อย่างที่เคยได้หยิบเอาความคิด ความเห็น ของคอลัมนิสต์รุ่นเก๋ากึก “นายสตีเฟน เลนด์แมน” (Stephen Lendman) นักคิด นักวิชาการแห่งมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด อดีตทหารผ่านศึกกองทัพสหรัฐฯ อีกทั้งเป็นผู้เคยมีประสบการณ์ด้านเศรษฐกิจ การตลาด คลุกคลีกับการวิเคราะห์การหาประโยชน์ของบรรษัทธุรกิจระดับข้ามชาติไม่น้อยกว่า 7 ปีเต็มๆ ที่ได้มองแนวโน้มความเป็นไปของฉากสถานการณ์โลก หลังการปรับเปลี่ยนแนวคิดด้านยุทธศาสตร์ความมั่นคงของสหรัฐฯ ไปพร้อมๆ กับการปรับเปลี่ยนคณะผู้บริหารรัฐบาล “ทรัมป์บ้า” มาตามลำดับขั้น ซึ่งหนักไปทาง “โลกซวย” ไม่ใช่ “โลกสวย” เอาเลยแม้แต่น้อย...
คือเป็นโลกที่หนักไปทางก้าวร้าวรุนแรง อันสามารถก่อให้เกิด “อันตราย” ต่อสันติภาพและเสถียรภาพของโลกยิ่งขึ้นทุกขณะ โดยได้ไล่เรียงให้เห็นถึงแนวโน้มของปรากฏการณ์ ที่กำลังเป็นไปในแบบ... “สงครามในซีเรียจะถูกยกระดับ (หรือถูกฟื้นคืนกลับไปสู่ความรุนแรงที่ไม่ได้ลดน้อยถอยลงไปเลยแม้แต่น้อย), การเผชิญหน้าทางการเมือง หรือแม้แต่การทหารระหว่างอเมริกาและพันธมิตรกับรัสเซียและจีน จะเป็นไปในแบบไม่น่าเชื่อก็ต้องเชื่อ, สหภาพยุโรปอยู่ในจุดที่ต้องเลือกข้างทางใด ทางหนึ่ง อย่างมิอาจหลีกเลี่ยง, สงครามความขัดแย้งในดินแดนยูเครนจะปะทุขึ้นมาใหม่, การประชุมซัมมิตระหว่างผู้นำเกาหลีเหนือและสหรัฐฯ น่าจะล้มเหลวตั้งแต่ยังไม่ทันเริ่มต้น, สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีนจะบานปลาย ขยายตัวจนนำไปสู่ความไร้เสถียรภาพและสร้างความเจ็บให้กับเศรษฐกิจโลกครั้งใหญ่, สัมพันธภาพระหว่างสหรัฐฯ กับจีนและรัสเซียจะเลวร้ายลงไปเรื่อยๆ โดยไม่มีโอกาสกระเตื้องขึ้นมาได้เลย, ความไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นไปได้ของสงครามนิวเคลียร์จะเพิ่มความเป็นไปได้ยิ่งขึ้นทุกขณะ ไปจนถึงความพยายามชักนำ (หรือสร้างแรงกดดัน) ให้ยุโรปเป็นปฏิปักษ์กับรัสเซีย อาจนำไปสู่อุบัติเหตุแห่งการปะทะอุบัติขึ้นมาได้ทุกเมื่อ ฯลฯ...”
แม้ว่าการตั้งข้อสมมติฐาน หรือข้อวิเคราะห์เหล่านี้ แทบมีลักษณะไม่ต่างอะไรไปจาก “คำทำนาย” หรือ “คำพยากรณ์” เอาเลยก็ว่าได้ แต่โดยพื้นฐานแล้ว...คงต้องยอมรับว่า น่าจะมีส่วนมาจากความพยายามที่จะนำเอาข้อมูลข่าวสาร ปรากฏการณ์ความเคลื่อนไหวในแต่ละส่วน มาใช้ในการเชื่อมโยงเพื่อให้พอมองเห็น “ภาพรวม” อันย่อมมีความเกี่ยวพันเชื่อมโยงกันและกัน อย่างมิอาจแยกการมองออกไปเป็นส่วนๆ ได้โดยเด็ดขาดดังนั้น...แม้ว่า “คิมน้อย” จะ “หายบ้า” ไปพอสมควรแล้ว แต่ถ้าหากตราบใดที่ “ทรัมป์บ้า” หรือคณะผู้บริหารซึ่งอยู่รายรอบแวดล้อมประธานาธิบดีสหรัฐฯ ยังพร้อมที่จะ “บ้า” ต่อไปเรื่อยๆ หรือยังแสดงอาการ “บ้าหนัก” ยิ่งขึ้นเรื่อยๆ โอกาสที่โลกทั้งโลกจะหวนกลับมาสู่บรรยากาศแห่ง “สันติภาพ” และ “เสถียรภาพ” ย่อมยากซ์ซ์ซ์ที่จะเป็นไปได้ยิ่งขึ้นเท่านั้น...
และด้วยข่าวสารข้อมูล ที่นับวันยิ่งแสดงให้เห็นถึงความร่วมมืออย่างใกล้ชิด สนิทแน่น ชนิดตัดไม่ได้-ขายไม่ขาด ระหว่างประเทศ 3 ประเทศที่พยายามนำพาโลกทั้งโลกไปสู่จุดหมายปลายทางที่ต่างฝ่ายต่างมุ่งหวัง ปรารถนาและต้องการเพื่อให้ได้มาซึ่ง “ประโยชน์แห่งตัวกู-ของกู” หรือของประเทศตัวเองเป็นหลัก คือระหว่างอเมริกา-อิสราเอล-และซาอุดีอาระเบีย คงปฏิเสธไม่ได้ว่า...โดยความร่วมมือดังกล่าว นับวันมันชักมีลักษณะอาการออกไปทางคล้ายๆ กับ “คำพยากรณ์” อันเคยปรากฏขึ้นมาใน “ภาพนิมิต” (Revelations) ของสาวกองค์หนึ่งของพระเยซูคริสต์ ผู้ถูกเรียกขานกันนาม “อัครทูตยอห์น” (John the Apostle) และได้ถูกบันทึกไว้ในพระคัมภีร์ไบเบิลบท “วิวรณ์ 16:14” ที่ได้บรรยายรายละเอียดของฉากเหตุการณ์ในช่วงระยะหนึ่งในอนาคตเบื้องหน้า เอาไว้ให้เป็นที่จดจำมานานนับพันๆ ปีแล้วนั่นแหละว่า... “เมื่อทูตสวรรค์องค์ที่หก เทขันของตนลงในแม่น้ำใหญ่ คือแม่น้ำยูเฟรติส ทำให้แม่น้ำนั้นเหือดแห้งไป เพื่อเตรียมมรรคาไว้สำหรับบรรดากษัตริย์ที่มาจากทางทิศตะวันออก และข้าพเจ้าจึงได้เห็น...ผีโสโครกสามตน...รูปร่างคล้ายกบ ออกมาจากปากพญานาค ออกจากปากสัตว์ร้ายนั้น และออกจากผู้ที่ปลอมตัวเป็นผู้เผยพระวจนะ ด้วยว่าผีเหล่านั้น คือผีร้ายผู้กระทำหมายสำคัญ มันได้ออกไปหาบรรดาปวงกษัตริย์ทั่วพิภพ เพื่อให้บรรดากษัตริย์เหล่านั้น ออกมาร่วมกันทำสงครามในวันอันยิ่งใหญ่ของพระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงฤทธานุภาพสูงสุด แล้วมันทั้งสามได้ชุมนุมพวกกษัตริย์เอาไว้ที่ตำบลหนึ่ง ซึ่งภาษาฮิบรูเรียกว่า อารมาเกดโดน”...
เอาเป็นว่า...ข้อวิเคราะห์ ข้อสมมติฐานแบบชนิดไม่ต้องเสียเวลาอาศัยข้อมูล ข่าวสารใดๆ เอาเลยแม้แต่น้อย อาศัยแค่การนั่งหลับตา หรือลืมตาก็แล้วแต่ ของสาวกพระเยซูคริสต์รายนี้ จะจริง-ไม่จริง...น่าเชื่อ-ไม่น่าเชื่อ คงต้องลองไปคิดๆ เอาเองก็แล้วกัน แต่ถ้าลองเอาข้อมูลข่าวสารต่างๆ เข้าไปเป็นองค์ประกอบเพิ่มเติมด้วยแล้ว ที่แน่ๆ ก็คือ...โลกทุกวันนี้ย่อมไม่ใช่ “โลกสวย” อยู่แล้วแน่ๆ เพียงแต่จะ “ซวย” ไปถึงขั้นไหน และซวยไปถึงใครต่อใครหรือไม่เพียงใด นั่นย่อมขึ้นอยู่กับ “ความพร้อม” ในการเตรียมตัวรับมือ ด้วยการ “ตั้งอยู่ในความไม่ประมาท” เอาไว้ก่อนล่วงหน้า...นั่นแล...