ผู้จัดการรายวัน 360 - รัฐบาลถอยโครงการ “ทางเลียบเจ้าพระยา” เน้นพัฒนาที่ริมแม่น้ำเจ้าพระจาเป็นจุดๆ โดยไม่ทำทางเลียบลงแม่น้ำทั้งสาย แต่ต้องคำนึงถึงความคุ้มค่าทั้งด้านสิ่งแวดล้อม-เศรษฐกิจ ขีดเส้นสมาคมสถาปนิกสยามฯ จัดทำแผนนำร่องให้เสร็จภายใน 6 เดือน
วานนี้ (11 เม.ย.) นายอัชชพล ดุสิตนานนท์ นายกสมาคมสถาปนิกสยาม ในพระบรมราชูปถัมภ์ กล่าวถึง ความคืบหน้าของโครงการพัฒนาพื้นที่ริมฝั่งน้ำเจ้าพระยา หรือ “ทางเลียบเจ้าพระยา” ว่า ล่าสุดคณะกรรมการอนุรักษ์และพัฒนากรุงรัตนโกสินทร์ และเมืองเก่า ซึ่งมีพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นประธาน ได้มีมติให้พัฒนาพื้นที่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาเป็นจุดๆ ไม่มีการทำทางเลียบลงแม่น้ำทั้งสาย สำหรับบางส่วนที่เป็นเส้นทางในกรุงรัตนโกสินทร์ จะไม่มีการดำเนินการ โดยขอให้ทำอย่างคุ้มค่าในด้านต่างๆ อาทิ เศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม และอื่นๆ
ขณะเดียวกัน ยังตัองพัฒนาให้ประชาชนเข้าถึงได้ โดยพัฒนาเชื่อมโยงเอกลักษณ์และวิถีชุมชน ส่งเสริมการท่องเที่ยว ซึ่งสามารถดูตัวอย่างจากการพัฒนาทั้งภาครัฐและเอกชน เช่น ป้อมพระสุเมรุ เอเชียทีค ล้ง 1919 เป็นต้น นอกจากนี้ยังมอบหมายให้สมาคมสถาปนิกสยาม ฯ ทำแผนนำร่องให้แล้วเสร็จใน 6 เดือน
“โครงการจะเน้นการพัฒนาเป็นจุด ไม่ใช่เส้นทางที่ประชุมยังเห็นควรให้สมาคมสถาปนิกสยามทำแผนพัฒนาจากถนนตกถึงตลาดน้อย ซึ่งจะมีการเชิญทุกฝ่ายผนึกกำลังเพื่อพัฒนาพื้นที่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา เขิญสมาคม การที่มาถึงวันนี้ได้ต้องขอขอบคุณเครือข่ายต่างๆ ที่ร่วมแรงร่วมใจกันคัดค้าน" นายอัชชพล กล่าว
สำหรับปัญหาที่เกิดขึ้นในช่วงที่ผ่านมานั้น นายอัชชพล กล่าวว่า ปัญหาเกิดจากผู้ใหญ่ในบ้านเมืองขาดความรู้ ต่างคนต่างทำงาน ผู้ว่าราชการทุกคนตั้งใจทำงาน แต่บางครั้งไม่มีองค์ความรู้ ล่าสุดตนได้รับอนุญาตจากกรมการปกครองให้ดำเนินการสอนตั้งแต่ระดับนายอำเภอขึ้นไปถึงผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัดเพื่อให้เข้าใจระบบทั้งหมด ไม่ใช่การมองเป็นจุดๆ เหมือนที่ผ่านมา
วานนี้ (11 เม.ย.) นายอัชชพล ดุสิตนานนท์ นายกสมาคมสถาปนิกสยาม ในพระบรมราชูปถัมภ์ กล่าวถึง ความคืบหน้าของโครงการพัฒนาพื้นที่ริมฝั่งน้ำเจ้าพระยา หรือ “ทางเลียบเจ้าพระยา” ว่า ล่าสุดคณะกรรมการอนุรักษ์และพัฒนากรุงรัตนโกสินทร์ และเมืองเก่า ซึ่งมีพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นประธาน ได้มีมติให้พัฒนาพื้นที่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาเป็นจุดๆ ไม่มีการทำทางเลียบลงแม่น้ำทั้งสาย สำหรับบางส่วนที่เป็นเส้นทางในกรุงรัตนโกสินทร์ จะไม่มีการดำเนินการ โดยขอให้ทำอย่างคุ้มค่าในด้านต่างๆ อาทิ เศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม และอื่นๆ
ขณะเดียวกัน ยังตัองพัฒนาให้ประชาชนเข้าถึงได้ โดยพัฒนาเชื่อมโยงเอกลักษณ์และวิถีชุมชน ส่งเสริมการท่องเที่ยว ซึ่งสามารถดูตัวอย่างจากการพัฒนาทั้งภาครัฐและเอกชน เช่น ป้อมพระสุเมรุ เอเชียทีค ล้ง 1919 เป็นต้น นอกจากนี้ยังมอบหมายให้สมาคมสถาปนิกสยาม ฯ ทำแผนนำร่องให้แล้วเสร็จใน 6 เดือน
“โครงการจะเน้นการพัฒนาเป็นจุด ไม่ใช่เส้นทางที่ประชุมยังเห็นควรให้สมาคมสถาปนิกสยามทำแผนพัฒนาจากถนนตกถึงตลาดน้อย ซึ่งจะมีการเชิญทุกฝ่ายผนึกกำลังเพื่อพัฒนาพื้นที่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา เขิญสมาคม การที่มาถึงวันนี้ได้ต้องขอขอบคุณเครือข่ายต่างๆ ที่ร่วมแรงร่วมใจกันคัดค้าน" นายอัชชพล กล่าว
สำหรับปัญหาที่เกิดขึ้นในช่วงที่ผ่านมานั้น นายอัชชพล กล่าวว่า ปัญหาเกิดจากผู้ใหญ่ในบ้านเมืองขาดความรู้ ต่างคนต่างทำงาน ผู้ว่าราชการทุกคนตั้งใจทำงาน แต่บางครั้งไม่มีองค์ความรู้ ล่าสุดตนได้รับอนุญาตจากกรมการปกครองให้ดำเนินการสอนตั้งแต่ระดับนายอำเภอขึ้นไปถึงผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัดเพื่อให้เข้าใจระบบทั้งหมด ไม่ใช่การมองเป็นจุดๆ เหมือนที่ผ่านมา