xs
xsm
sm
md
lg

“งานยิ่งใหญ่” ของปวง “ข้าราชการ!”

เผยแพร่:   โดย: ชัชวาลย์ ชาติสุทธิชัย


หากทุกผู้คนทำความดีละการทำชั่วชาติ-ศาสนา-พระมหากษัตริย์-ประชาชน ย่อมเจริญรุ่งเรืองอย่างมั่นคงสถาพรแน่นอน...

โดยเฉพาะ “ผู้นำชาติ” ในฐานะข้าราชการการเมือง ไม่ว่าจะมาจาก “การเลือกตั้ง” หรือ “รัฐประหาร” หากมุ่งมั่นทำงานเพื่อชาติ-ศาสนา-พระมหากษัตริย์-ประชาชน ด้วยความซื่อสัตย์สุจริตและจริงใจชาติไทยย่อมไม่เกิดวิกฤตเดือดร้อนไปทุกหย่อมหญ้าเยี่ยงทุกวันนี้

วันที่ 1 เมษายนของทุกปี ถือเป็น “วันข้าราชการพลเรือน” ชวนให้รำลึกคราครั้งพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงมีพระบรมราโชวาท ณ อาคารเฉลิมพระเกียรติ โรงพยาบาลศิริราช เมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2559 ดังนี้

การปฏิบัติงานทุกอย่างของข้าราชการ มีผลเกี่ยวเนื่องถึงประโยชน์ส่วนรวมของประเทศชาติและประชาชนทุกคน. ข้าราชการทุกฝ่ายทุกระดับ จึงต้องระมัดระวังการปฏิบัติทุกอย่าง ให้สมควรและถูกต้องด้วยหลักวิชา เหตุผล ความชอบธรรม. ข้อสำคัญ เมื่อจะทำการใด ต้องคิดให้ดี โดยคำนึงถึงผลที่จะเกิดขึ้น ให้รอบคอบและรอบด้าน เพื่อให้งานที่ทำบังเกิดผลดี ที่เป็นประโยชน์แท้แต่อย่างเดียว.

สำหรับ “วันข้าราชการพลเรือน 1 เมษายน 2561” สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระราโชวาท แก่ข้าราชการพลเรือนทั้งปวง ดังนี้

ผู้ปฏิบัติราชการ นอกจากจะต้องรู้งานในหน้าที่อย่างทั่วถึงแล้ว ยังจำเป็นต้องรู้ดีชั่ว ประโยชน์และไม่ใช่ประโยชน์ อย่างกระจ่างชัดด้วย. งานราชการซึ่งเป็นงานของแผ่นดิน จึงจะดำเนินไปอย่างถูกต้อง ตรงตามเป้าหมาย และสำเร็จประโยชน์ที่พึงประสงค์ คือยังความดี ความเจริญให้เกิดแก่ประเทศชาติและประชาชนได้อย่างแท้จริงและยั่งยืน.

ทั้งนี้ เพื่อให้ข้าราชการทั้งปวงได้น้อมรับใส่เกล้าฯ ทั้งเป็นอุดมการณ์ในการประพฤติ และปฏิบัติหน้าที่ในราชการของตน อันจะนำความเจริญมาสู่ชาติบ้านเมืองสืบไป

พระราโชวาท “ในหลวงรัชกาลที่ ๑๐” พระราชทานแก่ “ข้าราชการพลเรือน” ทั้งปวง จะยังผลดีอย่างใหญ่หลวงต่อชาติบ้านเมือง หากข้าราชการทั้งปวงนำไปปฏิบัติอย่างจริงจัง..

พระบรมราโชวาท “ในหลวงรัชกาลที่ ๙” และพระราโชวาท “ในหลวงรัชกาลที่ ๑๐” ล้วนเป็นคำสอนอันล้ำค่าและเปี่ยมคุณอนันต์ หากข้าราชการทั้งปวงน้อมใส่เกล้าฯนำไปปฏิบัติให้เป็นจริง

แต่น่าเสียดายยิ่งนัก ทั้งยุครัฐบาลมาจากการเลือกตั้งและรัฐประหาร มักมีข้าราชการจำนวนมิใช่น้อย ไม่ได้ปฏิบัติหน้าที่อย่างซื่อสัตย์สุจริต ไม่ได้มุ่งมั่นทำเพื่อชาติและประชาชนอย่างแท้จริง ให้สมดังเป็นข้าในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

แถมยังใช้อำนาจหน้าที่ในฐานะข้าราชการ ทำการคอร์รัปชันโกงชาติอย่างน่าขยะแขยง ด้วยการโกงเงินแผ่นดินสารพัดอย่างต่อเนื่อง เช่น โกงเงินช่วยเหลือเด็กยากจน! โกงเงินช่วยเหลือชาวเขา! โกงเงินช่วยเหลือผู้สูงอายุ! โกงเงินพระเงินวัดเงินญาติโยม! ฯลฯ

น่าฉงน ที่ “ผู้นำชาติ” ที่ผ่านมา มิได้ปราบปรามขบวนการโกงชาติทั้งที่มาในคราบข้าราชการและเอกชน ทำให้การโกงชาติขยายตัวไปทั่วทุกหย่อมหญ้าโดยเฉพาะในยุครัฐบาล “เหลี่ยม” กับเครือข่าย

ที่ชนะการเลือกตั้งด้วยวิธีสกปรกสารพัด ทั้งใช้เงินซื้อเสียงและโกงเลือกตั้ง รวมทั้งการใช้นโยบายประชานิยม ที่เป็นอันตรายต่อชาติและประชาชนในระยะยาว ที่สำคัญยังอ้างนโยบายช่วยเหลือ “คนจน” แต่กลับผลาญและโกงเงินชาติอย่างมหาศาล ดังโครงการ “จำนำข้าว” ที่ทำเงินชาติมลายไปหลายแสนล้านบาท

บทเรียนจริงที่ผ่านมาบอกแล้วว่า “เลือกตั้ง” ไม่อาจแก้ปัญหาชาติได้อย่างแท้จริง! “รัฐประหาร” ก็มิได้แก้ต้นเหตุปัญหาชาติเช่นกัน!

การเลือกตั้งสกปรก-ย่อมมิใช่ประชาธิปไตยที่แท้จริง!

ที่ผ่านมา...ประชาธิปไตยในชาติไทย มิใช่ประชาธิปไตยเพื่อชาติและประชาชน หากแต่เป็นประชาธิปไตยจอมปลอม ที่มีเนื้อหาเป็นเพียง “ธนา-คณา-โจราธิปไตย” เท่านั้น

เพราะระบอบการเมืองที่ผ่านมาไม่ได้ทำให้คนดี ได้ขึ้นปกครองชาติบ้านเมืองอย่างมั่นคงถาวรไงล่ะ

“เติ้ง เสี่ยวผิง” สรุปภารกิจของ “แมว” ไว้สั้นๆ ว่า “ไม่ว่าจะเป็นแมวดำแมวขาวขอให้จับหนูได้ก็ถือว่าเป็นแมวที่ดี”

“ในหลวงรัชกาลที่ ๙” ทรงมีพระบรมราโชวาทอันเปี่ยมคุณค่าด้านการปกครองบ้านเมืองไว้ว่า

“ในบ้านเมืองนั้น มีทั้งคนดีและคนไม่ดี ไม่มีใครจะทำให้ทุกคนเป็นคนดีได้ทั้งหมด การทำให้บ้านเมืองมีความปกติสุขเรียบร้อย จึงมิใช่การทำให้ทุกคนเป็นคนดี หากแต่อยู่ที่การส่งเสริมคนดี ให้คนดีได้ปกครองบ้านเมือง และควบคุมคนไม่ดีไม่ให้มีอำนาจ ไม่ให้ก่อความเดือดร้อนวุ่นวายได้”

(พระบรมราโชวาท พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชในพิธีเปิดงานชุมนุมลูกเสือแห่งชาติ ครั้งที่ 6 ณ ค่ายลูกเสือวชิราวุธ อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรีวันที่ 11 ธันวาคม 2512)

ตราบจนวันนี้...ยังไม่มี “ผู้นำชาติ” และ “รัฐบาล” ใด ทั้งที่มาจากการเลือกตั้งและรัฐประหาร ซึ่งมักจะอ้างว่ารักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ประชาชน สร้างสรรค์ระบอบการเมือง ที่ทำให้คนดีได้ขึ้นปกครองชาติ และกีดกันคนชั่วมิให้มีอำนาจได้อย่างมั่นคงถาวรเลย

ทั้งๆ ที่เป็นภาระหน้าที่หลักของ “ข้าราชการใหญ่น้อยทั้งปวง” จะต้องสนองงานสำคัญยิ่งของชาติให้สำเร็จมิใช่หรือ...???


กำลังโหลดความคิดเห็น