ระหว่างเดือนเมษายนปีนี้...มีการประชุมระหว่างประเทศที่น่าสนใจอยู่เวทีหนึ่ง นั่นคือเวทีประชุมที่เรียกว่า “The Convention on Certain Conventional Weapons” ณ กรุงเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ที่ได้มีการหยิบยกเอาเรื่องการพัฒนาอาวุธตามแบบแผน (Conventional Weapon) ซึ่งมันไม่ค่อยเข้าแบบ เข้าแผน หรือไม่น่าจะ “เข้าท่า” ซักเท่าไหร่ โดยเฉพาะในมาตรฐานทางคุณธรรม ศีลธรรม หรือมนุษยธรรมอันพึงมีในหมู่มวลมนุษย์ทั้งหลาย มาพูดจาหารืออย่างเป็นระบบและเป็นกิจการ โดยมีประเทศถึง 91 ประเทศเข้าร่วม...
โดยเฉพาะความพยายามที่จะนำเอาสิ่งประดิษฐ์ที่เรียกว่า “ปัญญาประดิษฐ์” (Artificial Intelligence-AI) ไปต่อเติมเสริมแต่งให้กับบรรดาเครื่องจักรซึ่งถูกนำมาใช้เป็นอาวุธสังหารพร่าผลาญมวลมนุษย์ด้วยกัน จนก่อให้เกิดหุ่นยนต์นักฆ่า เครื่องบินลาดตระเวนโจมตี ทิ้งระเบิด ล่าสังหาร ฯลฯ ที่ไร้คนขับ เรือรบที่สามารถขับเคลื่อนด้วยตัวเอง ออกไปปฏิบัติการล้างผลาญทำลายเป้าหมายทางทะเล บริเวณชายฝั่ง หรือลึกเข้าไปในแผ่นดิน ไปจนถึงยานอวกาศหุ่นยนต์ที่โคจรอยู่บนห้วงอวกาศไม่ต่างอะไรไปจากเรือบรรทุกเครื่องบินในทะเล โดยไม่ต้องมีใครคอยควบคุม แต่สามารถบรรทุกเครื่องบินรบและบรรดาอาวุธร้ายแรงเอาไว้ใน “ยานแม่” ส่งลงมาเล่นงานใครต่อใครในภาคพื้นดิน แบบเดียวกับหนังเรื่องสตาร์วง สตาร์วอร์ อะไรประมาณนั้น ฯลฯ ฯลฯ...
การพูดจาหารือในเรื่องทำนองนี้...ได้นำไปสู่การรณรงค์ที่เรียกขานกันในนาม “Campaign to Stop Killer Robots” มาตั้งแต่ปี ค.ศ.2014 หรือเกือบจะ 5 ปีเข้าไปแล้ว แต่ก็ยัง “ไม่น่าจะไปไหน” หรือยังไม่มีแนวโน้มใดๆ ว่าจะ “Stop” บรรดาพวก “หุ่นยนต์นักฆ่า” หรือ “เครื่องจักรสังหาร” ที่นับวันจะถูกประดิษฐ์คิดค้น ถูกพัฒนา ให้พิสดารพันลึกหนักขึ้นเรื่อยๆ เพิ่มความเหี้ยมโหด ไร้ปรานี ความน่าเกลียดน่ากลัว ชนิดแทบไม่ต่างไปจากยุคหุ่นยนต์ครองโลก ในหนังฝรั่งเรื่อง “The Terminator” อะไรทำนองนั้น แม้จะมีผู้ที่มีเกียรติ มีชื่อเสียง มีความรู้ ความเชี่ยวชาญระดับดังๆ ทั่วทั้งโลก จำนวนกว่า 1,000 คน จาก 28 ประเทศ โดยเฉพาะผู้เชี่ยวชาญด้าน “ปัญญาประดิษฐ์”และ “หุ่นยนต์” ร่วมกันเข้าชื่อเรียกร้องให้หาทางหยุดยั้งการพัฒนาเครื่องจักรสังหารประเภทนี้ มีทั้งนักคิด นักวิทยาศาสตร์ระดับอัจฉริยะ อย่าง “สตีเฟน ฮอว์กิง” (Stephen Hawking) ผู้เพิ่งวายชนม์ไปเมื่อไม่นานมานี้ นักวิชาการระดับนักปราชญ์อย่าง “นอม ชอมสกี้” (Noam Chomsky) หรือแม้แต่นักธุรกิจอย่าง “เดมิส ฮัสซาบิส” (Demis Hassabis) หนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้งบริษัทปัญญาประดิษฐ์อย่าง “Google DeepMind” ฯลฯ ฯลฯ เข้าร่วมลงชื่อ เรียกร้องตั้งแต่ปี ค.ศ. 2015 ให้หยุดการนำเอา “AI” เข้าไปต่อเติม เสริมแต่ง การพัฒนาอาวุธทั้งหลาย โดยให้องค์กรระหว่างประเทศอย่างสหประชาชาติ ตราเป็นกฎหมายที่เรียกว่า “Lethal Autonomous Weapon System” (LAWS) เพื่อใช้บังคับต่อทุกประเทศ แต่ก็นั่นแหละ...ทุกสิ่งทุกอย่างก็ยังคงเป็นได้แค่ความฝัน หรืออุดมคติที่ออกจะ “สวนทาง” กับความจริง หรือข้อเท็จจริง ซึ่งออกไปทางเหี้ยมโหดอำมหิต น่าเกลียดน่ากลัว ยิ่งขึ้นทุกที...
โดยเฉพาะในโลกที่ “สงครามเย็นยุคใหม่” มันได้เริ่มต้นขึ้นมาแล้ว แถมยังพร้อมที่จะกลายเป็น “สงครามร้อน” ได้ทุกเมื่อ ไม่ว่าจะเป็นมหาอำนาจอย่างอเมริกา อังกฤษ รัสเซีย ไปจนถึงจีน ฯลฯ ต่างหนีไม่พ้นต้องหันไปมุ่งมั่นพัฒนาอาวุธตามแบบแผน (Conventional Weapon) ให้กลายเป็น “อาวุธร้ายแรง” หรือ “อาวุธล้างผลาญ” (Lethal Autonomous Weapon) ยิ่งขึ้นไปอีก การนำเอา “AI” หรือ “ปัญญาประดิษฐ์” เข้าไปต่อเติมเสริมแต่ง เครื่องจักรแห่งการทำลายล้าง ส่งผลให้เกิดอาวุธแปลกๆประเภท “รถถังไร้คนขับ” ตั้งแต่ระดับขนาดจิ๋ว หรือระดับซูเปอร์รถถังอย่าง “Armata T-14” ของรัสเซีย ที่ไม่เพียงแต่ขับเคลื่อนด้วยตัวเอง ยังติดปืนกลอัตโนมัติบนแท่นยิงที่หมุนได้รอบตัว สามารถสั่งการยิงเป้าหมายต่างๆ ด้วยความคิดเทียมๆ หรือปัญญาเทียมๆ ที่ถูกตั้งโปรแกรมเอาไว้ หรือ “เครื่องบินไร้คนขับ” แบบ “Taranis” ของอังกฤษ ที่สามารถขนอาวุธจำนวนมหาศาลในระยะทางไกลๆ โดยไม่ต้องมีผู้ควบคุม สามารถหลบรอดเรดาร์ และการป้องกันของฝ่ายตรงข้ามได้อย่างนักบินรายใดก็ไม่มีขีดความสามารถพอที่จะทำได้ ไปจนถึง “เรือรบขับเคลื่อนตัวเอง” หรือ “Sea Hunter” ของคุณพ่ออเมริกา ที่สามารถออกปฏิบัติการโจมตีใครต่อใครโดยไม่ต้องมีลูกเรือแม้แต่รายเดียว ออกจากท่า กลับมายังท่า หลังจากปฏิบัติการใดๆ เรียบร้อยแล้ว ตามโปรแกรมที่ได้กำหนดเอาไว้ หรือ “หุ่นยนต์สังหาร” ในหลายรูปหลายแบบ ไม่ว่าแบบที่ออกไปทาง “สัตว์ร้าย” ในแต่ละตัว เช่น “หุ่นยนต์แมวป่า” (Wild Cat) ที่สามารถวิ่งได้เร็วเท่าเสือชีตาห์ “หุ่นยนต์หมาใหญ่” (Big Dog) ที่สามารถฝังเขี้ยวใส่เหยื่อแต่ละราย ด้วยปืนกลอัตโนมัติ เครื่องยิงระเบิดชนิดต่างๆ “หุ่นยนต์แมลง” (Bugsy) ที่สามารถไต่ผนังสูงชัน ปีนขึ้น-ปีนลงได้แบบจิ้งจก ตุ๊กแก แอบเล็ดลอดเข้าไปวางระเบิดทำลายฝ่ายตรงข้ามได้อย่างเงียบกริบ ไปจนถึงแบบที่ออกไปทาง “คนเหล็ก” ที่มีลักษณะเป็น “หุ่นยนต์สังหาร” ล้วนๆ หรือเป็นแบบผสมผสานระหว่างมนุษย์กับหุ่นยนต์ เพื่อให้เกิดขีดความสามารถในการทำลายล้างได้ในระดับ “ซูเปอร์แมน” หรือ “ซูเปอร์ฮิวแมน” ...ฯลฯ ฯลฯ เป็นต้น...
และคงไม่ใช่แค่บรรดาประเทศมหาอำนาจยักษ์ๆ เท่านั้น ที่พยายามใช้ประโยชน์จาก “AI” หรือ “ปัญญาประดิษฐ์” ภายใต้การ “แข่งขันทางอาวุธ” ที่เข้มข้น รุนแรงยิ่งขึ้นเรื่อยๆ ถ้าว่ากันตามความคิด ความเห็นจากบรรดาผู้เชี่ยวชาญด้านปัญญาประดิษฐ์ ที่ออกมาคาดการณ์เอาไว้เมื่อประมาณเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ต่างเชื่อไปในแนวเดียวกันว่า อีกไม่เกิน 5 ปีข้างหน้า บรรดาพวกผู้ก่อการร้ายและอาชญากรระหว่างประเทศ ก็จะมีขีดความสามารถพอที่จะนำเอา “AI” ไปใช้ในการก่อการร้าย หรือการก่ออาชญากรรมระหว่างประเทศได้ไม่ยากซ์ซ์ซ์!!! ส่วนมันจะก่อให้เกิดอะไรต่อไป เอาเป็นว่า...วันพรุ่งนี้ลองมาฟังต่อก็แล้วกัน...