ผู้จัดการรายวัน360-"แม่น้องอิน" ปล่อยโฮลั่น ยกมือกราบขอวิงวอนทุกสื่อยุติการประโคมข่าว หยุดแชร์ทุกอย่าง อยากให้เห็นถึงคุณงามความดี ยันเป็นเด็กกตัญญูจนวาระสุดท้ายของชีวิต ป้าฝากเป็นสังคมเมืองพุทธ ทำไมมองแต่เรื่องเล็กๆ น้อยๆ ที่ไม่ควรเห็น
ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณี น.ส.ณัฐนิชา เชิดชูบุพการี หรือน้องอิน อายุ 20 ปี อดีตนักแสดงเด็กชื่อดัง ประสบอุบัติเหตุขับรถยนต์ BMW รุ่น X1 สีขาว หมายเลขทะเบียน 5กบ-5248 กรุงเทพมหานคร เสียหลักตกลงไปข้างทางชนกับต้นจามจุรี เสียชีวิต บนถนนทางหลวงหมายเลข 9 บริเวณเชิงสะพานข้ามทางรถไฟ หลักกิโลเมตรที่ 79 มุ่งหน้าสระบุรี ต.เชียงรากน้อย อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา และมีการนำเสนอสาเหตุการเสียชีวิตต่างๆ นานา ตามที่เสนอข่าวมานั้น
วานนี้ (9 เม.ย.) นางลัดดา เชิดชูบุพการี มารดาของน้องอิน และนางอัจฉา โคจรสวัสดิ์ ป้าของน้องอิน ซึ่งบินมาจากเชียงใหม่ ได้นัดสื่อมวลชนเพื่อเปิดใจถึงกรณีดังกล่าวเป็นครั้งสุดท้าย โดยระหว่างให้สัมภาษณ์ทั้งคู่ได้ร้องไห้ตลอดเวลา พร้อมยกมือขอวิงวอนให้ยุตินำเสนอข่าวน้องอิน อยากให้นึกถึงคุณงามความดีน้องอินมากกว่า
นางลัดดากล่าวว่า สาเหตุที่ต้องออกมาแถลงข่าว เนื่องจากในขณะนี้ มีกระแสข่าวของน้องอินในหลายประเด็นและหลายช่องทาง ซึ่งมีทั้งข่าวลบและบวก เราในฐานะผู้สูญเสีย จึงอยากขอเปิดใจในการให้สัมภาษณ์กับสื่อทุกช่องทุกทาง ซึ่งการชี้แจงในครั้งนี้ จะเป็นครั้งสุดท้ายที่จะพูด จึงอยากขอความเห็นใจจากทุกท่านอยากขอให้จบเรื่องที่เป็นกระแสข่าว ณ ปัจจุบันนี้ซึ่งมีทั้งจริงบ้างไม่จริงบ้าง ขอให้ยุติการประโคมข่าวทุกเรื่อง ยุติการแชร์ในทุกสื่อ และอยากให้สังคมเห็นใจและเห็นถึงคุณงามความดีของน้องอินมากกว่า เพื่อให้น้องอินจากไปอย่างสงบที่สุดในวาระสุดท้ายของชีวิต เพราะน้องอินเป็นเด็กกตัญญู ขอให้นึกถึงจุดที่ดีๆ ทำไมต้องนึกถึงจุดเล็กๆ น้อยๆ ของวัยรุ่น
ด้านนางอัจฉากล่าวว่า ในนามของป้า น้องอินเป็นเด็กที่มีความกตัญญู หนักเอา เบาสู้ สารพัดทุกเรื่องที่จะทำ สังคมไทยเราทำไมไม่นึกถึงจุดที่ดี ทำไมจะต้องไปนึกถึงจุดเล็กๆ น้อยๆ ที่น้องเขาเป็นวัยรุ่นทั่วไป ป้าขอนะคะ และเมื่อเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น บ้านเราเป็นสังคมเมืองพุทธ จะต้องมองในจุดที่ไม่ควรจะมองเห็น ขอให้มองในสิ่งที่น้องทำมาหากิน ลำบากมาตั้งแต่อายุ 4 ขวบจนถึงปัจจุบันดีกว่า แล้วก็ยังทำงานจนวาระสุดท้าย ป้าและครอบครัวขอความเห็นใจกับสังคม ทุกสื่อ ขอให้น้องอินไปดี เจอแต่สิ่งดี พูดถึงเขาในเรื่องดีๆ ครอบครัวเราขอร้อง
ทั้งนี้ เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุในเรื่องของถนนหนทาง แม่และป้าได้กล่าวพร้อมกันว่า “ขอบคุณมากค่ะ” และก็เดินจากไป
ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณี น.ส.ณัฐนิชา เชิดชูบุพการี หรือน้องอิน อายุ 20 ปี อดีตนักแสดงเด็กชื่อดัง ประสบอุบัติเหตุขับรถยนต์ BMW รุ่น X1 สีขาว หมายเลขทะเบียน 5กบ-5248 กรุงเทพมหานคร เสียหลักตกลงไปข้างทางชนกับต้นจามจุรี เสียชีวิต บนถนนทางหลวงหมายเลข 9 บริเวณเชิงสะพานข้ามทางรถไฟ หลักกิโลเมตรที่ 79 มุ่งหน้าสระบุรี ต.เชียงรากน้อย อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา และมีการนำเสนอสาเหตุการเสียชีวิตต่างๆ นานา ตามที่เสนอข่าวมานั้น
วานนี้ (9 เม.ย.) นางลัดดา เชิดชูบุพการี มารดาของน้องอิน และนางอัจฉา โคจรสวัสดิ์ ป้าของน้องอิน ซึ่งบินมาจากเชียงใหม่ ได้นัดสื่อมวลชนเพื่อเปิดใจถึงกรณีดังกล่าวเป็นครั้งสุดท้าย โดยระหว่างให้สัมภาษณ์ทั้งคู่ได้ร้องไห้ตลอดเวลา พร้อมยกมือขอวิงวอนให้ยุตินำเสนอข่าวน้องอิน อยากให้นึกถึงคุณงามความดีน้องอินมากกว่า
นางลัดดากล่าวว่า สาเหตุที่ต้องออกมาแถลงข่าว เนื่องจากในขณะนี้ มีกระแสข่าวของน้องอินในหลายประเด็นและหลายช่องทาง ซึ่งมีทั้งข่าวลบและบวก เราในฐานะผู้สูญเสีย จึงอยากขอเปิดใจในการให้สัมภาษณ์กับสื่อทุกช่องทุกทาง ซึ่งการชี้แจงในครั้งนี้ จะเป็นครั้งสุดท้ายที่จะพูด จึงอยากขอความเห็นใจจากทุกท่านอยากขอให้จบเรื่องที่เป็นกระแสข่าว ณ ปัจจุบันนี้ซึ่งมีทั้งจริงบ้างไม่จริงบ้าง ขอให้ยุติการประโคมข่าวทุกเรื่อง ยุติการแชร์ในทุกสื่อ และอยากให้สังคมเห็นใจและเห็นถึงคุณงามความดีของน้องอินมากกว่า เพื่อให้น้องอินจากไปอย่างสงบที่สุดในวาระสุดท้ายของชีวิต เพราะน้องอินเป็นเด็กกตัญญู ขอให้นึกถึงจุดที่ดีๆ ทำไมต้องนึกถึงจุดเล็กๆ น้อยๆ ของวัยรุ่น
ด้านนางอัจฉากล่าวว่า ในนามของป้า น้องอินเป็นเด็กที่มีความกตัญญู หนักเอา เบาสู้ สารพัดทุกเรื่องที่จะทำ สังคมไทยเราทำไมไม่นึกถึงจุดที่ดี ทำไมจะต้องไปนึกถึงจุดเล็กๆ น้อยๆ ที่น้องเขาเป็นวัยรุ่นทั่วไป ป้าขอนะคะ และเมื่อเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น บ้านเราเป็นสังคมเมืองพุทธ จะต้องมองในจุดที่ไม่ควรจะมองเห็น ขอให้มองในสิ่งที่น้องทำมาหากิน ลำบากมาตั้งแต่อายุ 4 ขวบจนถึงปัจจุบันดีกว่า แล้วก็ยังทำงานจนวาระสุดท้าย ป้าและครอบครัวขอความเห็นใจกับสังคม ทุกสื่อ ขอให้น้องอินไปดี เจอแต่สิ่งดี พูดถึงเขาในเรื่องดีๆ ครอบครัวเราขอร้อง
ทั้งนี้ เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุในเรื่องของถนนหนทาง แม่และป้าได้กล่าวพร้อมกันว่า “ขอบคุณมากค่ะ” และก็เดินจากไป