xs
xsm
sm
md
lg

ข่าวปนคน คนปนข่าว

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

ข่าวปนคน คนปนข่าว

**ไม่ช่วยมีหวังพังกันหมด แต่ช่วยแล้ว ต้องตั้งกรรมการสอบคนทำพัง “นายกฯตู่” งัด ม.44 อุ้ม “ทีวีดิจิทัล - คลื่น 4G” ถ้าให้ดี อย่าลืมก็ถือโอกาสหาช่องทางเอาผิด “บิ๊ก กสทช.” ผู้ที่ “กลัดกระดุมผิดตั้งแต่เม็ดแรก” จนทำพังพินาศกันถ้วนหน้าขนาดนี้ หรือไปรื้อแฟ้ม สตง. ที่เคยชงให้ยุบทิ้ง กสทช.มาดูอีกก็ดีนะ

ยังต้องลุ้นต่อไป .. สำหรับ “มาตรการไถ่บาป” ที่ คณะกรรมการกิจการกระจายเสียงกิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กสทช. เสนอให้ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในฐานะหัวหน้า คสช. ออกคำสั่งตามมาตรา 44 เพื่อช่วยเหลือ “ผู้ประกอบการทีวีดิจิทัล” และ “ผู้ประมูลคลื่นความถี่ 900 MHz” .. ขีดเส้นเดดไลน์ 1 สัปดาห์ ให้ กสทช. ผู้ที่ “กลัดกระดุมผิดตั้งแต่เม็ดแรก” จนสร้างตราบาปให้กับทั้งอุตสาหกรรมทั้ง 2 แขนง รับกลับไปทำรายละเอียดเป็นลายลักษณ์อักษรมาประกอบข้อเสนอใหม่ .. มี ฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการ กสทช. รับเจ้าภาพ และ วิษณุ เครืองาม รองนายกฯ เป็นกุนซือ .. ทั้ง 2 กรณีเป็น “คนละเรื่องเดียวกัน” ที่เผอิญมี “ตัวการ” ชื่อ กสทช. เหมือนกัน .. จนต้องโยนมาให้ “นายกฯตู่” ใช้อำนาจ “ผ่าทางตัน” แต่ยังไม่วู่วาม รอให้รอบคอบชัดเจนเสียก่อน ..
ปฏิเสธไม่ได้ความชุลมุนที่เกิดขึ้นใน กสทช. ณ เวลานี้ ก็ด้วยการทำงานที่ไม่เอาอ่าว อีกทั้งยังใช้ “ประโยชน์ตัวเอง” เป็นตัวตั้ง .. “กลัดกระดุมเม็ดแรกผิด” ส่งผลให้ทั้งอุตสาหกรรม “โทรทัศน์-โทรคมนาคม” ต้องประสบความชิบหาย “เจ๊งทุกช่อง- พังทุกค่าย” จนต้องมาวนเวียนอยู่กับการเยียวยา-ไถ่บาป ไม่เลิกไม่ราแบบนี้ .. หาก “ท่านผู้นำ” ไตร่ตรองแล้ว ใช้ ม. 44 เยียวยาผู้ประกอบการ อันจะเป็นการโอบอุ้มอุตสาหกรรมทั้ง 2 แขนง เพื่อให้ทุกอย่างเดินต่อไปข้างหน้าได้ .. ก็น่าจะถือโอกาสหาช่องทางเอาผิดผู้เกี่ยวข้องใน กสทช. ไปด้วยในคราวเดียว .. อาศัย “กรณีตัวอย่าง” เล่นงานทางคดีความ ให้ผู้ที่เกี่ยวข้องชดใช้ความรับผิดทางแพ่ง เหมือนอย่าง “คดีจำนำข้าว” ของ “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” ฐานออกนโยบายผิดพลาด จนพังพินาศ .. อีกทั้งยังมีข่าวฉาวโฉ่ ทั้งเรื่องการใช้งบประมาณกันอย่างล้างผลาญ ทั้งการเพิ่มเงินเดือน เพิ่มเบี้ยประชุม ตั้งงบฯสวัสดิการใช้กันกันเพลิน .. หรืออาจไปรื้อแฟ้มที่ครั้งหนึ่ง สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ยังเคยชงให้ คสช.ยุบทิ้ง “กสทช.” ให้สิ้นเรื่องไปเลยก็เข้าท่าไม่น้อย.

** ต้องเลือกซักข้าง!! คสช. เมินขี้ปากชาวบ้าน ออกลูก “ตุกติก” เลื่อนโรดแมป เมกชัวร์ท่ออำนาจไปต่อได้ โจทย์ใหญ่สลาย “ระบอบทักษิณ” ให้ง่อยเปลี้ย งัดคดีการเมืองเดินเกมบีบ “นักเลือกตั้ง” เลือกข้าง อยู่คอกไหนก็ได้ ยกเว้น “ระบอบแม้ว”

อะไรก็ดูจะติดขัดไปหมด .. จากคิว สนช. เข้าชื่อยื่นร่างกฎหมายลูก ส.ว.-ส.ส.ให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความ .. อาการมันฟ้องว่า คสช.เล่นลูก “ตุกติก” หาเรื่องจะตระบัดสัตย์ เพื่อให้การเลือกตั้งเขยิบออกไปอีกรอบ .. แสดงให้เห็นถึงจุดมุ่งหมายของทอปบูตชัดขึ้นเรื่อยๆ ว่า ถ้าไม่ชัวร์ ไม่ยอมให้มีการเลือกตั้งแน่ๆ .. “ชัวร์” ในที่นี้ ไม่ใช่แค่สถานการณ์ทางการเมืองอย่างเดียว หากแต่เมื่อเลือกตั้งแล้ว นายกรัฐมนตรี คนที่ 30 จะต้องชื่อ “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” คนเดิม พร้อมออปชั่นเสริม “พรรคทอปบูต – พรรคนอมินี” ต้องมีเสียงส.ส. รวมกันไม่ต่ำกว่า 250 อีกด้วย .. เลื่อนแล้วเลื่อนอีก เป็นขี้ปากชาวบ้านแค่ไหนก็ช่างขอแค่เมกชัวร์ว่า ท่ออำนาจไปต่อได้เท่านั้นพอ ..
ตามคิวที่โพลหลายสำนักยังสะท้อนให้เห็นว่า ความนิยมของ “พรรคเพื่อไทย” ยังมิได้ลดลงแต่ประการใด .. ทะลึ่งมีเลือกตั้งตอนนี้ “พรรคสีแดง” ของ “นายใหญ่” ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ยังเป็นผู้กำชัยอยู่ ด้วยแต้มที่ไม่ต่ำกว่าสมัยเลือกตั้งปี 2554 .. แล้วยังมี “โพลนายใหญ่” ที่เคาะออกมาเบื้องต้นแล้วว่า ต่อให้ทหารแข็งแกร่งแค่ไหน แต่พวกเขาจะได้จำนวนส.ส.อย่างต่ำ 230 คน .. ยังไม่รวมพวก “พรรคเอสเอ็มอี” ที่พร้อมเฮไหน เฮนั่น กับ“คนชนะ”อยู่แล้ว แบบนี้ถึง “พรรค ส.ว.” ดัน“ลุงตู่” เบิ้ลเก้าอี้นายกฯ ตามใบสั่งได้ แต่เมื่อคุมองค์ประชุมใน“สภาล่าง” ไม่ได้ งานการก็คงไม่ได้ทำกันพอดี .. ทางเดียวคือ “ยื้อ” เพื่อสลาย “ระบอบทักษิณ” ให้อ่อนแอมากที่สุด .. โดยใช้ยุทธวิธีบีบทุกทาง เพื่อให้ “เห็บกระโดด” โดยเฉพาะเรื่องคดีความ ที่ระยะหลังๆ มานี้ กลิ่นเริ่มตุๆ “คดีนักการเมือง” จะเริ่มกลับมามีความคืบหน้าอย่างผิดสังเกต .. เหมือนเป็นนัยบอกว่า ในช่วงที่ยังไม่ถูกฟัน หากกลับตัวกลับใจได้ทัน หันไปสิงสู่ที่อื่นที่ไม่ใช่พรรคเพื่อไทย อาจจะรอดก็ได้ .. หรือ กระทั่งคำขู่ประเภทจะเช็ก “ท่อน้ำเลี้ยง” ที่เกี่ยวกับกลุ่มเคลื่อนไหวทางการเมืองต่างๆ ซึ่งเป็นเรื่องที่ “นักเลือกตั้ง” ขยาด หากถูกตีขลุม เหมารวมไปด้วย ก็อาจถูกอายัดธุรกรรมการเงิน ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ .. เป็นเกมบีบของ “ผู้มีอำนาจ” คล้ายกับเมื่อครั้ง “นายแม้ว” ดูดมุ้งการเมืองเข้าคอก “ไทยรักไทย” ในอดีตนั่นเอง .. แต่ พ.ศ.นี้ มีเงื่อนไขเดียวว่า “ต้องเลือกข้าง” ไปอยู่ไหนก็ได้ ห้ามอยู่กับ “เพื่อไทย” ต่อเท่านั้นเอง

**ไฟที่ไม่มีวันดับ!! “บิ๊กตู่” ว๊าก “แม่ทัพอาร์ต” ล้ำเส้นคณะพูดคุยสันติสุข แถมโครงการพาคนกลับบ้าน ก็ถูกวิจารณ์ว่า “จัดฉาก” ใช้งบฯปีๆหนึ่งไม่ต่ำกว่า 100 ล้าน เจอเครื่องกรองน้ำราคาครึ่งแสนเข้าไปอีก สำทับข้อหาภาครัฐเลี้ยงไข้ ถลุงงบฯไฟใต้ “ฟุ่มเฟือย-ไม่โปร่งใส”

เท่ไม่มีใครเกิน .. “แม่ทัพอาร์ต” พล.ท.ปิยะวัฒน์ นาควานิช ที่กอดขาเก้าอี้ “แม่ทัพภาคที่ 4” แน่น ไม่ยอมเลื่อนยศขึ้น “พล.อ.” ก่อนเกษียณ .. ประเดี๋ยวเดียว ก็ได้เรื่อง เมื่อข่าวว่าเจอ “นายกฯตู่” ว๊ากใส่ ฐานไปพูดบางเรื่องที่ไม่ควรพูด โดยเฉพาะที่ชอบ “ตีปิ๊บ” ผลงานโครงการพาคนกลับบ้าน ที่ทุกวันนี้ก็ยังมีเสียงหึ่งๆ ว่าเป็นการ “จัดฉาก” .. จนชาวบ้านในพื้นที่เคยเรียกร้องให้ยกเลิกโครงการนี้มาแล้ว ด้วยมองว่าพากลับกันเป็นร้อยชีวิต แต่เหตุรุนแรงไม่ได้ลดลงเลย .. ที่หนักกว่านั้น ก็รายละเอียดการติดต่อ “แหล่งข่าว” ที่เป็นการพูดคุยใน “ทางลับ” ก็ชอบเจ๊าะแจ๊ะ จนหลุดออกทางสื่อ .. ไม่เท่านั้นยังไป “ล้ำเส้น” งานของ “บิ๊กโบ้” พล.อ.อักษรา เกิดผล หัวหน้าคณะพูดคุยเพื่อสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่รับผิดชอบการเจรจาสันติภาพกับ “กลุ่มมาราปาตานี” เข้าอีก .. ก็ “แม่ทัพอาร์ต” ดันไปโพล่งว่า ได้กำหนดพื้นที่เซฟตี้โซนใน 14 อำเภอ สวนทางกับทาง “มาราปาตานี” ที่บอกว่า ยังไม่มี ร้อนถึง “บิ๊กโบ้” ต้องไปเคลียร์วุ่น .. กอรปกับข่าวเก่าที่ว่ากันว่า “คนพื้นที่” ไม่ค่อยศรัทธา “แม่ทัพ 4” อยู่เป็นทุน กับเอ็นจีโอในพื้นที่ ก็คุยกันคนละภาษา .. หรือบางครั้งก็มีเสียงวิจารณ์ว่า “ท่านแม่ทัพ” มักใช้วาจารุนแรง จนถูกด่าขรม ทั้งใน-นอกพื้นที่อย่างกว้างขวาง จนใครต่อใครก็สงสัยว่า ไฉน “ท่านแม่ทัพ 4” ถึงยังทู่ซี้ ขออยู่ในพื้นที่ .. ในขณะที่มีรายการขบเหลี่ยม ปีนเกลียวกันไม่หยุด ก็ยังมีข่าวฉาวการใช้งบประมาณในพื้นที่ชายแดนใต้ในลักษณะ “ฟุ่มเฟือย-ไม่โปร่งใส” ออกมาไม่หยุด .. อย่างโครงการพาคนกลับบ้าน ปีๆหนึ่ง ใช้ไปไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาทเลยทีเดียว .. จังหวะเดียวกันก็มี โครงการติดตั้งตู้กรองน้ำพลังงานแสงอาทิตย์ ในความรับผิดชอบของ ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) ที่ถูกตั้งคำถามถึงสนนราคาแพงหูฉี่ เครื่องละกว่า 5 แสนบาท ขึ้นมาอีก โดยที่ทาง ศอ.บต. ก็ยืนยันว่า ไม่แพง คุ้มค่า สมราคา .. ย้อนไปอีกหน่อยก็ความไม่ชอบมาพากลของโครงการจัดซื้อจัดจ้างระบบกล้องโทรทัศน์วงจรปิดโรงเรียนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ มูลค่ากว่า 405 ล้านบาท .. เรื่องนี้ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) เคยสรุปแล้วว่า ค่อนข้างชัดเจนว่ามีการทุจริต .. แล้วที่ยังสอบคาอยู่ ก็โครงการติดตั้ง “เสาไฟโซลาร์เซลล์” ที่ถูกตั้งข้อสังเกตว่าแพงกว่าท้องตลาดเป็นเท่าตัว แถมคุณภาพยังห่วยบรม ใช้ไปครึ่งปี เจ๊งไปแล้ว 80-90% .. งบประมาณไม่มากมาย แค่ “พันกว่าล้านบาทไทย” อันนี้ก็โครงการ ศอ.บต. เจ้าเก่า .. ใช้งบฯกันสนุกสนานแบบนี้แหละ “คนปลายด้ามขวาน” ก็เลยยังต้องอยู่กับ "ไฟใต้" ที่ไม่มีวันดับต่อไป.

ช.ชฎา

รูป
ฐากร ตัณฑสิทธิ์
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
ทักษิณ ชินวัตร
พล.ท.ปิยะวัฒน์ นาควานิช


กำลังโหลดความคิดเห็น