เมื่อเช้าวานนี้ (22 มี.ค.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช. พร้อมคณะ ได้เดินทางไป จ.หนองบัวลำภู เพื่อติดตามการแก้ไขปัญหาความยากจนในภาคการเกษตรเชิงบูรณาการ ตามแนวทางศาสตร์พระราชา โดยเริ่มภารกิจแรก ด้วยการเยี่ยมชม กลุ่มวิสาหกิจชุมชนปลูกผักอินทรีย์ โพธิ์ศรีสำราญ ต.หัวนา อ.เมืองฯ จ.หนองบัวลำพู และ เป็นสักขีพยานในการมอบสมุดประจำตัวผู้ได้รับการคัดเลือกให้ทำกิน ในชุมชนโครงการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชนตามนโยบายของรัฐบาลให้แก่ผู้แทนประชาชน 10 ราย พร้อมมอบสิ่งของช่วยเหลือผู้ประสบวาตภัย และทำพิธีเปิดป้ายศูนย์การเรียนรู้ หมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียง บ้านโพธิ์ศรีสำราญ พร้อมเยี่ยมชมนิทรรศการส่งเสริมเกษตรอินทรีย์ พลังงานทดแทน ผลิตภัณฑ์ของกลุ่มเกษตรกร และแปลงปลูกผักอินทรีย์
โอกาสนี้ นายกฯได้กล่าวกับประชาชนว่า รัฐบาลดูแลประชาชนทุกคนในประเทศ แต่ในพื้นที่ที่มีรายได้น้อย ก็ต้องให้ความสำคัญเป็นพิเศษ ซึ่ง จ.หนองบัวลำภู ที่มีรายได้ต่ำสุดของประเทศ เฉลี่ย 41,000 บาท ต่อคนต่อปี รัฐบาลจึงต้องดูแลให้ประชาชนมีรายได้เพิ่มมากขึ้น การลงพื้นที่ครั้งนี้ จะต้องเกิด หนองบัวลำภูโมเดล แต่ทุกคนต้องช่วยกันค้นหาศักยภาพของพื้นที่ เพื่อที่จะนำไปต่อยอดให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยเกษตรกร ก็ต้องทำการเกษตรแบบผสมผสาน ประยุกต์ภูมิปัญญาท้องถิ่นให้ทันสมัย เช่น การทอผ้า เพื่อส่งออกให้ตรงกับความต้องการของชาวต่างชาติ รวมถึงการใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสม
นายกฯ ยังกล่าวถึง โครงการไทยนิยม ยั่งยืน ว่าไม่ใช่โครงการหาเสียง แต่เป็นการนำงบฯ ลงมาในพื้นที่ต่างๆ ให้แต่ละหมู่บ้านนำไปพัฒนาให้เกิดประโยชน์ ซึ่งในโอกาสครบรอบวันคล้ายวันเกิด 64 ปี เมื่อ21 มี.ค.ที่ผ่านมานี้ ตนอยากได้ความร่วมมือร่วมใจ จากประชาชน ให้ทุกคนรักใคร่สามัคคีกัน อย่ามีความขัดแย้ง หรือ ชุมนุมประท้วงเหมือนที่ผ่านมา
"อย่าให้ใครมาปลุกปั่น ไปประท้วงหน้าทำเนียบรัฐบาล อย่าไปเลย เสียเวลาเสียเงินเสียทอง อยู่บ้านนอน มีอะไรส่งศูนย์ดำรงธรรม ผมแก้ให้หมด แก้มากแก้น้อย แก้เร็ว แก้ช้า ก็ว่าไปตามกลไก อย่าไปประท้วง อย่าให้ใครเขาปลุกปั่นอีกเลย ไม่เกิดประโยชน์กับท่านหรอก คนอื่นเขาเดือดร้อนไม่ได้ ต้องไม่ละเมิดสิทธิผู้อื่น"
ทั้งนี้ นายกฯได้หันไปถามประชาชนว่า เคยไปทำเนียบฯ หรือเปล่า ไปประท้วงน่ะ ก่อนจะกล่าวต่ออีกว่า "ใครเขาชวนอย่าไปอีกเลย ไปแล้วอันตราย วันหน้าอย่าให้เกิดอีกนะ รัชกาลนี้ ต้องไม่มีนะ พระเจ้าอยู่หัวท่านทรงทอดพระเนตรอยู่ ท่านทรงทำไว้เยอะแยะแล้ว รัชกาลนี้ ต้องไม่มีเรื่องที่มันไม่ดีเกิดขึ้นอีก เราต้องทำให้สิ่งดีๆ ร่วมกัน เพื่อลูกหลานในอนาคต"
ในช่วงท้ายนายกฯ ได้ขอคำมั่นสัญญาขอกับผู้นำชุมชนในพื้นที่ ว่าจะไม่ทิ้งกัน จะช่วยกันเปลี่ยนแปลงประเทศ และในอนาคตช่วยให้มีรัฐบาลที่มีธรรมาภิบาล ขอการเมืองอย่ามาทำให้แตกแยก โดยขอให้สัญญาต่อหน้าฟ้าดินด้วย
ต่อมาในช่วงบ่าย นายกรัฐมนตรีและคณะไปเยี่ยมชมการดำเนินงานของกลุ่มทอผ้าพื้นเมือง บ้านนาคำไฮ ต.นาคำไฮ อ.เมืองฯ จ.หนองบัวลำภู โดยชาวบ้านได้ผูกผ้าหมี่สลับขิด ซึ่งเป็นผ้าทอพื้นบ้านของ จ.หนองบัวลำภู ให้กับนายกฯ และมีพิธีบายศรีสู่ขวัญ ผูกข้อมือ พร้อมแหล่ อวยพรวันเกิดให้ด้วย จากนั้นนายกฯได้ร่วมเวทีประชาคมหมู่บ้าน ตามโครงการ“ไทยนิยม ยั่งยืน”กับประชาชนในพื้นที่ พร้อมยืนยันว่า ไม่ได้มาเพื่อหาเสียงหรือเช็กคะแนนเสียง
นายกฯ กล่าวว่า วันนี้ต่างประเทศเดินทางมาลงทุนเป็นจำนวนมาก เพราะบ้านเมืองสงบสุข เพราะใคร เพราะพวกเราทำให้สงบสุข ซึ่งนักลงทุนบอกว่า ถ้าเป็นแบบเดิม ก่อนปี 57 ก็จะไม่มาลงทุน ดังนนั้นหลังเลือกตั้งแล้วอย่าให้กลับไปแบบเดิมเด็ดขาด เราจะต้องมีรัฐบาลที่มีธรรมาภิบาล วันนี้รัฐบาลที่ไปได้ทุกพื้นที่ ทุกตารางนิ้วของประเทศไทย ไม่ใช่แบบเก่า ที่พรรคหนึ่งไปได้ อีกพรรคหนึ่งไปไม่ได้ เราต้องหารัฐบาลที่ไปได้ทุกพื้นที่อย่างรัฐบาลนี้
ประเทศไทยไม่มีชนชั้น ไม่มีไพร่ อะไรทั้งสิ้น อย่างที่พูดกันว่าไพร่หมื่นล้าน ไม่มีหรอก ไพร่เลิกตั้งแต่รัชกาลที่ 5 ไปแล้ว พูดส่งเดชไปเรื่อย ถ้าใครชวนเป็นไพร่ ถือว่าดูถูกเรา วันนี้เราเอาไทยนิยมยั่งยืน มานำประเทศ ไม่ใช่เอาการเมืองมานำประเทศ ไม่ใช่ให้การเมืองมาชี้นำทุกเรื่อง
โอกาสนี้ นายกฯได้กล่าวกับประชาชนว่า รัฐบาลดูแลประชาชนทุกคนในประเทศ แต่ในพื้นที่ที่มีรายได้น้อย ก็ต้องให้ความสำคัญเป็นพิเศษ ซึ่ง จ.หนองบัวลำภู ที่มีรายได้ต่ำสุดของประเทศ เฉลี่ย 41,000 บาท ต่อคนต่อปี รัฐบาลจึงต้องดูแลให้ประชาชนมีรายได้เพิ่มมากขึ้น การลงพื้นที่ครั้งนี้ จะต้องเกิด หนองบัวลำภูโมเดล แต่ทุกคนต้องช่วยกันค้นหาศักยภาพของพื้นที่ เพื่อที่จะนำไปต่อยอดให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยเกษตรกร ก็ต้องทำการเกษตรแบบผสมผสาน ประยุกต์ภูมิปัญญาท้องถิ่นให้ทันสมัย เช่น การทอผ้า เพื่อส่งออกให้ตรงกับความต้องการของชาวต่างชาติ รวมถึงการใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสม
นายกฯ ยังกล่าวถึง โครงการไทยนิยม ยั่งยืน ว่าไม่ใช่โครงการหาเสียง แต่เป็นการนำงบฯ ลงมาในพื้นที่ต่างๆ ให้แต่ละหมู่บ้านนำไปพัฒนาให้เกิดประโยชน์ ซึ่งในโอกาสครบรอบวันคล้ายวันเกิด 64 ปี เมื่อ21 มี.ค.ที่ผ่านมานี้ ตนอยากได้ความร่วมมือร่วมใจ จากประชาชน ให้ทุกคนรักใคร่สามัคคีกัน อย่ามีความขัดแย้ง หรือ ชุมนุมประท้วงเหมือนที่ผ่านมา
"อย่าให้ใครมาปลุกปั่น ไปประท้วงหน้าทำเนียบรัฐบาล อย่าไปเลย เสียเวลาเสียเงินเสียทอง อยู่บ้านนอน มีอะไรส่งศูนย์ดำรงธรรม ผมแก้ให้หมด แก้มากแก้น้อย แก้เร็ว แก้ช้า ก็ว่าไปตามกลไก อย่าไปประท้วง อย่าให้ใครเขาปลุกปั่นอีกเลย ไม่เกิดประโยชน์กับท่านหรอก คนอื่นเขาเดือดร้อนไม่ได้ ต้องไม่ละเมิดสิทธิผู้อื่น"
ทั้งนี้ นายกฯได้หันไปถามประชาชนว่า เคยไปทำเนียบฯ หรือเปล่า ไปประท้วงน่ะ ก่อนจะกล่าวต่ออีกว่า "ใครเขาชวนอย่าไปอีกเลย ไปแล้วอันตราย วันหน้าอย่าให้เกิดอีกนะ รัชกาลนี้ ต้องไม่มีนะ พระเจ้าอยู่หัวท่านทรงทอดพระเนตรอยู่ ท่านทรงทำไว้เยอะแยะแล้ว รัชกาลนี้ ต้องไม่มีเรื่องที่มันไม่ดีเกิดขึ้นอีก เราต้องทำให้สิ่งดีๆ ร่วมกัน เพื่อลูกหลานในอนาคต"
ในช่วงท้ายนายกฯ ได้ขอคำมั่นสัญญาขอกับผู้นำชุมชนในพื้นที่ ว่าจะไม่ทิ้งกัน จะช่วยกันเปลี่ยนแปลงประเทศ และในอนาคตช่วยให้มีรัฐบาลที่มีธรรมาภิบาล ขอการเมืองอย่ามาทำให้แตกแยก โดยขอให้สัญญาต่อหน้าฟ้าดินด้วย
ต่อมาในช่วงบ่าย นายกรัฐมนตรีและคณะไปเยี่ยมชมการดำเนินงานของกลุ่มทอผ้าพื้นเมือง บ้านนาคำไฮ ต.นาคำไฮ อ.เมืองฯ จ.หนองบัวลำภู โดยชาวบ้านได้ผูกผ้าหมี่สลับขิด ซึ่งเป็นผ้าทอพื้นบ้านของ จ.หนองบัวลำภู ให้กับนายกฯ และมีพิธีบายศรีสู่ขวัญ ผูกข้อมือ พร้อมแหล่ อวยพรวันเกิดให้ด้วย จากนั้นนายกฯได้ร่วมเวทีประชาคมหมู่บ้าน ตามโครงการ“ไทยนิยม ยั่งยืน”กับประชาชนในพื้นที่ พร้อมยืนยันว่า ไม่ได้มาเพื่อหาเสียงหรือเช็กคะแนนเสียง
นายกฯ กล่าวว่า วันนี้ต่างประเทศเดินทางมาลงทุนเป็นจำนวนมาก เพราะบ้านเมืองสงบสุข เพราะใคร เพราะพวกเราทำให้สงบสุข ซึ่งนักลงทุนบอกว่า ถ้าเป็นแบบเดิม ก่อนปี 57 ก็จะไม่มาลงทุน ดังนนั้นหลังเลือกตั้งแล้วอย่าให้กลับไปแบบเดิมเด็ดขาด เราจะต้องมีรัฐบาลที่มีธรรมาภิบาล วันนี้รัฐบาลที่ไปได้ทุกพื้นที่ ทุกตารางนิ้วของประเทศไทย ไม่ใช่แบบเก่า ที่พรรคหนึ่งไปได้ อีกพรรคหนึ่งไปไม่ได้ เราต้องหารัฐบาลที่ไปได้ทุกพื้นที่อย่างรัฐบาลนี้
ประเทศไทยไม่มีชนชั้น ไม่มีไพร่ อะไรทั้งสิ้น อย่างที่พูดกันว่าไพร่หมื่นล้าน ไม่มีหรอก ไพร่เลิกตั้งแต่รัชกาลที่ 5 ไปแล้ว พูดส่งเดชไปเรื่อย ถ้าใครชวนเป็นไพร่ ถือว่าดูถูกเรา วันนี้เราเอาไทยนิยมยั่งยืน มานำประเทศ ไม่ใช่เอาการเมืองมานำประเทศ ไม่ใช่ให้การเมืองมาชี้นำทุกเรื่อง