xs
xsm
sm
md
lg

อย่ารอช้า..จงเร่งกระทำตามเถิด!

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

“สอดแนมการเมือง”
“ชัชวาลย์ ชาติสุทธิชัย”

“พระราชดำรัสและพระบรมราโชวาท”อันทรงคุณค่าเอนกอนันต์ ที่“ผู้มีอำนาจ”ปัจจุบันยังไม่ได้น้อมใส่เกล้าไปปฏิบัติ ให้ปรากฎเป็นจริงโดยเร่งด่วน คือ

ชาติบ้านเมืองประกอบด้วยนานาสถาบัน อันเปรียบได้กับอวัยวะทั้งปวง ที่ประกอบกันขึ้นเป็นชีวิตร่างกาย ชีวิตร่างกายดำรงอยู่ได้ เพราะอวัยวะใหญ่น้อยทำงานเป็นปรกติพร้อมกันอย่างไร ชาติบ้านเมืองก็ดำรงอยู่ได้ เพราะสถาบันต่างๆ ตั้งมั่นและปฏิบัติหน้าที่ของตนโดยพร้อมมูลอย่างนั้น

(พระบรมราโชวาท พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช พระราชทานแก่ทหารบก ทหารเรือ ทหารอากาศ ตำรวจ และ อาสาสมัครพลเรือนในพิธีตรวจพลสวนสนาม เนื่องในโอกาสงานพระราชพิธีรัชดาภิเษก 8 มิถุนายน.2514)

รัฐบาลรัฐประหารของ“บิ๊กตู่” ที่มีอำนาจพิเศษมาตรา 44 อยู่ในกำมือ ได้บริหารชาติอย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด แต่“ความคิด-การกระทำ”ยังสับสนวุ่นวาย-ไม่ลงตัว! ยังจัดลำดับ“ความสำคัญเร่งด่วนก่อน-หลัง” ในการแก้ต้นเหตุปัญหาชาติ-ไม่ถูกต้อง! ยัง“ลูบหน้าปะจมูก”ในการแก้ปัญหาชาติอยู่ตลอดเวลา! ฯลฯ

ทำให้รัฐบาล“บิ๊กตู่”ด้อยคุณภาพในการบริหารชาติ ส่งผลให้ไร้ผลงานโดดเด่นในการแก้ต้นเหตุปัญหาชาติ เท่าที่ควรอย่างเหลือเชื่อ

เมื่อรัฐบาล“บิ๊กตู่”บริหารชาติ และขับเคลื่อน“อำนาจรัฐ”ในภารกิจทำเพื่อชาติ ไม่แจ่มชัดเท่าที่ควร เช่น รัฐบาล“นายกฯตู่”ปราบคอร์รัปชั่นไม่จริงจังจริงใจเท่าที่ควร! รัฐบาล“นายกฯตู่”ไม่ปฏิรูปชาติก่อนเลือกตั้งอย่างจริงจังจริงใจ! รัฐบาล“นายกฯตู่”ไม่สามารถทำให้ประชาชนมั่นใจว่า คนดีจะได้บริหารชาติ และคนชั่วจะไม่มีโอกาสหวนคืนสู่อำนาจอีกครา! ฯลฯ

ทำให้ความนิยมในรัฐบาล“นายกฯตู่”อยู่ในสภาพ“ขาลง” เพราะ“พลังแห่งความดีในชาติ”ที่เป็น“กองหนุน” ทั้งภาครัฐและเอกชน เกิดความไม่ไว้วางใจ ว่ารัฐบาล“นายกฯตู่”จะทำเพื่อชาติอย่างแท้จริงนั่นเอง

ส่วน“กลไกรัฐฉ้อฉล”ก็ไม่เกรงกลัวต่อ“นายกฯตู่”อีกแล้ว จึงเกิดการโกงชาติ ในโครงการมากมายทั้งในอดีตต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน โผล่ออกมาท้าทาย“อำนาจรัฐนับถอยหลัง”ของ“นายกฯตู่”

เมื่อ“นายกฯตู่”ใช้อำนาจรัฐแบบไร้เป้าหมาย และไม่จริงจังต่อการแก้ต้นเหตุปัญหาชาติ! “กลไกรัฐทั้งปวง”จึงขับเคลื่อนไม่เต็มประสิทธิภาพบ้าง! ไร้ประสิทธิภาพบ้าง! แถมบางเรื่องยังข่มเหงรังแกประชาชนอีกด้วย! ฯลฯ

ที่สำคัญยิ่ง ด้านปัญหาความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ ปัญหาปากท้องประชาชน “นายกฯตู่”กลับมีส่วนทำให้การกระจายรายได้ต่อผู้มีรายได้น้อยและคนจน ไร้ความยุติธรรมทวีคูณยิ่งขึ้น จนทำให้ชาติไทยมีความเหลื่อมล้ำติดอันดับ 3 ของโลก และติดอันดับหนึ่งในอาเซียนอีกด้วย

เกือบ 4 ปีที่อำนาจรัฐ“นายกฯตู่” ทำร้ายและทำลายตัวเอง จากการไร้ผลงานทำเพื่อชาติและประชาชนอย่างจริงจังจริงใจ รวมทั้ง“กลไกรัฐทั้งปวง”ที่ควรเป็นพลังหนุน ช่วยให้“อำนาจรัฐนายกฯตู่”มั่นคงแข็งแรง กลับกลายเป็นพลังต้าน ทำให้รัฐบาล“นายกฯตู่” ต้องเสื่อมเสียชื่อเสียงลงไปเรื่อยๆ ดังทุกวันนี้!

น่าเสียดาย..ที่การบริหารชาติที่ผ่านมาของ“นายกฯตู่” ไม่อาจดึง“พลังแห่งความดีทุกองคาพยพ”ในชาติ ให้ผนึกพลังทำให้ชาติเจริญรุ่งเรืองสถาพร!

สัจจวาจา นั้นเป็นรากฐานของการทำงาน หรือการดำรงชีวิตที่ดีที่งามที่มีความก้าวหน้า ความสำเร็จ “สัจ” เป็นการตั้งใจ ตั้งจิตใจ “วาจา” เป็นคำพูดออกมา แสดงถึงคำพูดนั้นต้องออกมาจากใจ คือเป็นการตั้งใจที่จะทำอะไรเพื่อความสำเร็จในงานนั้น

(พระราชดำรัส พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในโอกาสที่ผู้พิพากษาประจำกระทรวงยุติธรรมเข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณก่อนเข้ารับหน้าที่ 18 มีนาคม 2525)

ผู้หนักแน่นในสัจจะ พูดอย่างไรทำอย่างนั้น จึงจะได้รับความสำเร็จ พร้อมทั้งความศรัทธา เชื่อถือ และความยกย่องสรรเสริญจากคนทุกฝ่าย การพูดแล้วทำ คือพูดจริงทำจริง จึงเป็นปัจจัยสำคัญ ในการส่งเสริมเกียรติคุณของบุคคลให้เด่นชัด

(พระบรมราโชวาท พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรของ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 10 กรกฎาคม 2540)

เอ๊ะ!..“ผู้มีอำนาจ”คนใดที่ประกาศว่า จะปราบการคอร์รัปชั่นโกงชาติ! จะปฏิรูปชาติก่อนการเลือกตั้ง! จะทำเพื่อผลประโยชน์ชาติเป็นที่ตั้ง! จะทำตาม“สัจวาจา”ที่ลั่นไว้กับประชาชน! ฯลฯ

“ผู้มีอำนาจ”พึงต้องรู้ว่า “ก่อนพูด เราเป็น นายคำพูด” แต่“หลังพูด คำพูด เป็น นายเรา”! อีกทั้งพึงต้องรู้ว่า “ความน่าเชื่อถือ”เป็น“อำนาจสำคัญ”ยิ่ง! ดังนั้น “พูด”แล้ว“ต้องทำได้” ถ้า“พูด”แล้ว“ทำไม่ได้”ก็“อย่าพูด”!

อย่างไรก็ตาม..หาก“ผู้มีอำนาจ”ได้พยายามทำตามวาจา แต่ด้วยมีอุปสรรคหรือเหตุอะไรก็ตาม จึงยังทำไม่สำเร็จ.. แต่ยังคงมุ่งมั่นจริงใจทำต่อไป มีหรือที่ผู้คนจะไม่เข้าใจ-ไม่ให้อภัยแก่“ผู้มีอำนาจ” ที่“ปากกับใจตรงกัน” ให้ได้ทำงานต่อไป..จริงไหม?

เพราะผู้คนทั้งโลก ล้วนปรารถนา“ผู้มีอำนาจ” ที่เป็น“วีรบุรุษ”ทำเพื่อชาติและประชาชน..

ทว่า..ผู้คนมักพบ“ผู้มีอำนาจ”ที่โลภมากไม่รู้จักพอ! มัก“ปากหวานก้นเปรี้ยว-ปากว่าตาขยิบ-ปากพูดอย่างทำอย่าง”! มักเป็น“พวกลิงหลอกเจ้า”กะล่อนโกหกเอาตัวรอดไปวันๆ ฯลฯ

ถ้าทำงานด้วยความตั้งใจที่จะให้เกิดผลอันยิ่งใหญ่ คือความเป็นปึกแผ่นของประเทศชาติ ด้วยความสุจริตและด้วยความรู้ความสามารถด้วยจริงใจ ไม่นึกถึงเงินทองหรือนึกถึงผลประโยชน์ใดๆ ก็เป็นการทำหน้าที่โดยตรงและได้ทำหน้าที่โดยเต็มที่

(พระบรมราโชวาท พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช พระราชทานแก่ ศึกษาธิการจังหวัดทั่วประเทศ 13 ธันวาคม 2511)

เมื่อมีโอกาสและมีงานให้ทำ ควรเต็มใจทำโดยไม่จำเป็นต้องตั้งข้อแม้หรือเงื่อนไขอันใดไว้ให้เป็นเครื่องกีดขวาง คนที่ทำงานได้จริงๆนั้น ไม่ว่าจะจับงานสิ่งใดย่อมทำได้เสมอ ถ้ายิ่งมีความเอาใจใส่ มีความขยันซื่อสัตย์สุจริต ก็ยิ่งจะช่วยให้ประสบผลสำเร็จในงานที่ทำสูงขึ้น

(พระบรมราโชวาท พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรของวิทยาลัยเทคโนโลยีและอาชีวศึกษา 8 กรกฎาคม 2530)

“ผู้มีอำนาจ”ปัจจุบัน มักประกาศ ว่า“พวกตนพร้อมเสียชีพไม่เสียสัตย์ พร้อมทำทุกสิ่งทุกอย่าง”เพื่อ “พระเจ้าอยู่หัวฯ” รวมทั้งชาติและประชาชน ให้เจริญรุ่งเรืองมั่นคงสถาพร ฯลฯ

อีกทั้ง“ผู้นำปัจจุบัน”ก็รู้อยู่แก่ใจ ว่า“ใคร”และ“อะไร”เป็นต้นเหตุ ที่ทำให้การเมือง-เศรษฐกิจ-สังคมไทย ฯลฯ เกิดวิกฤติการณ์อันเลวร้ายสารพัด ที่ทำลายความมั่นคงของชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ประชาชนอยู่ในทุกวันนี้

“ผู้มีอำนาจ”ก็รู้อยู่แก่ใจ ว่าการเลือกตั้งที่ไม่บริสุทธิ์ยุติธรรม เต็มไปด้วยการโกงสารพัดวิธี ย่อมได้รัฐสภาและรัฐบาลสามานย์ ที่เข้ามาเพื่อใช้อำนาจรัฐคอร์รัปชั่นโกงชาติ ซึ่งมิใช่ระบอบประชาธิปไตยที่แท้จริงของประชาชน

หากแต่เป็นระบอบ“ธนา-คณา-โจราธิปไตย” ของกลุ่มทุนนิยมสามานย์ที่น่าขยะแขยง ซึ่งทำให้ชาติไทยกลายเป็น“สังคมปลาใหญ่กินปลาเล็ก”ได้อย่างเสรี! เป็น“สังคมมือใครยาวสาวได้สาวเอา”หรือ“สังคมคนกินคน”ที่ไร้ความเอื้ออาทร! ฯลฯ

ที่ทำให้การโกงระบาดไปทั่ว! โกงเงินเด็ก-โกงเงินผู้สูงอายุ-โกงเงินชาวเขา-โกงเงินพระเงินวัด-โกงแม้กระทั่งเงิน“หมาบ้า” ฯลฯ จากค่านิยมผิดๆที่ว่า “นักการเมืองโกงชาติ-ข้าไม่ว่า..ขอแค่ข้าได้ประโยชน์บ้างก็แล้วกัน”!!!

น่าเสียใจ..ที่“ผู้มีอำนาจ”ไม่ปฏิบัติตาม “พระบรมราโชวาท”ของ“พระเจ้าแผ่นดิน”อย่างจริงจังจริงใจ!




กำลังโหลดความคิดเห็น