รวบแล้วคนขับทัวร์มรณะ 18 ศพ ขณะหลบหนี ตรวจพบฉี่ม่วง สารภาพเสพยาบ้า “ขนส่งทางบก” เผยจีพีเอสระบุใช้ความเร็ว 83 กม.ต่อชม.ช่วงลงเขา ผู้ว่าฯ โคราชลุยตรวจพื้นที่อีกครั้งกำชับทุกหน่วยงานเร่งช่วยเหลือผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตดีที่สุด ขณะประกันภัยจ่ายศพละ 6.5 แสน ผู้บาดเจ็บไม่เกิน 4.3 แสน
จากกรณีอุบัติเหตุรถบัสนำเที่ยวจาก ต.กาฬสินธุ์ เสียหลักข้ามเกาะกลางถนนพุ่งชนต้นไม้ข้างทาง ขณะเดินทางกลับจากไปท่องเที่ยวทะเลที่ จ.จันทบุรี บริเวณโค้งมะกรูดหวาน ถ.สาย 304 กบินทร์บุรี-ราชสีมา ช่วงทางลงเขาวังน้ำเขียว ต.อุดมทรัพย์ อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 18 ราย บาดเจ็บอีก 32 คน เมื่อวันที่ 21 มี.ค.ที่ผ่านมานั้น
วานนี้ (22 มี.ค.) พล.ต.ต.วัชรินทร์ บุญคง ผู้บังคับการตำรวจภูธร จ.นครราชสีมา เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุม นายกฤษณะ จุฑาชื่น อายุ 44 ปี คนขับรถบัสได้ขณะเดินเข้าไปหลบซ่อนตัวอยู่ภายในป่าริมทางใกล้กับจุดเกิดเหตุ โดยนายกฤษณะมีบาดแผลถลอกตามร่างกาย ได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อย ซึ่งจากการสอบปากคำเบื้องต้น นายกฤษณะยอมรับสารภาพเป็นคนขับรถบัสคันดังกล่าวจริง และไม่ได้ดื่มสุราแต่อย่างใด พร้อมอ้างว่าก่อนเกิดเหตุเป็นทางลงเขารถบัสเกิดเบรกไม่อยู่ และเบรกแตก จึงทำให้เกิดอุบัติเหตุสยองขึ้นดังกล่าว และหลังเกิดเหตุได้อาศัยช่วงชุลมุนหลบหนีไป จนกระทั่งมาถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามจับกุมได้ในที่สุด เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งข้อหาขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บสาหัส และเสียชีวิต และหลบหนีไปโดยไม่แสดงตัวหลังเกิดเหตุ ก่อนควบคุมตัวไปสอบสวนที่ สภ.อุดมทรัพย์
มีรายงานข่าวว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำตัวนายกฤษณะไปทำการตรวจปัสสาวะ ซึ่งผลการตรวจพบว่าปัสสาวะของนายกฤษณะมีสีม่วง และจากการสอบปากคำเพิ่มเติมนายกฤษณะยอมรับว่าได้เสพยาบ้าจริง ตำรวจจึงได้ส่งปัสสาวะไปตรวจพิสูจน์อย่างละเอียด และเตรียมแจ้งข้อหาเสพสารเสพติดในขณะขับรถเพิ่มเติมอีกข้อหา
ด้าน นายกมล บูรณพงศ์ รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) เปิดเผยผลตรวจสอบจีพีเอสรถก่อนเกิดเหตุที่ใช้ความเร็ว 83 กม. ต่อ ชม. ว่า ตามปกติแล้วกรณีที่มีทางลาดชัน การใช้ความเร็ว 83 กม. ต่อ ชม. ถือว่าใช้ความเร็วเกินกฎหมายกำหนด ที่ทางลาดต้องใช้ความเร็วไม่เกิน 60 กม. ต่อ ชม. ตามที่กรมทางหลวงติดตั้งป้ายเตือนไว้ เพราะตามปกติทางลาดชันไม่ใช้ความเร็วมากขนาดนี้ เพราะทำให้เบรกไม่อยู่ ยากต่อการควบคุมรถ ประกอบกับคนขับรถขาดความชำนาญในเส้นทาง เนื่องจากรถเช่าเหมาคันจะรับจ้างจากผู้ว่าจ้างในแต่ละแห่ง สถานที่เดินทางหลากหลายเส้นทาง ไม่ซ้ำกัน กรณีดังกล่าวคนขับรถขับรถประมาททำให้ผู้อื่นเสียชีวิต ซึ่งตามกฎหมายมีบทลงโทษร้ายแรง
ขณะที่ นายวิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ได้เดินทางไปตรวจสอบจุดเกิดเหตุอีกครั้งและลงพื้นที่เยี่ยมเยียนให้กำลังใจแก่ผู้ประสบอุบัติเหตุ พร้อมทั้งสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้ความช่วยเหลือโดยเร่งด่วนที่สุด และอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้บาดเจ็บ รวมถึงการเคลื่อนย้ายศพผู้เสียชีวิต กลับภูมิลำเนาที่จังหวัดกาฬสินธุ์ด้วย
ด้านสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัยจังหวัดนครราชสีมา แจ้งว่าสามารถให้ความช่วยเหลือผู้ประสบเหตุได้ โดยรถโดยสารคันดังกล่าว ได้ทำประกันภัยกับ บริษัท อาคเนย์ ประกันภัย ซึ่งจะชดเชยให้กับผู้เสียชีวิต รวมรายละ 650,000 บาท และผู้บาดเจ็บ สามารถเบิกค่ารักษาพยาบาลได้เท่าที่จ่ายจริงไม่เกินรายละ 430,000 บาท
จากกรณีอุบัติเหตุรถบัสนำเที่ยวจาก ต.กาฬสินธุ์ เสียหลักข้ามเกาะกลางถนนพุ่งชนต้นไม้ข้างทาง ขณะเดินทางกลับจากไปท่องเที่ยวทะเลที่ จ.จันทบุรี บริเวณโค้งมะกรูดหวาน ถ.สาย 304 กบินทร์บุรี-ราชสีมา ช่วงทางลงเขาวังน้ำเขียว ต.อุดมทรัพย์ อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 18 ราย บาดเจ็บอีก 32 คน เมื่อวันที่ 21 มี.ค.ที่ผ่านมานั้น
วานนี้ (22 มี.ค.) พล.ต.ต.วัชรินทร์ บุญคง ผู้บังคับการตำรวจภูธร จ.นครราชสีมา เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุม นายกฤษณะ จุฑาชื่น อายุ 44 ปี คนขับรถบัสได้ขณะเดินเข้าไปหลบซ่อนตัวอยู่ภายในป่าริมทางใกล้กับจุดเกิดเหตุ โดยนายกฤษณะมีบาดแผลถลอกตามร่างกาย ได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อย ซึ่งจากการสอบปากคำเบื้องต้น นายกฤษณะยอมรับสารภาพเป็นคนขับรถบัสคันดังกล่าวจริง และไม่ได้ดื่มสุราแต่อย่างใด พร้อมอ้างว่าก่อนเกิดเหตุเป็นทางลงเขารถบัสเกิดเบรกไม่อยู่ และเบรกแตก จึงทำให้เกิดอุบัติเหตุสยองขึ้นดังกล่าว และหลังเกิดเหตุได้อาศัยช่วงชุลมุนหลบหนีไป จนกระทั่งมาถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามจับกุมได้ในที่สุด เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งข้อหาขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บสาหัส และเสียชีวิต และหลบหนีไปโดยไม่แสดงตัวหลังเกิดเหตุ ก่อนควบคุมตัวไปสอบสวนที่ สภ.อุดมทรัพย์
มีรายงานข่าวว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำตัวนายกฤษณะไปทำการตรวจปัสสาวะ ซึ่งผลการตรวจพบว่าปัสสาวะของนายกฤษณะมีสีม่วง และจากการสอบปากคำเพิ่มเติมนายกฤษณะยอมรับว่าได้เสพยาบ้าจริง ตำรวจจึงได้ส่งปัสสาวะไปตรวจพิสูจน์อย่างละเอียด และเตรียมแจ้งข้อหาเสพสารเสพติดในขณะขับรถเพิ่มเติมอีกข้อหา
ด้าน นายกมล บูรณพงศ์ รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) เปิดเผยผลตรวจสอบจีพีเอสรถก่อนเกิดเหตุที่ใช้ความเร็ว 83 กม. ต่อ ชม. ว่า ตามปกติแล้วกรณีที่มีทางลาดชัน การใช้ความเร็ว 83 กม. ต่อ ชม. ถือว่าใช้ความเร็วเกินกฎหมายกำหนด ที่ทางลาดต้องใช้ความเร็วไม่เกิน 60 กม. ต่อ ชม. ตามที่กรมทางหลวงติดตั้งป้ายเตือนไว้ เพราะตามปกติทางลาดชันไม่ใช้ความเร็วมากขนาดนี้ เพราะทำให้เบรกไม่อยู่ ยากต่อการควบคุมรถ ประกอบกับคนขับรถขาดความชำนาญในเส้นทาง เนื่องจากรถเช่าเหมาคันจะรับจ้างจากผู้ว่าจ้างในแต่ละแห่ง สถานที่เดินทางหลากหลายเส้นทาง ไม่ซ้ำกัน กรณีดังกล่าวคนขับรถขับรถประมาททำให้ผู้อื่นเสียชีวิต ซึ่งตามกฎหมายมีบทลงโทษร้ายแรง
ขณะที่ นายวิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ได้เดินทางไปตรวจสอบจุดเกิดเหตุอีกครั้งและลงพื้นที่เยี่ยมเยียนให้กำลังใจแก่ผู้ประสบอุบัติเหตุ พร้อมทั้งสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้ความช่วยเหลือโดยเร่งด่วนที่สุด และอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้บาดเจ็บ รวมถึงการเคลื่อนย้ายศพผู้เสียชีวิต กลับภูมิลำเนาที่จังหวัดกาฬสินธุ์ด้วย
ด้านสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัยจังหวัดนครราชสีมา แจ้งว่าสามารถให้ความช่วยเหลือผู้ประสบเหตุได้ โดยรถโดยสารคันดังกล่าว ได้ทำประกันภัยกับ บริษัท อาคเนย์ ประกันภัย ซึ่งจะชดเชยให้กับผู้เสียชีวิต รวมรายละ 650,000 บาท และผู้บาดเจ็บ สามารถเบิกค่ารักษาพยาบาลได้เท่าที่จ่ายจริงไม่เกินรายละ 430,000 บาท