองเป็นเหยื่อ หรือมีส่วนทำให้เกิด ถือว่าเป็นความสูญเสียอันเกิดจากความประมาท ความพลั้งพลาด คราวเคราะห์

ช่วงก่อนสงกรานต์ อะไรต่อมิอะไรทางการเมืองชัดขึ้น แม้จะเป็นการเมืองน้ำเน่าแบบเดิม เพราะคนหน้าเดิมๆ ยังอยู่กันครบ เว้นแต่พวกล้มหายตายจากไป หรือลี้ภัยไปอยู่ต่างประเทศ แต่ยังไม่สิ้นฤทธิ์พิษร้าย พ่นน้ำลายสร้างปัญหาเหมือนเดิม

วงการเมืองก็เห็นชัดว่าขบวนการเพื่อ “นายกฯ คนนอก” เปิดตัวแล้ว เพียงแต่ยังไม่เปิดปากยอมรับเต็มที่ เพียงแค่นี้ก็พอให้เห็นเจตนาว่าใครบ้างกระสันในอำนาจ เสพติดความเป็นผู้นำรัฐบาล กุมชะตากรรมบ้านเมือง ชาวบ้านอยู่ในสภาวะจำยอม

มีโพลเชลียร์มาเสริมหนุนแบบไม่เนียน แม้ชาวบ้านคนรู้ทันเห็นชัดว่าไร้รากฐานความน่าเชื่อถือ แต่เมื่อทำแบบด้านได้อายอดของการเมืองน้ำเน่าเน้นการแก่งแย่งผลประโยชน์ อะไรที่ทำให้ชาวบ้านเคลิบเคลิ้มลืมทุกข์ได้ ก็ยิ่งต้องเร่งทำ

ขบวนการอวยคุณท่านผู้นำ อ้างความนิยม ความต้องการ ความจำเป็น ความเป็นผู้ที่แผ่นดินนี้จะขาดเสียมิได้ ทำให้โพลต้องสร้างประเด็น ตีกินกับสถานการณ์ เช่นใครที่ชาวบ้านอยากรดน้ำดำหัวอันดับ

1 ใครเหมาะสมจะเป็นนายกฯ คนนอก...

ปั่นราคาแบบไม่อายฟ้าดินอย่างนี้ ใครจะกล้าขัดใจ ขวางกระแสกำมะลอ!?

ความมั่นใจด้านความนิยมชมชอบ ตามที่คนป้อนคำป้อยอให้เชื่อ ทั้งๆ ที่อยู่ในกระแสขาลง กองหนุนไม่เหลือ เท่ากับตอกย้ำให้เห็นว่าอาการลืมตนลืมตัว หน้ามืดตามัวเป็นภาวะปกติของคนหลงและเหลิงอำนาจ ขาดตัวเองแล้วชาติจะล่มจม

ต่อให้หนักแน่นปานใด ถ้ามีใจชมชอบการได้ฟังระรื่นหูมากกว่าข่าวร้าย ผู้นำรัฐบาลอยู่ในสภาวะเสี่ยงต่อการหลงระเริง กว่าจะรู้ตัวก็ตกจากอำนาจเสียแล้ว และอาการที่ว่านี้ชาวบ้านก็ได้เห็นว่าแม้แต่คุณท่านล้งเล้งก็ไม่อยู่นอกเหนือกฎเกณฑ์

คุณท่านผู้ใหญ่ผู้โตนักประพันธ์เพลงไม่กระมิดกระเมี้ยนอีกต่อไปแล้ว แสดงเจตนารมณ์อย่างเต็มบ้องว่าจะขออยู่ต่อเป็นผู้นำบ้านนี้เมืองนี้ มีแรงบันดาลใจผ่านเพลงที่ 6 “สู้เพื่อแผ่นดิน” แต่ไม่มีรายละเอียดว่าสู้เพื่อ “แผ่นดินของใคร” กันแน่

ก่อนหน้านี้ ช่วงใครเป็นใหญ่ ทำไมไทยต้องเสียปราสาทพระวิหาร?

ชาวบ้านสงสัยว่าจะอยู่ต่อเพื่อออกเพลงให้เต็มอัลบั้มหรืออย่างไร เพลงก่อนหน้านี้ชื่อ “ใจเพชร” ไม่มีรายงานความนิยมว่าอยู่ในขั้นไหน ชาวบ้านชื่นชอบเพียงใด เมื่อเทียบกับผลงานบริหารบ้านเมืองแล้วเป็นอย่างไร น่าจะเป็นสิ่งที่ต้องคำนึงให้มาก

นักประพันธ์เพลงมักสะท้อนความคิด อารมณ์ความรู้สึกของตนเองว่าเป็นอย่างไร เว้นแต่เพลงประเภทปลุกใจ แต่งขึ้นมาเพื่อกระตุ้นคนอื่นให้มีความรู้สึกนั่นนี่โน่น บางยุคมีเพลงปลุกระดมให้นำพาชาติเข้ารกเข้าพง แหกตาชาวบ้านแต่ตัวเองโกง

เอาเหอะ คุณท่านผู้นำอยากโชว์ทักษะการประพันธ์เพลงหวังกู่ร้องให้ก้องโลกหรืออะไรก็สุดแล้วแต่ เพลงที่ชาวบ้านจำได้ดี แต่ไม่มีสถานีของสื่อไหนเปิดกรอกหูชาวบ้านอีกแล้ว คือเพลงที่มีเนื้อหาว่า “เราจะทำตามสัญญา....” เจื้อยแจ้วเรื่อยเปื่อย

น่าจะเป็นเพราะกุมอำนาจรัฐประหารเกือบจะครบ 4 ปีแล้ว ยังไม่มีอะไรเป็นเนื้อหาสาระจริงจังสำหรับประเทศ หรือสิ่งที่ประชาชนเรียกร้องต้องการ ผลงานไม่คุ้มกับอำนาจที่มี เวลาที่ผ่านไป ชาวบ้านบ่นเสียงดังว่า “เสียของๆๆๆ” ก็ไม่มีใครใส่ใจ

จากคำอ้างว่า “ไม่สืบทอดอำนาจ” ก็แปร่งเปลี่ยน มีคนตะแคงปากพูดว่า “คนที่ชื่นชม ชื่นชอบตั้งพรรคหนุนท่าน” ล่าสุดกลับเป็นคนในรัฐบาล นั่งเก้าอี้รัฐมนตรีประกาศอย่างไม่อายว่าจะตั้งพรรคหนุนให้คุณท่านได้อยู่ต่อ ตัวเองก็ได้อยู่ร่วมด้วย

ท่านเนติบริกรเอกยอมรับหน้าตาเฉยว่าการเป็นรัฐบาลแล้วไปหาเสียงย่อมเป็นความได้เปรียบอยู่บ้าง เรื่องนั้นไม่ว่าอะไร แต่การเอาเงินภาษีประชาชนไปถลุงในโครงการประชานิยมถมไม่เต็มเพื่อปูทางให้อยู่ยาวนั้น ควรมีความละอายใจบ้าง

ถ้าจะอ้างว่าการเป็นนักการเมือง นักเลือกตั้ง ต้องไม่มีความอาย ก็ไม่ว่ากัน!

มีประเด็นน่าสงสัย เวลาทำงานนั้นจะมุ่งเน้นวางแผนเพื่อสร้างความนิยม ให้ชาวบ้านชื่นชม เลือกให้อยู่ต่อหรือไม่ มีผลงานอะไรที่จะแถลงให้ชาวบ้านรับรู้นอกจากภาระหนี้สิน การใช้เงินมือเติบเกินงบประมาณไปกว่า 1.78 ล้านล้านบาท

ตอบหน่อยได้หรือไม่ว่าจะรับผิดชอบอย่างไรกับการถลุงเงิน สร้างหนี้สินให้ประชาชนคนที่ต้องก้มหน้าหาเงินเสียภาษีให้รัฐบาลเอาไปค้ำจุนทุนใหญ่ ทั้งในและนอกประเทศให้เข้ามากอบโกยความมั่งคั่งจากทรัพย์สินแผ่นดินผ่านโครงการต่างๆ

เนื้อหาเพลง “สู้เพื่อแผ่นดิน” ออกแนวออดอ้อนถึงความเหนื่อยยากในการทำงานเพื่อบ้านเมือง จะดันทุรัง...เอ๊ย...มุมานะทำงานต่อไป ใครติฉินนินทาว่าร้ายก็ช่าง ...นี่แหละนักการเมืองแท้ ยิ้มสู้ได้ แม้ชาวบ้านรวมตัวเดินขบวนขับไล่ก็ต้องทนอยู่

ทุกวันนี้เป็นผู้นำเผด็จการ มาจากรัฐประหาร ยังไม่ยอมคายอำนาจให้พรรคการเมืองเข้าสู่กระบวนการเลือกตั้ง เพราะถ้ารามือ ยอมให้นักการเมืองฝีปากกล้าวิพากษ์วิจารณ์ได้เต็มที่ ก็เท่ากับหยิบยื่นอาวุธให้ฝ่ายตรงข้ามมาทำร้ายนั่นเอง

แต่ก็เลี่ยงไม่พ้น อยู่ที่ว่าจะจบตามกำหนดหรือจบเห่ก่อน ดีหรือร้ายเท่านั้น!


กำลังโหลดความคิดเห็น