โหราศาสตร์ภาคพยากรณ์ แบ่งดวงดาวออกเป็น 2 ฝ่ายคือ
1. ฝ่ายศุภะพระเคราะห์ได้แก่ ดาว จันทร์ พุธ พฤหัส และศุกร์
ดาวฝ่ายนี้ให้คุณทางวาสนา และบารมีคือ ถ้าอยู่ในตำแหน่งดีและในเรือนดี จะทำให้เจ้าชะตาเจริญรุ่งเรือง ตามนัยแห่งตำแหน่งและเรือนนั้น
ในทางกลับกัน ถ้าอยู่ในตำแหน่งเสียและเรือนเสีย ก็จะทำให้มีวาสนาและบารมีน้อยลง ยังผลให้เจ้าชะตาไม่เจริญรุ่งเรืองตามความหมายของตำแหน่ง และเรือนนั้นๆ
2. ฝ่ายบาปพระเคราะห์ได้แก่ ดาว อาทิตย์ อังคาร เสาร์ และราหู
ดาวฝ่ายนี้ให้คุณในทางพระเดชคือ ถ้าอยู่ในตำแหน่งและเรือนดี ก็จะทำให้เจ้าชะตามีอำนาจ และมีความเด็ดขาดในการใช้อำนาจนั้น
ในทางกลับกัน ถ้าอยู่ในตำแหน่งและเรือนเสีย ก็จะทำให้พระเดชลดลงไป และอาจถึงกับให้โทษแก่เจ้าชะตาได้
ดังนั้น ดาวทั้งสองฝ่ายจึงถ่วงดุลกันระหว่างคุณธรรม โดยยึดดาวพฤหัสบดีเป็นหลักกับการใช้อำนาจ โดยดาวอังคารและราหูเป็นหลักจะต้องอยู่ในเรือนที่สัมพันธ์กัน 60 องศา 120 องศา และ 180 องศา จึงจะเป็นดวงชะตาประสบความสำเร็จ และก่อให้เกิดประโยชน์แก่สังคมโดยรวม และตนเอง
ด้วยเหตุนี้ โหราจารย์ทั้งหลายจึงยึดหลักว่า ดวงชะตาที่ดีและประสบความสำเร็จในการดำเนินชีวิต จะต้องมีดาวตั้งอยู่ในตำแหน่งถ่วงดุลกัน ยกตัวอย่างดวงชะตาที่จะประสบความสำเร็จในทางธุรกิจ และการเมือง จะต้องมีดาวพฤหัสบดี ราหู และศุกร์อยู่ในตำแหน่งสัมพันธ์กัน และดาวทั้ง 3 ดวงนี้จะต้องเด่นด้วยตำแหน่งทักษา และเรือน
ในดวงเมือง ดาวพฤหัสบดีกับเสาร์กุมกันในเรือนปุภะ โดยมีดาวพฤหัสบดีมีตำแหน่งเป็นเกษตร ราหู ศุกร์ และพุธทับกันในเรือนวินาศ อาทิตย์กุมลัคนา และจันทร์อยู่กรกฎ บ่งบอกชัดเจนว่า ผู้นำประเทศจะต้องมีคุณธรรม มีความรอบรู้ และเป็นคนสันโดษจึงจะอยู่ในตำแหน่งได้นาน และนำคุณประโยชน์ให้แก่ประเทศได้ ถ้ามีพฤติกรรมตรงข้ามคือ เป็นคนโลภ ไม่มีคุณธรรม ถึงแม้จะเป็นคนมีความรู้ มีความสามารถ แต่ขาดคุณธรรมกำกับก็อยู่ในตำแหน่งไม่ได้นาน จะต้องลงจากตำแหน่งด้วยความจำใจ โดยเสียงสาปแช่งตามหลังแทบทั้งสิ้น
จาก 14 เมษา-6 ตุลา 61 ดาวพฤหัสบดีโคจรถอยหลังเข้าเล็งลัคนาดวงเมือง ดังนั้น ในช่วงนี้จะส่งผลทางลบต่อผู้ที่อยู่ในตำแหน่งปกครองประเทศ ที่ไม่มีคุณธรรม และขาดความรู้ ความสามารถในการปกครองประเทศถึงขั้นต้องลงจากตำแหน่งด้วยความจำใจ และจากไปพร้อมกับความดีใจของประชาชน
ในขณะเดียวกัน ดาวพฤหัสบดีในตำแหน่งนี้ จะเปิดโอกาสให้คนดีมีความสามารถ และมีความเด็ดขาดในการแก้ปัญหาของประเทศเข้ามาทำหน้าที่แทน
แต่อย่างไรก็ตาม ในช่วง 7 ต.ค. 61-29 ต.ค. 62 ดาวพฤหัสบดีจะโคจรเดินหน้าเข้าสู่เรือนมรณะอีกครั้ง
แต่ในครั้งนี้จะส่งผลในทางลบต่อดวงเมืองน้อยกว่าในช่วงวันที่ 9 ก.พ.-13 เมษายนที่ผ่านมา ทั้งนี้ด้วยเหตุปัจจัยในทางโหราศาสตร์ และในทางการเมืองดังนี้
1. ในทางโหราศาสตร์ ดาวพฤหัสบดีโคจรเดินหน้าปกติ และทำมุมเล็งดาวอังคารซึ่งเป็นคู่สมพล ถึงแม้จะอยู่ในเรือนมรณะ แต่ก็ให้โทษน้อยกว่าที่โคจรปกติในช่วงวันที่ 9 ก.พ.-13 เมษา 61 ที่ผ่านมา
2. ในทางการเมือง ประเทศไทยได้ผ่านเหตุการณ์รุนแรงทางการเมืองมาแล้วหลายครั้งหลายหน
ดังนั้น คนไทยจึงน่าจะได้บทเรียนในการเลือกและไม่เลือกผู้นำประเทศ รวมไปถึงการให้และไม่ให้โอกาสในการปกครองประเทศแก่ใคร โดยยึดผลประโยชน์ของประเทศ และประชาชนโดยรวมเป็นหลัก และตนเองก็จะได้ประโยชน์ในฐานะพลเมือง และเป็นหน่วยย่อยของสังคมด้วย