ผู้จัดการรายวัน360- "บิ๊กตู่" เมิน"สมชัย"ไม่พอใจที่ถูกโยกย้ายจนประกาศลาออกจากปลัดฯคลัง ลั่นใครอยากออก ออกได้อีก ยันรัฐบาลไม่มีรอยร้าว ด้าน"บิ๊กโย่ง"เชื่อไม่กระทบการตั้ง"ปรเมธี"นั่งปลัดฯพม. โว 1 พ.ค.เป็นต้นไป พม. เปลี่ยนแปลงใหญ่ สะอาดโปร่งใส เป็นแบบอย่างที่ดีของขรก. "ฉัตรชัย" เผยสั่งพม.-ป.ป.ท. ลงพื้นที่ตรวจสอบอีก 62 แห่ง หากพบโกงจริง ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบทันที รมว.คลัง ชงครม.ตั้งปลัดคนใหม่หลังสงกรานต์ ด้านอดีต สปช.ชี้เหตุ "สมชัย" ไม่รับตำแหน่ง เลขาฯสภาพัฒน์ เพราะหนังหน้าไฟ รับเหมางานปฏิรูปทุกอย่าง ถ้าล้มเหลวคนจะโทษสภาพัฒน์
วานนี้ (11 เม.ย.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช. กล่าวถึงกรณี นายสมชัย สัจจพงษ์ อดีตปลัดกระทรวงการคลัง ประกาศจะลาออกจากตำแหน่ง ภายหลังครม. มีมติให้ย้ายไปดำรงตำแหน่ง เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์) ว่า “ยังไม่เห็นเลย”เมื่อถามว่า นายกฯจะยับยั้งการลาออกหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า "ระงับเรื่องอะไร ทำไมล่ะ" เมื่อถามว่า อดีตปลัดกระทรวงการคลัง ไม่พอใจที่ถูกโยกไปเป็น เลขาฯสภาพัฒน์ นายกฯกล่าวว่า ไม่พอใจใคร เป็นข้าราชการไม่พอใจได้หรือ อย่างนี้ก็เป็นข้าราชการไม่ได้
"มันมีระเบียบอยู่แล้ว มีระบบ ถ้าลาออกด้วยเหตุผลส่วนตัว ก็ลาออกไป"
เมื่อถามว่า นายกฯจะไม่ยับยั้งการลาออกของนายสมชัย ใช่ หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ ตอบอย่างมีอารมณ์ว่า "จะยับยั้งเรื่องอะไรล่ะ ก็เขาลาออก จะยับยั้งเรื่องอะไร ต้องมีเหตุมีผล อย่าหาเรื่อง" ผู้สื่อข่าวถามว่าจะเกิดเป็นรอยร้าวในการทำงานของข้าราชการหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ หันมาตะโกนตอบว่า "ไม่มีร้าว ผมหนักแน่นพอ ใครอยากออก ออกมาอีก" ก่อนจะก้าวขึ้นรถไป
ด้าน พล.อ.อนันตพร กาญจนรัตน์ รมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) กล่าวถึงการออกคำสั่งให้ ผู้ตรวจราชการกระทรวงพม. ออกจากราชการไว้ก่อน จากปัญหาการทุจริตงบประมาณอุดหนุนคนไร้ที่พึ่งว่า ผู้ตรวจฯ คนดังกล่าว คือนายธีรพงษ์ ศรีสุคนธ์ ในฐานะอดีต รอง อธิบดีกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ (พส.) เนื่องจากถูกคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง ระบุว่า ข้อกล่าวหาที่ว่านายธีรพงษ์ มีส่วนเกี่ยวข้องด้วยนั้น มีมูล จึงต้องถูกตั้งกรรมการสอบวินัยร้ายแรง ดังนั้น ต้องให้ออกจากราชการไว้ก่อน หากผลการสอบสวนพบว่าไม่มีความผิด ก็กลับมารับราชการได้
ส่วนข่าวที่ว่านายสมชัย ยื่นใบลาออก เนื่องจากมติ ครม. เมื่อวันที่ 10 เม.ย. ให้ย้ายจากตำแหน่งปลัดกระทรวงการคลัง ไปเป็นเลขาฯสภาพัฒน์ แทน นายปรเมธี วิมลศิริ ที่ไปเป็นปลัดฯพม. ว่า มันเป็นไปตามกลไกของการปรับเปลี่ยนผู้บริหาร ว่าใครเหมาะสมกับตำแหน่งใด ซึ่งตนไม่ได้เข้าไปเกี่ยวข้องกับกรณีดังกล่าว อย่างไรก็ตาม การลาออกของนายสมชัย ไม่มีผลต่อมติครม. ที่แต่งตั้ง นายปรเมธี มาเป็นปลัดฯพม. เพราะ ครม.มีมติอนุมัติการแต่งตั้งนายปรเมธี แล้ว
เมื่อถามว่าได้มีการพูดคุยกับนายสมชัย และนายปรเมธี ก่อนที่จะมีมติครม. ออกมาหรือไม่ พล.อ.อนันตพร กล่าวว่า เขาพูดคุยกันก่อนแล้ว ทุกคนเป็นผู้ใหญ่กันทั้งนั้น คงไม่ใช่อยู่ๆ จะมีมติออกมาได้เลย โดยกรณีของนายสมชัย คงเป็นดุลยพินิจของนายสมชัยเอง ซึ่งตนไม่ทราบ เพราะเขาย้ายไปสภาพัฒน์ ซึ่งไม่ใช่เรื่องที่เกี่ยวกับตน
อย่างไรก็ตาม กรณีของนายปรเมธีนั้น ทำงานได้แน่นอน ไม่ถูกโดดเดี่ยว เขาสนิทกับตน รู้จักกันดี เป็นคนเก่งและทำงานเต็มที่ จึงน่าจะเข้ามาทำให้งานด้านสังคมมีความก้าวหน้ารวดเร็วมากขึ้น เพราะตอนนี้งานด้านสังคม เป็นสิ่งที่น่าห่วง ทั้งเด็ก สตรี ผู้สูงอายุ ผู้พิการ งานด้านความมั่นคง อยู่ในความรับผิดชอบของ สภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ขณะที่งานการเมืองเป็นเรื่องของรัฐบาล ดังนั้นทั้ง 3 เสานี้ เป็นสิ่งสำคัญ
"ขอฝากว่า ยุคใหม่ของพม. วันที่ 1 พ.ค.นี้ ทุกคนจะได้เห็นความเปลี่ยนแปลง ทั้งเรื่องความโปร่งใสในการทำงาน ในการจ่ายเงินอุดหนุนผ่านระบบ-อีเพย์เมนต์ เช็คเงินสด การปรับปรุงวัฒนธรรมองค์กร ให้ทุกคนทำงานอย่างโปร่งใส มีจิตสาธารณะ เราพยายามปรับปรุงพัฒนาองค์กรให้ดีขึ้น ขอให้ทุกคนช่วยให้กำลังใจแก่คนของพม. ที่ตั้งใจทำงาน เราจะทำให้ทุกคนเชื่อถือกระทรวงพม.ได้โดยเร็วที่สุด เป็นตัวอย่างที่ดีของข้าราชการ พม.ยุคใหม่ ใสสะอาด ทำงานด้วยจิตสาธารณะ" พล.อ.อนันตพร กล่าว และว่า กระทรวงนี้ถือเป็นกระทรวงที่เพิ่งตั้งมา15 ปี ยังอยู่ระหว่างการปรับตัว
พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า กรณี ครม. อนุมัติการโอน และรับโอน นายปรเมธี วิมลศิริ เลขาฯ สภาพัฒน์ มาเป็นปลัดฯพม. เพื่อเข้ามาสะสางปัญหาที่ พม. ซึ่งตนอยากเห็นคนข้างนอก เข้าไปทำงาน นายปรเมธี เป็นคนที่มีความรู้ ความสามารถ
ทั้งนี้ นอกจาก 3 คน ที่ถูกให้ออกจากราชการแล้ว ยังมีคนอื่นอีกหรือไม่นั้น ทาง พม.กำลังดำเนินการอยู่ ซึ่งตนได้สั่งการไปว่า นอกจากศูนย์พักพิงคนไร้ที่พึ่งแล้ว ยังสั่งให้ตรวจสอบนิคมสร้างตนเอง ศูนย์พัฒนาราษฎรบนพื้นที่สูง และศูนย์ประสานงานโครงการหมู่บ้าน รวม 62 แห่ง ที่ก่อนหน้านี้มีการร้องเรียน และมีหลักฐานว่าอาจจะมีการทุจริตในบางแห่ง จึงให้ตรวจสอบเพื่อให้เกิดความโปร่งใส หากพบว่ามีความผิดจริง ก็จะตั้งคณะกรรมการตรวจสอบต่อไป
นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.คลัง กล่าวว่า เตรียมจะเสนอชื่อปลัดกระทรวงการคลังคนใหม่ให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาเห็นชอบหลังเทศกาลสงกรานต์ ขณะนี้ยังไม่สามารถบอกได้ว่าจะแต่งตั้งคนนอกหรือคนในกระทรวงการคลังขึ้นมารับตำแหน่งแทนนายสมชัย ที่ได้ยื่นหนังสือลาออกจากราชการไปในช่วงเย็นวานนี้
ด้านนายบุญเลิศ คชายุทธเดช อดีตสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ(สปช.) กล่าวว่า การลาออกจากปลัดฯคลัง ของนายสมชัย เพราะไม่พอใจที่ถูกย้ายไปเป็นเลขาฯ สภาพัฒน์ นั้น เป็นที่เข้ากันได้ โดยอาจมองว่าถูกลดบทบาท ความสำคัญเพราะ 2 ตำแหน่งนี้ หน้าที่ ความรับผิดชอบ ต่างกันมาก คนเป็นเลขาฯสภาพัฒน์ นอกจากต้องเข้าประชุมครม.ทุกวันอังคารแล้ว ยังมีงานอื่นๆ ที่ต้องรับผิดชอบ เช่น เมกกะโปรเจกต์ต่างๆ ที่กำลังดำเนินไป รวมทั้งการเป็นแม่งานด้านการปฏิรูปประเทศ ที่จะต้องทำให้เกิดประสิทธิภาพ ไม่เช่นนั้นจะกระทบกับการขับเคลื่อนการปฏิรูป
ทั้งนี้ แผนการปฏิรูปประเทศ 11 ด้าน ประกาศใช้แล้วเมื่อวันที่ 6 เม.ย. ที่ผ่านมา กฏหมายแผน และขั้นตอนการปฏิรูปประเทศ กำหนดให้ สภาพัฒน์ ทำหน้าที่สำนักเลขานุการ ของคณะกรรมการปฏิรูปทั้ง 11 ด้าน ซึ่งจะมีคนของสภาพัฒน์ มานั่งเป็นเลขานุการในคณะกรรมการปฏิรูป 11 คณะ หน้าที่หลักๆ ต้องประสานงานกับหน่วยงานของรัฐ และประชาชนภาคส่วนต่างๆ , เผยแพร่แผนการปฏิรูป , ประเมินผลการดำเนินงานตามแผนการปฏิรูปเพื่อต่อ คณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ ครม. รัฐสภา, จัดทำรายงานสรุปผลการดำเนินการประจำปี เป็นต้น
"เกือบครบ 4 ปีแล้ว ที่คสช.เข้ามามีอำนาจ การปฏิรูปประเทศถูกวิจารณ์ว่า ล้มเหลว ไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน การประกาศใช้แผนปฏิรูปด้านต่างๆ ก็ยังไม่แน่ว่าจะเดินหน้าไปได้ด้วยดี เกิดผลสำเร็จตามแผนหรือไม่ สภาพัฒน์ คือตัวจักรสำคัญในการขับเคลื่อน งานจะมาก และหนักหนาสาหัส ต้องรับผิดชอบทุกอย่าง เป็นหนังหน้าไฟ ถ้าล้มเหลว ก็จะโทษสภาพัฒน์ เพราะกฎหมายเขียนให้อำนาจหน้าที่ไว้อย่างนั้น การที่ปลัดฯคลัง ไม่อยากมาเป็นเลขาฯสภาพัฒน์จึงเข้าใจได้ ผมเองก็เห็นใจ ซึ่งในความเป็นจริงคงจะมีสาเหตุอื่นๆรวมอยู่ด้วย ที่ท่านลาออก" นายบุญเลิศ กล่าว
วานนี้ (11 เม.ย.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช. กล่าวถึงกรณี นายสมชัย สัจจพงษ์ อดีตปลัดกระทรวงการคลัง ประกาศจะลาออกจากตำแหน่ง ภายหลังครม. มีมติให้ย้ายไปดำรงตำแหน่ง เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์) ว่า “ยังไม่เห็นเลย”เมื่อถามว่า นายกฯจะยับยั้งการลาออกหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า "ระงับเรื่องอะไร ทำไมล่ะ" เมื่อถามว่า อดีตปลัดกระทรวงการคลัง ไม่พอใจที่ถูกโยกไปเป็น เลขาฯสภาพัฒน์ นายกฯกล่าวว่า ไม่พอใจใคร เป็นข้าราชการไม่พอใจได้หรือ อย่างนี้ก็เป็นข้าราชการไม่ได้
"มันมีระเบียบอยู่แล้ว มีระบบ ถ้าลาออกด้วยเหตุผลส่วนตัว ก็ลาออกไป"
เมื่อถามว่า นายกฯจะไม่ยับยั้งการลาออกของนายสมชัย ใช่ หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ ตอบอย่างมีอารมณ์ว่า "จะยับยั้งเรื่องอะไรล่ะ ก็เขาลาออก จะยับยั้งเรื่องอะไร ต้องมีเหตุมีผล อย่าหาเรื่อง" ผู้สื่อข่าวถามว่าจะเกิดเป็นรอยร้าวในการทำงานของข้าราชการหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ หันมาตะโกนตอบว่า "ไม่มีร้าว ผมหนักแน่นพอ ใครอยากออก ออกมาอีก" ก่อนจะก้าวขึ้นรถไป
ด้าน พล.อ.อนันตพร กาญจนรัตน์ รมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) กล่าวถึงการออกคำสั่งให้ ผู้ตรวจราชการกระทรวงพม. ออกจากราชการไว้ก่อน จากปัญหาการทุจริตงบประมาณอุดหนุนคนไร้ที่พึ่งว่า ผู้ตรวจฯ คนดังกล่าว คือนายธีรพงษ์ ศรีสุคนธ์ ในฐานะอดีต รอง อธิบดีกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ (พส.) เนื่องจากถูกคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง ระบุว่า ข้อกล่าวหาที่ว่านายธีรพงษ์ มีส่วนเกี่ยวข้องด้วยนั้น มีมูล จึงต้องถูกตั้งกรรมการสอบวินัยร้ายแรง ดังนั้น ต้องให้ออกจากราชการไว้ก่อน หากผลการสอบสวนพบว่าไม่มีความผิด ก็กลับมารับราชการได้
ส่วนข่าวที่ว่านายสมชัย ยื่นใบลาออก เนื่องจากมติ ครม. เมื่อวันที่ 10 เม.ย. ให้ย้ายจากตำแหน่งปลัดกระทรวงการคลัง ไปเป็นเลขาฯสภาพัฒน์ แทน นายปรเมธี วิมลศิริ ที่ไปเป็นปลัดฯพม. ว่า มันเป็นไปตามกลไกของการปรับเปลี่ยนผู้บริหาร ว่าใครเหมาะสมกับตำแหน่งใด ซึ่งตนไม่ได้เข้าไปเกี่ยวข้องกับกรณีดังกล่าว อย่างไรก็ตาม การลาออกของนายสมชัย ไม่มีผลต่อมติครม. ที่แต่งตั้ง นายปรเมธี มาเป็นปลัดฯพม. เพราะ ครม.มีมติอนุมัติการแต่งตั้งนายปรเมธี แล้ว
เมื่อถามว่าได้มีการพูดคุยกับนายสมชัย และนายปรเมธี ก่อนที่จะมีมติครม. ออกมาหรือไม่ พล.อ.อนันตพร กล่าวว่า เขาพูดคุยกันก่อนแล้ว ทุกคนเป็นผู้ใหญ่กันทั้งนั้น คงไม่ใช่อยู่ๆ จะมีมติออกมาได้เลย โดยกรณีของนายสมชัย คงเป็นดุลยพินิจของนายสมชัยเอง ซึ่งตนไม่ทราบ เพราะเขาย้ายไปสภาพัฒน์ ซึ่งไม่ใช่เรื่องที่เกี่ยวกับตน
อย่างไรก็ตาม กรณีของนายปรเมธีนั้น ทำงานได้แน่นอน ไม่ถูกโดดเดี่ยว เขาสนิทกับตน รู้จักกันดี เป็นคนเก่งและทำงานเต็มที่ จึงน่าจะเข้ามาทำให้งานด้านสังคมมีความก้าวหน้ารวดเร็วมากขึ้น เพราะตอนนี้งานด้านสังคม เป็นสิ่งที่น่าห่วง ทั้งเด็ก สตรี ผู้สูงอายุ ผู้พิการ งานด้านความมั่นคง อยู่ในความรับผิดชอบของ สภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ขณะที่งานการเมืองเป็นเรื่องของรัฐบาล ดังนั้นทั้ง 3 เสานี้ เป็นสิ่งสำคัญ
"ขอฝากว่า ยุคใหม่ของพม. วันที่ 1 พ.ค.นี้ ทุกคนจะได้เห็นความเปลี่ยนแปลง ทั้งเรื่องความโปร่งใสในการทำงาน ในการจ่ายเงินอุดหนุนผ่านระบบ-อีเพย์เมนต์ เช็คเงินสด การปรับปรุงวัฒนธรรมองค์กร ให้ทุกคนทำงานอย่างโปร่งใส มีจิตสาธารณะ เราพยายามปรับปรุงพัฒนาองค์กรให้ดีขึ้น ขอให้ทุกคนช่วยให้กำลังใจแก่คนของพม. ที่ตั้งใจทำงาน เราจะทำให้ทุกคนเชื่อถือกระทรวงพม.ได้โดยเร็วที่สุด เป็นตัวอย่างที่ดีของข้าราชการ พม.ยุคใหม่ ใสสะอาด ทำงานด้วยจิตสาธารณะ" พล.อ.อนันตพร กล่าว และว่า กระทรวงนี้ถือเป็นกระทรวงที่เพิ่งตั้งมา15 ปี ยังอยู่ระหว่างการปรับตัว
พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า กรณี ครม. อนุมัติการโอน และรับโอน นายปรเมธี วิมลศิริ เลขาฯ สภาพัฒน์ มาเป็นปลัดฯพม. เพื่อเข้ามาสะสางปัญหาที่ พม. ซึ่งตนอยากเห็นคนข้างนอก เข้าไปทำงาน นายปรเมธี เป็นคนที่มีความรู้ ความสามารถ
ทั้งนี้ นอกจาก 3 คน ที่ถูกให้ออกจากราชการแล้ว ยังมีคนอื่นอีกหรือไม่นั้น ทาง พม.กำลังดำเนินการอยู่ ซึ่งตนได้สั่งการไปว่า นอกจากศูนย์พักพิงคนไร้ที่พึ่งแล้ว ยังสั่งให้ตรวจสอบนิคมสร้างตนเอง ศูนย์พัฒนาราษฎรบนพื้นที่สูง และศูนย์ประสานงานโครงการหมู่บ้าน รวม 62 แห่ง ที่ก่อนหน้านี้มีการร้องเรียน และมีหลักฐานว่าอาจจะมีการทุจริตในบางแห่ง จึงให้ตรวจสอบเพื่อให้เกิดความโปร่งใส หากพบว่ามีความผิดจริง ก็จะตั้งคณะกรรมการตรวจสอบต่อไป
นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.คลัง กล่าวว่า เตรียมจะเสนอชื่อปลัดกระทรวงการคลังคนใหม่ให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาเห็นชอบหลังเทศกาลสงกรานต์ ขณะนี้ยังไม่สามารถบอกได้ว่าจะแต่งตั้งคนนอกหรือคนในกระทรวงการคลังขึ้นมารับตำแหน่งแทนนายสมชัย ที่ได้ยื่นหนังสือลาออกจากราชการไปในช่วงเย็นวานนี้
ด้านนายบุญเลิศ คชายุทธเดช อดีตสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ(สปช.) กล่าวว่า การลาออกจากปลัดฯคลัง ของนายสมชัย เพราะไม่พอใจที่ถูกย้ายไปเป็นเลขาฯ สภาพัฒน์ นั้น เป็นที่เข้ากันได้ โดยอาจมองว่าถูกลดบทบาท ความสำคัญเพราะ 2 ตำแหน่งนี้ หน้าที่ ความรับผิดชอบ ต่างกันมาก คนเป็นเลขาฯสภาพัฒน์ นอกจากต้องเข้าประชุมครม.ทุกวันอังคารแล้ว ยังมีงานอื่นๆ ที่ต้องรับผิดชอบ เช่น เมกกะโปรเจกต์ต่างๆ ที่กำลังดำเนินไป รวมทั้งการเป็นแม่งานด้านการปฏิรูปประเทศ ที่จะต้องทำให้เกิดประสิทธิภาพ ไม่เช่นนั้นจะกระทบกับการขับเคลื่อนการปฏิรูป
ทั้งนี้ แผนการปฏิรูปประเทศ 11 ด้าน ประกาศใช้แล้วเมื่อวันที่ 6 เม.ย. ที่ผ่านมา กฏหมายแผน และขั้นตอนการปฏิรูปประเทศ กำหนดให้ สภาพัฒน์ ทำหน้าที่สำนักเลขานุการ ของคณะกรรมการปฏิรูปทั้ง 11 ด้าน ซึ่งจะมีคนของสภาพัฒน์ มานั่งเป็นเลขานุการในคณะกรรมการปฏิรูป 11 คณะ หน้าที่หลักๆ ต้องประสานงานกับหน่วยงานของรัฐ และประชาชนภาคส่วนต่างๆ , เผยแพร่แผนการปฏิรูป , ประเมินผลการดำเนินงานตามแผนการปฏิรูปเพื่อต่อ คณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ ครม. รัฐสภา, จัดทำรายงานสรุปผลการดำเนินการประจำปี เป็นต้น
"เกือบครบ 4 ปีแล้ว ที่คสช.เข้ามามีอำนาจ การปฏิรูปประเทศถูกวิจารณ์ว่า ล้มเหลว ไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน การประกาศใช้แผนปฏิรูปด้านต่างๆ ก็ยังไม่แน่ว่าจะเดินหน้าไปได้ด้วยดี เกิดผลสำเร็จตามแผนหรือไม่ สภาพัฒน์ คือตัวจักรสำคัญในการขับเคลื่อน งานจะมาก และหนักหนาสาหัส ต้องรับผิดชอบทุกอย่าง เป็นหนังหน้าไฟ ถ้าล้มเหลว ก็จะโทษสภาพัฒน์ เพราะกฎหมายเขียนให้อำนาจหน้าที่ไว้อย่างนั้น การที่ปลัดฯคลัง ไม่อยากมาเป็นเลขาฯสภาพัฒน์จึงเข้าใจได้ ผมเองก็เห็นใจ ซึ่งในความเป็นจริงคงจะมีสาเหตุอื่นๆรวมอยู่ด้วย ที่ท่านลาออก" นายบุญเลิศ กล่าว