ผู้จัดการรายวัน 360 - ศาลจังหวัดกระบี่ ตัดสินประหารชีวิต "บังฟัต" พร้อมพวก 6 คน คดีฆ่ายกครัว "ผู้ใหญ่บัติ" รวม 8 ศพ ระบุไม่ลดหย่อนโทษ แม้จำเลยรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา เหตุพฤติกรรมโหดเหี้ยมผิดมนุษย์ "พล.ต.อ.จักรทิพย์" คำพิพากษาเป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ ด้านทนายความเตรียมยื่นอุทธรณ์
วานนี้ (28 มี.ค.) ศาลจังหวัดกระบี่ ได้อ่านคำพิพากษาคดีนายซูริก์ฟัต บ้านนบวงศ์สกุล จำเลยที่ 1 พร้อมพวกรวม 8 ราย ประกอบด้วย นายคมสรรค์ เวียงนนท์ (ม่อน) จำเลยที่ 2, นายอับดุลเลาะ ดอเลาะ (เลาะห์) อายุ 30 ปี จำเลยที่ 3, นายอรุณ ทองคำ (กี้ร์) อายุ 29 ปี จำเลยที่ 4, นายประจักษ์ บุญทอย (จักร์) อายุ 36 ปี จำเลยที่ 5, นายธนชัย จำนอง (โกบ) อายุ 41 ปี จำเลยที่ 6, นายธวัฒชัย บุญคง (ชัย) อายุ 37 ปี จำเลยที่ 7 และนางสาวชลิตา สังข์โชติ อายุ 41 ปี จำเลยที่ 8 ผู้ต้องหาร่วมกันฆ่านายวรยุทธ สังหลัง อดีตผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 1 ตำบลบ้านกลาง อ.อ่าวลึก และครอบครัว รวม 8 ศพ ภายในบ้านพัก เมื่อเดือนกรกฎาคม ปีที่ผ่านมา
โดยศาลได้มีคำพิพากษาประหารชีวิตจำเลยที่ 1-6 คือ นายซูริก์ฟัต, นายคมสรรค์, นายอับดุลเลาะ, นายอรุณ, นายประจักษ์, และนายธนชัย ส่วนจำเลยที่ 7.นายธวัฒชัย พิพากษาจำคุก 1 ปี 9 เดือน และนางสาวชลิตา จำเลยที่ 8 ตัดสินจำคุก 12 เดือน
ทั้งนี้ คำตัดสินของศาล ระบุว่า แม้ว่าจำเลยที่ 1-6 จะรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา แต่มีพฤติกรรมร่วมกันใช้อาวุธปืนจ่อยิงผู้ตายทั้ง 8 และผู้รอดชีวิต เพื่อปิดปากถึง 11 คน ซึ่งมีทั้งผู้หญิง เด็กอายุเพียง 4 ปี 11 ปี 12 ปี รวมอยู่ด้วย เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตถึง 8 คน นับเป็นเหตุการณ์เศร้าสลด และสะเทือนขวัญแก่ประชาชนเป็นอย่างยิ่ง จำเลยดังกล่าวเป็นฝ่ายก่อเหตุขึ้นมาเองและลงมือกระทำความผิดอย่างอุกอาจ โหดเหี้ยมผิดมนุษย์ จึงสมควรไม่ลดโทษให้ และเมื่อลงโทษในฐานความผิดปล้นทรัพย์ทำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ถึงขั้นประหารชีวิตแล้ว จึงไม่ต้องนำโทษในกระทงอื่นๆ มารวมด้วย พิพากษาประหารชีวิตจำเลยที่ 1-6 สถานเดียว
ส่วนจำเลยที่ 7 มีความผิดฐานพกพาอาวุธปืนไปในทางหมู่บ้านโดยไม่ได้รับอนุญาต และบุกรุก จำเลยที่ 8 มีความฐานซ่องโจร และแสดงตนเป็นเจ้าพนักงานกรณีจัดหาเสื้อทหาร
ด้านนายเกรียงศักดิ์ สารภี ทนายความของกลุ่มจำเลย กล่าวว่า หลังคำพิพากษาออกมา ทางบังฟัตและกลุ่มผู้ต้องหาไม่พอใจกับคำตัดสิน และขอใช้สิทธิ์ในการยื่นอุทธรณ์ภายใน 30 วันเพื่อต่อสู้คดีต่อไป ทั้ง 8 คน.
พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า ทุกอย่างเป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ ว่าศาลจะพิพากษาลงโทษประหารชีวิตสถานเดียว ส่วนจำเลยจะขอยื่นอุทธรณ์ก็ถือเป็นสิทธิ์ที่สามารถทำได้ทั้งนี้ เชื่อว่าคดีดังกล่าวจะไม่กระทบกับการท่องเที่ยวของจังหวัดกระบี่ เนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจได้สร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนอย่างเต็มที่
วานนี้ (28 มี.ค.) ศาลจังหวัดกระบี่ ได้อ่านคำพิพากษาคดีนายซูริก์ฟัต บ้านนบวงศ์สกุล จำเลยที่ 1 พร้อมพวกรวม 8 ราย ประกอบด้วย นายคมสรรค์ เวียงนนท์ (ม่อน) จำเลยที่ 2, นายอับดุลเลาะ ดอเลาะ (เลาะห์) อายุ 30 ปี จำเลยที่ 3, นายอรุณ ทองคำ (กี้ร์) อายุ 29 ปี จำเลยที่ 4, นายประจักษ์ บุญทอย (จักร์) อายุ 36 ปี จำเลยที่ 5, นายธนชัย จำนอง (โกบ) อายุ 41 ปี จำเลยที่ 6, นายธวัฒชัย บุญคง (ชัย) อายุ 37 ปี จำเลยที่ 7 และนางสาวชลิตา สังข์โชติ อายุ 41 ปี จำเลยที่ 8 ผู้ต้องหาร่วมกันฆ่านายวรยุทธ สังหลัง อดีตผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 1 ตำบลบ้านกลาง อ.อ่าวลึก และครอบครัว รวม 8 ศพ ภายในบ้านพัก เมื่อเดือนกรกฎาคม ปีที่ผ่านมา
โดยศาลได้มีคำพิพากษาประหารชีวิตจำเลยที่ 1-6 คือ นายซูริก์ฟัต, นายคมสรรค์, นายอับดุลเลาะ, นายอรุณ, นายประจักษ์, และนายธนชัย ส่วนจำเลยที่ 7.นายธวัฒชัย พิพากษาจำคุก 1 ปี 9 เดือน และนางสาวชลิตา จำเลยที่ 8 ตัดสินจำคุก 12 เดือน
ทั้งนี้ คำตัดสินของศาล ระบุว่า แม้ว่าจำเลยที่ 1-6 จะรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา แต่มีพฤติกรรมร่วมกันใช้อาวุธปืนจ่อยิงผู้ตายทั้ง 8 และผู้รอดชีวิต เพื่อปิดปากถึง 11 คน ซึ่งมีทั้งผู้หญิง เด็กอายุเพียง 4 ปี 11 ปี 12 ปี รวมอยู่ด้วย เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตถึง 8 คน นับเป็นเหตุการณ์เศร้าสลด และสะเทือนขวัญแก่ประชาชนเป็นอย่างยิ่ง จำเลยดังกล่าวเป็นฝ่ายก่อเหตุขึ้นมาเองและลงมือกระทำความผิดอย่างอุกอาจ โหดเหี้ยมผิดมนุษย์ จึงสมควรไม่ลดโทษให้ และเมื่อลงโทษในฐานความผิดปล้นทรัพย์ทำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ถึงขั้นประหารชีวิตแล้ว จึงไม่ต้องนำโทษในกระทงอื่นๆ มารวมด้วย พิพากษาประหารชีวิตจำเลยที่ 1-6 สถานเดียว
ส่วนจำเลยที่ 7 มีความผิดฐานพกพาอาวุธปืนไปในทางหมู่บ้านโดยไม่ได้รับอนุญาต และบุกรุก จำเลยที่ 8 มีความฐานซ่องโจร และแสดงตนเป็นเจ้าพนักงานกรณีจัดหาเสื้อทหาร
ด้านนายเกรียงศักดิ์ สารภี ทนายความของกลุ่มจำเลย กล่าวว่า หลังคำพิพากษาออกมา ทางบังฟัตและกลุ่มผู้ต้องหาไม่พอใจกับคำตัดสิน และขอใช้สิทธิ์ในการยื่นอุทธรณ์ภายใน 30 วันเพื่อต่อสู้คดีต่อไป ทั้ง 8 คน.
พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า ทุกอย่างเป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ ว่าศาลจะพิพากษาลงโทษประหารชีวิตสถานเดียว ส่วนจำเลยจะขอยื่นอุทธรณ์ก็ถือเป็นสิทธิ์ที่สามารถทำได้ทั้งนี้ เชื่อว่าคดีดังกล่าวจะไม่กระทบกับการท่องเที่ยวของจังหวัดกระบี่ เนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจได้สร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนอย่างเต็มที่