xs
xsm
sm
md
lg

จะรู้ได้อย่างไรว่าใครโง่?

เผยแพร่:   โดย: สามารถ มังสัง


“คนโง่สามารถปกปิดความโง่ไว้ได้ภายใต้เครื่องแต่งตัวอันหรูหรา ตลอดเวลาที่ไม่พูดออกมา”

“อะไรคือความแตกต่างระหว่างกากับกาเหว่า ถ้ามันไม่ร้อง”

คำคมทั้งสองบทนี้ มีที่มาปรากฏในหนังสือหิโตปเทศ และโดยนัยแห่งข้อความทั้งสองบทนี้ แสดงถึงความโง่กับพฤติกรรมปกปิดความโง่ และพฤติกรรมแสดงออกซึ่งความโง่ไว้อย่างชัดเจนว่า การพูดเป็นการเปิดเผยให้เห็นว่าใครคือคนโง่

คำว่า โง่ เป็นคุณศัพท์ขยายคำถามหมายถึงไม่รู้ ไม่เข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้น และดำรงอยู่ตามความเป็นจริง มีความหมายตรงกันข้ามกับคำว่า ฉลาด ซึ่งหมายถึงรู้ เข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นและดำรงอยู่ ตามความเป็นจริง ดังนั้น คำว่า โง่ จึงมิใช่เป็นคำด่า และคำว่า ฉลาด ก็มิได้เป็นคำยกย่องแต่ประการใด แต่เป็นคำอธิบายสภาวะของแต่ละคนซึ่งมีอยู่จริง

แต่ถ้าเป็นคำด่าจะต้องมีคำขยายคำคุณศัพท์ทั้งสองคำนี้ เพื่อเพิ่มน้ำหนักของคำ เช่น โง่บัดซบ และโง่ดักดาน เป็นต้น และฉลาดเป็นกรด ฉลาดหาตัวจับยาก เป็นต้น

ถึงแม้คำว่า โง่ โดยเนื้อแท้แห่งภาษามิได้เป็นคำด่า แต่ก็มีความหมายในแง่ลบ ดังนั้น ถ้าคำนี้ถูกนำมาใช้ผิดกาลเทศะ ก็ส่งผลกระทบถึงผู้ใช้คำนี้ได้ดังที่ได้เกิดขึ้นในกรณีหนังสือเชิญประชุมเลขที่ ขก.0023.1/7063 ลงวันที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2561 ลงนามโดยนายสุชัย บุตรสาระ รองผู้ว่าการจังหวัดขอนแก่น ปฏิบัติราชการแทนผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น ซึ่งมีเนื้อหาระบุว่า ด้วยนายกรัฐมนตรี มีกำหนดการจะเดินทางมาประชุม ครม.สัญจร และลงพื้นที่จังหวัดขอนแก่น เพื่อเป็นการต้อนรับนายกรัฐมนตรี ในการนี้จังหวัดได้มอบหมายภารกิจให้สำนักงานส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น จังหวัดขอนแก่น ศึกษาจังหวัดเขตพื้นที่การศึกษา และสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด ร่วมกันดำเนินการในภารกิจ “ทำอย่างไรให้ประชาชนหายโง่”

ในทันทีที่หนังสือฉบับนี้ออกไป ปรากฏว่าได้มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ในแง่ลบเกี่ยวกับเนื้อหาของหนังสือในส่วนที่เกี่ยวกับภารกิจ “ทำอย่างไรให้ประชาชนหายโง่”

อันที่จริง ถ้ามองในแง่ของเจตนาไม่มีอะไรบ่งบอกถึงว่าเป็นการดูถูกเหยียดหยามประชาชน ตรงกันข้ามอาจมองได้ว่ามีเจตนาดีที่จะช่วยให้ประชาชนหลุดพ้นจากความเป็นคนโง่ด้วยซ้ำ

แต่ที่น่าจะเป็นประเด็นและทำให้เกิดเป็นข้อกังขาก็คือ ผู้ที่ได้รับมอบให้ดำเนินการเรื่องนี้ รู้ได้อย่างไรว่าประชาชนโง่ และโง่ในเรื่องใด และใครจะเป็นผู้ทำให้ประชาชนหายโง่ รวมไปถึงด้วยวิธีการใดด้วย เพราะจะต้องไม่ลืมว่า ไม่มีใครโง่ในทุกเรื่อง และในไม่มีใครฉลาดในทุกเรื่องเช่นกัน

อีกประการหนึ่ง ประชาชนเป็นผู้ตาม คนในภาครัฐทั้งที่เป็นข้าราชการประจำ และข้าราชการการเมืองเป็นผู้นำ

ดังนั้น ถ้ารู้ว่าประชาชนโง่ในเรื่องใด ทำไมคนในภาครัฐในฐานะเป็นผู้นำ ทำไมไม่ขจัดความโง่ให้หมดไปจากประชาชน

แต่ที่น่ากังขายิ่งกว่านี้ก็คือ ถ้าประชาชนโง่ แล้วใครเป็นผู้ฉลาด ในเมื่อทั้งข้าราชการประจำ และข้าราชการการเมืองก็ล้วนแล้วแต่มาจากประชาชน ดังนั้น คนเหล่านี้จะมิเป็นคนโง่ไปด้วยหรือ?

ด้วยเหตุนี้ จึงทำให้เกิดข้อกังขาเพิ่มเติมขึ้นมาว่า ผู้ที่คิดจะดำเนินการภารกิจที่ว่านี้ลืมนึกถึงประเด็นนี้ไปหรือเปล่า เพราะถ้าไม่ลืมสิ่งแรกที่จะต้องดำเนินการก็คือ ทำการสำรวจคนโง่ทั้งในภาคประชาชน และในภาครัฐไปพร้อมๆ กัน แล้วช่วยกันแก้ไขให้ตรงประเด็นใครโง่ในเรื่องใด ก็แก้ไขในเรื่องนั้น

ถ้าผู้ที่ได้รับมอบหมายให้ดำเนินการภารกิจ “ทำอย่างไรให้ประชาชนหายโง่” ต้องการจะรู้ว่าประชาชนหรือแม้กระทั่งคนในภาครัฐโง่ในเรื่องใด ก็ให้ฟังสิ่งที่คนเหล่านั้นพูดหรืออ่านสิ่งที่คนเหล่านั้นเขียน ก็จะรู้ว่าใครโง่ในเรื่องใด แล้วแก้ไขให้ตรงประเด็นอย่ามัวแต่นั่งคิดประดิษฐ์วาทกรรมเพื่อเอาใจนาย โดยที่ตนเองก็ไม่รู้ว่าใครโง่ และโง่ในเรื่องใดบ้าง เมื่อเป็นเช่นนี้ความโง่จะหมดไปได้อย่างไร เมื่อไม่ได้แก้ไขที่เหตุอันเป็นบ่อเกิดแห่งความโง่นั้น

แต่อย่างไรก็ตาม จากข่าวที่ปรากฏในเวลาต่อมา ได้มีการออกหนังสือฉบับใหม่และแก้ไขเนื้อหาแล้ว พร้อมกันนี้ได้มีการสอบสวนเกี่ยวกับเรื่องนี้แล้วว่า เกิดขึ้นได้อย่างไร และจะมีการลงโทษผู้ที่เกี่ยวข้องหรือไม่ประการใด จะต้องคอยดูกันต่อไป

อันที่จริงไม่ว่าเรื่องนี้จะเกิดขึ้นจากบกพร่อง หรือสะเพร่ารู้เท่าไม่ถึงการณ์ของคนร่างหนังสือฉบับนี้ ถือได้ว่าเป็นเรื่องเล็กน้อย

เรื่องที่น่าจะได้คำนึง และสำคัญกว่า

ในโลกแห่งความเป็นจริง คนโง่แต่มีคุณธรรม เป็นผู้ตามดี ดังนั้น ถ้าได้ผู้นำฉลาดและมีคุณธรรม ก็จะนำประเทศไปสู่ความเจริญในทุกด้าน ในทางกลับกัน ถ้าได้ผู้นำฉลาดแต่ขาดคุณธรรม ก็จะนำประเทศไปสู่ความหายนะ โดยเฉพาะในด้านเศรษฐกิจ เนื่องจากปัญหาทุจริต คอร์รัปชันเกิดขึ้นจากการใช้อำนาจแสวงหาประโยชน์ในทางมิชอบเพื่อตนเองและพวกพ้อง ที่เรียกว่า คอร์รัปชันเชิงนโยบาย ดังที่ปรากฏให้เห็นแล้วในอดีต


กำลังโหลดความคิดเห็น