ผู้จัดการรายวัน360- "สมชัย"เก็บของที่ กกต.น้อมรับคำสั่ง คสช.ไม่ขอวิจารณ์ ก่อนเดินไปหา แตะมือ "บก.ลายจุด" ที่มาจดตั้ง "พรรคเกรียน" เลยโดนจีบให้ร่วมเป็นสมาชิกเกรียน แต่ยังขอคิดดูก่อน "วิษณุ" เผยคสช.หารือกันก่อนใช้ ม.44 ปลด "สมชัย" ส่วนเหตุผล มีแค่ระบุในราชกิจจาฯ อย่าคิดเป็นอย่างอื่น ส่วนการยื่นตีความ ร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.นั้น สนช. สามารถยื่นได้เองหากสงสัย แต่หากจะให้รัฐบาลยื่น ต้องหารือกันก่อน ด้าน "พรเพชร"ปัดโยนเผือกร้อนให้นายกฯ มั่นใจ สนช.พิจารณากม.รอบคอบแล้ว ไม่เกิดทางตันทางการเมือง
เช้าวานนี้ (21 มี.ค.)นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีต กกต. ได้เดินทางมาสำนักงานกกต. เพื่อเคลียร์งาน และเก็บของ หลัง คสช.มีคำสั่งให้ยุติการปฏิบัติหน้าที่ กกต. โดยให้สัมภาษณ์ว่า หลังจากทราบคำสั่ง คสช. ก็ไม่ได้รู้สึกอะไรมาก นอนหลับฝันดี ตอนนี้ยังไมได้คิดอะไรทั้งสิ้น โดยเฉพาะการเรียกร้องความยุติธรรม หลังจากนี้ก็ยังทำงานเกี่ยวกับการตรวจสอบการเลือกตั้ง โดยจะไปทำงานที่ พี-เนต ส่วนการแสดงความคิดเห็น ก็จะเต็มที่เหมือนเดิม และจะขยายขอบเขตได้กว้างมากขึ้น จากเดิมที่พูดแต่เรื่องเลือกตั้ง และยื่นยันว่า ตนพ้นจากตำแหน่ง ก็ไม่กระทบต่อการทำงานของกกต. เพราะยังเหลือกกต. อีก 4 คน ก็ทำงานได้
"ผมน้อมรับคำสั่ง และไม่วิจารณ์ วันนี้จึงมาเก็บของอย่างเดียว" นายสมชัย กล่าว และปฏิเสธ ที่จะตอบคำถามว่า คำสั่งที่ออกมา เหมือนเป็นการปรามองค์กรอิสระ หรือผู้เห็นต่างกับคสช. หรือไม่ โดยบอกเพียงว่า ว่าหลังเก็บของเสร็จ ในวันศุกร์ เวลา 15.00 น. จะเปิดใจอีกครั้ง และบอกว่าภรรยาตน ดีใจมาก หลังทราบคำสั่ง เพราะก่อนหน้านี้ก็อยากให้ยุติการทำหน้าที่ กกต.อยู่แล้ว
ส่วนตำแหน่งเลขาฯ กกต. คิดว่า คำสั่ง คสช.ไม่ได้มีผลทำให้ขาดคุณสมบัติในการสมัครเลขาฯ เพราะไม่ได้มีกฎหมายใดห้าม รวมทั้งตนก็ไม่ได้ถอนตัว ดังนั้น เป็นหน้าที่ของคณะกรรมการสรรหาฯ ที่จะพิจารณา แต่คิดว่า เมื่อมีคำสั่งคสช. ออกมาแบบนี้ ก็น่าจะสร้างความลำบากใจให้กับ กกต. พอสมควร
เมื่อถามว่า จะไปเล่นการเมืองหรือไม่ นายสมชัย กล่าวว่า คงต้องประเมินตัวเอง ว่ามีประสบการณ์ในเรื่องอะไร มีความรู้อะไร และทำประโยชน์ให้กับบ้านเมืองในโอกาสใดบ้าง ซึ่งการทำประโยชน์ให้กับบ้านเมือง ทำได้ในหลายรูปแบบ คงไม่ใช่อาชีพนักการเมืองเพียงอาชีพเดียว เบื้องต้นยังไม่ได้ตอบรับว่าจะเป็นสมาชิกพรรคการเมืองใด ซึ่งตอนนี้เป็นได้ทุกอาชีพ ยกเว้นกรรมการองค์กรอิสระ เพราะกฎหมายกำหนดว่า เป็นได้แค่ครั้งเดียว
** แตะมือบก.ลายจุดพรรคเกรียน
จากนั้น นายสมชัย ได้เดินทางไปหา นายสมบัติ บุญงามอนงค์ หรือ บก.ลายจุด ที่ร้านกาแฟภายในศูนย์ราชการฯ ซึ่งเป็นสถานที่รวมพลของผู้ร่วมก่อตั้ง พรรคเกรียน เมื่อมาถึงร้านกาแฟ นายสมบัติ ได้ออกมาต้อนรับ พร้อมขอแตะมือทักทายกัน โดยนายสมบัติ บอกว่า เป็นการทักทายแบบวัยรุ่น ก่อนจะถาม นายสมชัย ถึงกระบวนการจดชื่อพรรคเกรียน ว่า กลุ่มตนสามารถใช้ชื่อพรรค“เกรียน”ได้หรือไม่ ซึ่งนายสมชัย กล่าวว่าตนไม่สามารถตอบในฐานะกกต.ได้ เพราะพ้นจากตำแหน่งแล้ว แต่โดยหลักการของการจดจัดตั้งชื่อพรรค ชื่อย่อ เครื่องหมาย ต้องไม่มีลักษณะต้องห้ามตามที่ พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมืองกำหนดไว้
ทั้งนี้ นายสมบัติ ได้ชวนให้นายสมชัย เข้าร่วมพรรคเกรียน เพราะนายสมชัย มีคุณสมบัติเหมาะสมกับพรรคเกรียน ไม่เหมาะที่จะไปอยุ่พรรคไหนเลย ถ้าสนใจสมัครพรรคไหน และไม่มีใครรับ สามารถมาร่วมกับพรรคเกรียนได้ เพราะจะได้เกรียนไกล นายสมชัย ได้ตอบสั้นๆ ว่า ไม่รีบเข้าพรรคการเมืองไหน ขอคิดก่อน
** เผยคสช.หารือกันก่อนปลด"สมชัย"
ด้านนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การออกคำสั่งปลดนายสมชัยครั้งนี้ ได้มีการหารือในที่ประชุม คสช.ก่อนแล้ว ส่วนรายละเอียดในการหารือนั้นไม่สามารถพูดได้ และเหตุผลในการปลดก็มีการชี้แจงในการราชกิจจานุเบกษา อยู่แล้ว อย่าไปคิดเป็นอย่างอื่น
ผู้สื่อข่าวถามว่า การที่ระบุว่า นายสมชัย พูดทำให้เกิดความสับสน เป็นเพราะมีการแสดงความเห็นไปก้าวล่วง คสช. ใช่หรือไม่ นายวิษณุ กล่าว่า ตนไม่ทราบคำพูดของนายสมชัย เมื่อถามย้ำว่า คิดหรือไม่ว่า เรื่องนี้จะกลายเป็นน้ำผึ้งหยดเดียว หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ไม่คิด แต่ไม่ใช่ไม่กลัว การที่จะมีนายสมชัย หรือไม่มีนั้นไม่ได้กระทบกับการทำงานของรัฐบาลให้ราบรื่น หรือสะดุดได้ เพราะต่างคนต่างทำงาน และการให้นายสมชัย ยุติหน้าที่จะไม่กระทบโรดแมปเลือกตั้ง เพราะกกต. ที่เหลืออยู่ 4 คน สามารถทำงานได้ตามปกติ จนกกว่า กกต.ชุดใหม่จะเข้ามา
ส่วนการสมัครเข้ารับการคัดเลือกเป็น เลขาฯ กกต.ของนายสมชัย ก็ยังมีผล เพราะสมัครไปแล้ว ก็เข้าสู่กระบวนการ สุดท้าย กกต. 4 คนที่เหลืออยู่ เป็นคนเลือก รัฐบาลไม่เกี่ยว สภาไม่เกี่ยว
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม กล่าวถึง กรณีนายกรัฐมนตรีใช้ มาตรา 44 ปลด นายสมชัย ว่า ก็ได้บอกในรายละเอียดไปหมดแล้ว ตามคำสั่งของหัวหน้า คสช. ให้ไปอ่านในคำสั่ง เชื่อว่าจะไม่ส่งผลกระทบ แม้ว่า กกต. ทำหน้าที่เป็นองค์กรอิสระ และก่อนปลด ก็ได้มีการหารือกันในที่ประชุมคสช. ซึ่งทุกคนก็เห็นด้วย
ด้านร.ท.หญิง สุณิสา ทิวากรดำรง อดีตรองโฆษกรัฐบาล กล่าวว่า การที่นายสมชัย ถูกปลด น่าจะเป็นเพราะกล้าวิจารณ์รัฐบาลแบบตรงไปตรงมา และรัฐบาลสั่งซ้ายหัน ขวาหันไม่ได้ มากกว่าเหตุผลเรื่องผลประโยชน์ขัดกัน เพราะถ้าย้อนดูพฤติกรรมในช่วงที่ผ่านมาของรัฐบาล จะเห็นว่า พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ได้ใส่ใจเรื่องหลักผลประโยชน์ทับซ้อน หรือ หลักผลประโยชน์ขัดกัน ไม่อย่างนั้น คงไม่เอานายทุนรายใหญ่ๆไม่กี่เจ้าที่ทำธุรกิจแบบผูกขาด มานั่งกำหนดนโยบายเศรษฐกิจของประเทศ ร่วมกับรัฐบาล ทั้งๆ ที่ เป็นผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย และจะทำให้เอกชนรายย่อยเสียเปรียบ
นอกจากนี้ พล.อ.ประยุทธ์ คงลืมดูตัวเองว่า เป็นทั้งหัวหน้าคสช. เป็นทั้งนายกฯ รับเงินเดือนหลายๆ ทาง เช่นกัน โดยไม่คำนึงถึงหลักการขัดกันแห่งผลประโยชน์ แถมตอนนี้ เป็นนายกฯ อยู่แท้ๆ แต่ก็ใช้งบประมาณแผ่นดิน โปรยเงินผ่านนโยบายประชานิยมหาเสียงล่วงหน้า เพราะอยากเป็นนายกฯต่อ
**รัฐบาลไม่ยื่นตีความกม.ลูกส.ส.
นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณี นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.)ระบุว่า ได้ส่ง ร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. ถึงนายกรัฐมนตรี เพื่อให้นายกฯ พิจารณาว่าจะยื่นตีความหรือไม่ว่า นายกฯ พูดไปแล้วว่าไม่ใช่หน้าที่ แล้วตนจะพูดอะไร และไม่ทราบว่าจะทำอย่างไรต่อ เพราะสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) ยังไม่ได้รายงานให้ ครม.ทราบ และกฎหมายดังกล่าว สนช.สามารถยื่นตีความได้เอง ซึ่งเขาตัดสินใจแล้วว่าจะยื่นเพียง ร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่งส.ว. เพราะเห็นว่าหากมีปัญหาขึ้นมาเรื่องจะใหญ่ จึงตัดไฟแต่ต้นลม
นายวิษณุ กล่าวด้วยว่า ที่ไม่ยื่นร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. เพราะหากมีคนร้องในวันหนึ่ง ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่ที่ต้องเดือดร้อนจนต้องตัดไฟก่อน เนื่องจากมีประเด็นที่เป็นปัญหา 2 มาตรา คือ เรื่องที่เกี่ยวกับตัดสิทธิไม่สามารถเป็นข้าราชการการเมืองได้ หากไม่ไปเลือกตั้ง ซึ่งถ้ามีการสงสัยแล้วยื่นศาลรธน. แล้วศาลฯว่าขัด ก็เลิกมาตรานี้ไป คนที่ถูกตัดสิทธิ ก็กลับมาเป็นข้าราชการการเมืองได้ ไม่ได้เดือดร้อนอะไร และแทบจะไม่ต้องแก้กม.เลยสักคำ เมื่อขัดก็เอามาตรานี้ออก ก็จบ ส่วนอีกมาตราคือที่เกี่ยวกับการลงคะแนนแทนผู้พิการ เมื่อดูแล้ว ไม่ได้ระบุว่าให้กาบัตรแทนคนพิการ แต่ต้องมีมาตรการในการช่วยเหลือ ซึ่ง กกต.เขาชี้แจงแล้วว่า มีวิธีแล้วว่าจะทำอย่างไรให้คนไปช่วยโดยไม่รู้ว่าเลือกใคร ทำให้ความลับยังมีอยู่ แต่สมมติว่า ถ้าศาลฯ ตัดสินว่าขัดรธน. ก็เอามาตรานี้ออก ก็ไม่ส่งผลกระทบถึงขนาดทำให้คะแนนเสีย เพราะคนมาลงคะแนนเป็นล้านคน แต่มีผู้พิการ กาบัตรไม่ได้ ไม่กี่คน
เมื่อถามว่า หากสามารถตัดมาตราที่ขัดออก ตามที่ศาลให้ตัดได้ แล้วทำไมสนช.ไม่ยื่นเอง แต่กลับมาโยนให้รัฐบาลนายวิษณุ กล่าวว่า ไม่รู้ เพราะไม่ได้เป็น สนช. และวิป และถ้าใครเห็นว่าควรจะยื่นก่อนที่กฎหมายประกาศใช้ ก็ช่วยบอกมาที่รัฐบาล หรือถ้าไม่เห็นด้วย เพราะคิดว่าเป็นแผนถ่วงเรื่อง ประวิงเวลา สิ่งเหล่านี้รัฐบาลมองอยู่
"ถึงบอกว่า ถ้ารัฐบาลเฉย ไม่ยื่น ก็รบเร้าให้ยื่น จะได้ชัดเจน แต่พอจะยื่น ก็มาบอกว่าเป็นทฤษฎีสมคบคิดอีก ก็ต้องแล้วแต่คนมอง ซึ่งคนที่มองเก่งๆก็มี แต่ผมมองไม่ถูก เพราะวิชามารผมไม่ถนัด"
ผู้สื่อข่าวถามว่า เป็นไปได้หรือไม่ที่รัฐบาลจะยื่นตีความ ร่าง พ.ร.ป.การเลือกตั้ง ส.ส.เอง เพื่อแก้ปัญหาหากมีการไปยื่นตีความหลังกฎหมายประกาศใช้ นายวิษณุ กล่าวว่า เมื่อ สนช.ส่งมาแล้ว เราได้รับก็จะต้องหารือกัน และสอบถามไปที่กรธ. ว่าจะยืนยันอย่างไร และถามสนช. ว่าเหตุใดจึงไม่ยื่นเอง และคุยในรัฐบาลอีกครั้ง
ต่อข้อถามว่า หากหาทางออกไม่ได้ รัฐบาลจะยื่นเองหรือไม่ รองนายกฯ กล่าวว่า "นั่นสื่อพูด ผมยังไม่ได้พูด เพราะรัฐบาลยังไม่ได้รับเรื่อง และในกฎหมายเขียนไว้แล้วว่า คนที่จะยื่นได้มีเพียง สนช. และ นายกฯ แต่นายกฯ ไม่ใช่ไปรษณีย์ เมื่อได้รับมาแล้วยื่นเอง แปลว่า นายกฯ สงสัย แต่ถ้าสนช.ยื่น แสดงว่า สมาชิกสงสัย ดังนั้นอยู่ที่ว่าใครสงสัย คุณจะเอาความสงสัยของคุณมาฝากให้นายกฯช่วยสงสัย ไม่ได้"
เมื่อถามว่าแม้ สนช.ต้องการให้นายกฯ ยื่น แต่หากนายกฯ ไม่สงสัย ก็เป็นไปได้ที่นายกฯ จะไม่ยื่น นายวิษณุ กล่าวว่า ก็ถูกแล้ว เมื่อถามว่าหากไม่ยื่นตีความ แล้วเกิดกฎหมายลูกทั้ง 2 ฉบับ มีปัญหาในอนาคต จะทำอย่างไร นายวิษณุ กล่าวว่า เรื่องนี้ นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธาน สนช. แถลงชัดเจนแล้ว
** สนช.ปัดโยนเผือกร้อนให้นายกฯ
นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) กล่าวถึงการที่ สนช.ไม่ยื่นตีความ ร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.ว่า จะไม่เป็นกับดักทำให้เกิดทางตันทางการเมือง เพราะท่าทีของฝ่ายก.ม.ของรัฐบาล รวมถึงผู้ร่างรธน. ก็ไม่มีใครห่วงกังวลในเรื่องนี้ และแม้ว่าในอนาคตจะมีใครไปยื่นให้ศาลรธน.ตีความหลังเลือกตั้ง ก็จะไม่มีปัญหาให้การเมืองเดตล็อก เพราะมั่นใจว่าสิ่งที่ สนช. เขียนมานั้นถูกต้องแล้ว โดยเฉพาะการให้มีบุคคลช่วยเหลือผู้พิการลงคะแนนในคูหาเลือกตั้ง ถือเป็นหลักสากล ที่ทั่วโลกยอมรับ ทั้งนี้ ขอยืนยันว่าการช่วยผู้พิการ ลงคะแนนยังเป็นความลับ ด้วยบทบัญญัติของกม. ซึ่งแตกต่างกับกรณีการหันคูหาเลือกตั้ง ที่ไม่ได้ตราเป็นกม. แต่เป็นเพียงแค่ข้อกำหนดของกกต. สมัยนั้น จึงไม่สามารถนำมาเทียบเคียงกับกรณีนี้ได้ แต่หากใครเห็นอาจมีปัญหา ก็สามารถไปยื่นให้ศาลฯวินิจฉัยได้ ทันทีที่กฎหมายมีผลบังคับใช้ ไม่ใช่ไปยื่นหลังเลือกตั้ง ทั้งนี้ สิทธิคนพิการ คนชรา ถือเป็นหัวใจสำคัญ ไม่ควรไปจำกัดสิทธิ
"สนช. ไม่ได้โยนเผือนร้อนให้นายกฯ ตัดสินใจยื่นตีความ หรือไม่ เพราะสนช. ทำตามขอบเขตอำนาจที่ได้บัญญัติไว้อย่างถูกต้อง"
นายพรเพชร ในฐานะที่ปรึกษาฝ่ายกม. ของหัวหน้าคสช. ยังกล่าวถึง คำสั่ง คสช ที่ 4/2561 ให้ นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีต กกต. ยุติการปฏิบัติหน้าที่ว่า กกต.ที่เหลืออยู่ยังสามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ และไม่จำเป็นต้องเร่งรัดการสรรหา กกต.ชุดใหม่ คณะกรรมการสรรหา ยังคงดำเนินการตามกรอบเวลาเดิม พร้อมเห็นว่า แม้คำสั่งคสช.จะใช้คำว่ายุติการปฏิบัติหน้าที่ แทนคำว่า “ปลดออก”แต่ก็ถือว่านายสมชัย พ้นจากหน้าที่ไปตั้งแต่ วันที่ร่างพ.ร.ป.ว่าด้วยกกต. มีผลบังคับใช้ ที่กำหนดให้เซตซีโร กกต.ชุดปัจจุบัน
เช้าวานนี้ (21 มี.ค.)นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีต กกต. ได้เดินทางมาสำนักงานกกต. เพื่อเคลียร์งาน และเก็บของ หลัง คสช.มีคำสั่งให้ยุติการปฏิบัติหน้าที่ กกต. โดยให้สัมภาษณ์ว่า หลังจากทราบคำสั่ง คสช. ก็ไม่ได้รู้สึกอะไรมาก นอนหลับฝันดี ตอนนี้ยังไมได้คิดอะไรทั้งสิ้น โดยเฉพาะการเรียกร้องความยุติธรรม หลังจากนี้ก็ยังทำงานเกี่ยวกับการตรวจสอบการเลือกตั้ง โดยจะไปทำงานที่ พี-เนต ส่วนการแสดงความคิดเห็น ก็จะเต็มที่เหมือนเดิม และจะขยายขอบเขตได้กว้างมากขึ้น จากเดิมที่พูดแต่เรื่องเลือกตั้ง และยื่นยันว่า ตนพ้นจากตำแหน่ง ก็ไม่กระทบต่อการทำงานของกกต. เพราะยังเหลือกกต. อีก 4 คน ก็ทำงานได้
"ผมน้อมรับคำสั่ง และไม่วิจารณ์ วันนี้จึงมาเก็บของอย่างเดียว" นายสมชัย กล่าว และปฏิเสธ ที่จะตอบคำถามว่า คำสั่งที่ออกมา เหมือนเป็นการปรามองค์กรอิสระ หรือผู้เห็นต่างกับคสช. หรือไม่ โดยบอกเพียงว่า ว่าหลังเก็บของเสร็จ ในวันศุกร์ เวลา 15.00 น. จะเปิดใจอีกครั้ง และบอกว่าภรรยาตน ดีใจมาก หลังทราบคำสั่ง เพราะก่อนหน้านี้ก็อยากให้ยุติการทำหน้าที่ กกต.อยู่แล้ว
ส่วนตำแหน่งเลขาฯ กกต. คิดว่า คำสั่ง คสช.ไม่ได้มีผลทำให้ขาดคุณสมบัติในการสมัครเลขาฯ เพราะไม่ได้มีกฎหมายใดห้าม รวมทั้งตนก็ไม่ได้ถอนตัว ดังนั้น เป็นหน้าที่ของคณะกรรมการสรรหาฯ ที่จะพิจารณา แต่คิดว่า เมื่อมีคำสั่งคสช. ออกมาแบบนี้ ก็น่าจะสร้างความลำบากใจให้กับ กกต. พอสมควร
เมื่อถามว่า จะไปเล่นการเมืองหรือไม่ นายสมชัย กล่าวว่า คงต้องประเมินตัวเอง ว่ามีประสบการณ์ในเรื่องอะไร มีความรู้อะไร และทำประโยชน์ให้กับบ้านเมืองในโอกาสใดบ้าง ซึ่งการทำประโยชน์ให้กับบ้านเมือง ทำได้ในหลายรูปแบบ คงไม่ใช่อาชีพนักการเมืองเพียงอาชีพเดียว เบื้องต้นยังไม่ได้ตอบรับว่าจะเป็นสมาชิกพรรคการเมืองใด ซึ่งตอนนี้เป็นได้ทุกอาชีพ ยกเว้นกรรมการองค์กรอิสระ เพราะกฎหมายกำหนดว่า เป็นได้แค่ครั้งเดียว
** แตะมือบก.ลายจุดพรรคเกรียน
จากนั้น นายสมชัย ได้เดินทางไปหา นายสมบัติ บุญงามอนงค์ หรือ บก.ลายจุด ที่ร้านกาแฟภายในศูนย์ราชการฯ ซึ่งเป็นสถานที่รวมพลของผู้ร่วมก่อตั้ง พรรคเกรียน เมื่อมาถึงร้านกาแฟ นายสมบัติ ได้ออกมาต้อนรับ พร้อมขอแตะมือทักทายกัน โดยนายสมบัติ บอกว่า เป็นการทักทายแบบวัยรุ่น ก่อนจะถาม นายสมชัย ถึงกระบวนการจดชื่อพรรคเกรียน ว่า กลุ่มตนสามารถใช้ชื่อพรรค“เกรียน”ได้หรือไม่ ซึ่งนายสมชัย กล่าวว่าตนไม่สามารถตอบในฐานะกกต.ได้ เพราะพ้นจากตำแหน่งแล้ว แต่โดยหลักการของการจดจัดตั้งชื่อพรรค ชื่อย่อ เครื่องหมาย ต้องไม่มีลักษณะต้องห้ามตามที่ พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมืองกำหนดไว้
ทั้งนี้ นายสมบัติ ได้ชวนให้นายสมชัย เข้าร่วมพรรคเกรียน เพราะนายสมชัย มีคุณสมบัติเหมาะสมกับพรรคเกรียน ไม่เหมาะที่จะไปอยุ่พรรคไหนเลย ถ้าสนใจสมัครพรรคไหน และไม่มีใครรับ สามารถมาร่วมกับพรรคเกรียนได้ เพราะจะได้เกรียนไกล นายสมชัย ได้ตอบสั้นๆ ว่า ไม่รีบเข้าพรรคการเมืองไหน ขอคิดก่อน
** เผยคสช.หารือกันก่อนปลด"สมชัย"
ด้านนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การออกคำสั่งปลดนายสมชัยครั้งนี้ ได้มีการหารือในที่ประชุม คสช.ก่อนแล้ว ส่วนรายละเอียดในการหารือนั้นไม่สามารถพูดได้ และเหตุผลในการปลดก็มีการชี้แจงในการราชกิจจานุเบกษา อยู่แล้ว อย่าไปคิดเป็นอย่างอื่น
ผู้สื่อข่าวถามว่า การที่ระบุว่า นายสมชัย พูดทำให้เกิดความสับสน เป็นเพราะมีการแสดงความเห็นไปก้าวล่วง คสช. ใช่หรือไม่ นายวิษณุ กล่าว่า ตนไม่ทราบคำพูดของนายสมชัย เมื่อถามย้ำว่า คิดหรือไม่ว่า เรื่องนี้จะกลายเป็นน้ำผึ้งหยดเดียว หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ไม่คิด แต่ไม่ใช่ไม่กลัว การที่จะมีนายสมชัย หรือไม่มีนั้นไม่ได้กระทบกับการทำงานของรัฐบาลให้ราบรื่น หรือสะดุดได้ เพราะต่างคนต่างทำงาน และการให้นายสมชัย ยุติหน้าที่จะไม่กระทบโรดแมปเลือกตั้ง เพราะกกต. ที่เหลืออยู่ 4 คน สามารถทำงานได้ตามปกติ จนกกว่า กกต.ชุดใหม่จะเข้ามา
ส่วนการสมัครเข้ารับการคัดเลือกเป็น เลขาฯ กกต.ของนายสมชัย ก็ยังมีผล เพราะสมัครไปแล้ว ก็เข้าสู่กระบวนการ สุดท้าย กกต. 4 คนที่เหลืออยู่ เป็นคนเลือก รัฐบาลไม่เกี่ยว สภาไม่เกี่ยว
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม กล่าวถึง กรณีนายกรัฐมนตรีใช้ มาตรา 44 ปลด นายสมชัย ว่า ก็ได้บอกในรายละเอียดไปหมดแล้ว ตามคำสั่งของหัวหน้า คสช. ให้ไปอ่านในคำสั่ง เชื่อว่าจะไม่ส่งผลกระทบ แม้ว่า กกต. ทำหน้าที่เป็นองค์กรอิสระ และก่อนปลด ก็ได้มีการหารือกันในที่ประชุมคสช. ซึ่งทุกคนก็เห็นด้วย
ด้านร.ท.หญิง สุณิสา ทิวากรดำรง อดีตรองโฆษกรัฐบาล กล่าวว่า การที่นายสมชัย ถูกปลด น่าจะเป็นเพราะกล้าวิจารณ์รัฐบาลแบบตรงไปตรงมา และรัฐบาลสั่งซ้ายหัน ขวาหันไม่ได้ มากกว่าเหตุผลเรื่องผลประโยชน์ขัดกัน เพราะถ้าย้อนดูพฤติกรรมในช่วงที่ผ่านมาของรัฐบาล จะเห็นว่า พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ได้ใส่ใจเรื่องหลักผลประโยชน์ทับซ้อน หรือ หลักผลประโยชน์ขัดกัน ไม่อย่างนั้น คงไม่เอานายทุนรายใหญ่ๆไม่กี่เจ้าที่ทำธุรกิจแบบผูกขาด มานั่งกำหนดนโยบายเศรษฐกิจของประเทศ ร่วมกับรัฐบาล ทั้งๆ ที่ เป็นผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย และจะทำให้เอกชนรายย่อยเสียเปรียบ
นอกจากนี้ พล.อ.ประยุทธ์ คงลืมดูตัวเองว่า เป็นทั้งหัวหน้าคสช. เป็นทั้งนายกฯ รับเงินเดือนหลายๆ ทาง เช่นกัน โดยไม่คำนึงถึงหลักการขัดกันแห่งผลประโยชน์ แถมตอนนี้ เป็นนายกฯ อยู่แท้ๆ แต่ก็ใช้งบประมาณแผ่นดิน โปรยเงินผ่านนโยบายประชานิยมหาเสียงล่วงหน้า เพราะอยากเป็นนายกฯต่อ
**รัฐบาลไม่ยื่นตีความกม.ลูกส.ส.
นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณี นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.)ระบุว่า ได้ส่ง ร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. ถึงนายกรัฐมนตรี เพื่อให้นายกฯ พิจารณาว่าจะยื่นตีความหรือไม่ว่า นายกฯ พูดไปแล้วว่าไม่ใช่หน้าที่ แล้วตนจะพูดอะไร และไม่ทราบว่าจะทำอย่างไรต่อ เพราะสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) ยังไม่ได้รายงานให้ ครม.ทราบ และกฎหมายดังกล่าว สนช.สามารถยื่นตีความได้เอง ซึ่งเขาตัดสินใจแล้วว่าจะยื่นเพียง ร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่งส.ว. เพราะเห็นว่าหากมีปัญหาขึ้นมาเรื่องจะใหญ่ จึงตัดไฟแต่ต้นลม
นายวิษณุ กล่าวด้วยว่า ที่ไม่ยื่นร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. เพราะหากมีคนร้องในวันหนึ่ง ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่ที่ต้องเดือดร้อนจนต้องตัดไฟก่อน เนื่องจากมีประเด็นที่เป็นปัญหา 2 มาตรา คือ เรื่องที่เกี่ยวกับตัดสิทธิไม่สามารถเป็นข้าราชการการเมืองได้ หากไม่ไปเลือกตั้ง ซึ่งถ้ามีการสงสัยแล้วยื่นศาลรธน. แล้วศาลฯว่าขัด ก็เลิกมาตรานี้ไป คนที่ถูกตัดสิทธิ ก็กลับมาเป็นข้าราชการการเมืองได้ ไม่ได้เดือดร้อนอะไร และแทบจะไม่ต้องแก้กม.เลยสักคำ เมื่อขัดก็เอามาตรานี้ออก ก็จบ ส่วนอีกมาตราคือที่เกี่ยวกับการลงคะแนนแทนผู้พิการ เมื่อดูแล้ว ไม่ได้ระบุว่าให้กาบัตรแทนคนพิการ แต่ต้องมีมาตรการในการช่วยเหลือ ซึ่ง กกต.เขาชี้แจงแล้วว่า มีวิธีแล้วว่าจะทำอย่างไรให้คนไปช่วยโดยไม่รู้ว่าเลือกใคร ทำให้ความลับยังมีอยู่ แต่สมมติว่า ถ้าศาลฯ ตัดสินว่าขัดรธน. ก็เอามาตรานี้ออก ก็ไม่ส่งผลกระทบถึงขนาดทำให้คะแนนเสีย เพราะคนมาลงคะแนนเป็นล้านคน แต่มีผู้พิการ กาบัตรไม่ได้ ไม่กี่คน
เมื่อถามว่า หากสามารถตัดมาตราที่ขัดออก ตามที่ศาลให้ตัดได้ แล้วทำไมสนช.ไม่ยื่นเอง แต่กลับมาโยนให้รัฐบาลนายวิษณุ กล่าวว่า ไม่รู้ เพราะไม่ได้เป็น สนช. และวิป และถ้าใครเห็นว่าควรจะยื่นก่อนที่กฎหมายประกาศใช้ ก็ช่วยบอกมาที่รัฐบาล หรือถ้าไม่เห็นด้วย เพราะคิดว่าเป็นแผนถ่วงเรื่อง ประวิงเวลา สิ่งเหล่านี้รัฐบาลมองอยู่
"ถึงบอกว่า ถ้ารัฐบาลเฉย ไม่ยื่น ก็รบเร้าให้ยื่น จะได้ชัดเจน แต่พอจะยื่น ก็มาบอกว่าเป็นทฤษฎีสมคบคิดอีก ก็ต้องแล้วแต่คนมอง ซึ่งคนที่มองเก่งๆก็มี แต่ผมมองไม่ถูก เพราะวิชามารผมไม่ถนัด"
ผู้สื่อข่าวถามว่า เป็นไปได้หรือไม่ที่รัฐบาลจะยื่นตีความ ร่าง พ.ร.ป.การเลือกตั้ง ส.ส.เอง เพื่อแก้ปัญหาหากมีการไปยื่นตีความหลังกฎหมายประกาศใช้ นายวิษณุ กล่าวว่า เมื่อ สนช.ส่งมาแล้ว เราได้รับก็จะต้องหารือกัน และสอบถามไปที่กรธ. ว่าจะยืนยันอย่างไร และถามสนช. ว่าเหตุใดจึงไม่ยื่นเอง และคุยในรัฐบาลอีกครั้ง
ต่อข้อถามว่า หากหาทางออกไม่ได้ รัฐบาลจะยื่นเองหรือไม่ รองนายกฯ กล่าวว่า "นั่นสื่อพูด ผมยังไม่ได้พูด เพราะรัฐบาลยังไม่ได้รับเรื่อง และในกฎหมายเขียนไว้แล้วว่า คนที่จะยื่นได้มีเพียง สนช. และ นายกฯ แต่นายกฯ ไม่ใช่ไปรษณีย์ เมื่อได้รับมาแล้วยื่นเอง แปลว่า นายกฯ สงสัย แต่ถ้าสนช.ยื่น แสดงว่า สมาชิกสงสัย ดังนั้นอยู่ที่ว่าใครสงสัย คุณจะเอาความสงสัยของคุณมาฝากให้นายกฯช่วยสงสัย ไม่ได้"
เมื่อถามว่าแม้ สนช.ต้องการให้นายกฯ ยื่น แต่หากนายกฯ ไม่สงสัย ก็เป็นไปได้ที่นายกฯ จะไม่ยื่น นายวิษณุ กล่าวว่า ก็ถูกแล้ว เมื่อถามว่าหากไม่ยื่นตีความ แล้วเกิดกฎหมายลูกทั้ง 2 ฉบับ มีปัญหาในอนาคต จะทำอย่างไร นายวิษณุ กล่าวว่า เรื่องนี้ นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธาน สนช. แถลงชัดเจนแล้ว
** สนช.ปัดโยนเผือกร้อนให้นายกฯ
นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) กล่าวถึงการที่ สนช.ไม่ยื่นตีความ ร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.ว่า จะไม่เป็นกับดักทำให้เกิดทางตันทางการเมือง เพราะท่าทีของฝ่ายก.ม.ของรัฐบาล รวมถึงผู้ร่างรธน. ก็ไม่มีใครห่วงกังวลในเรื่องนี้ และแม้ว่าในอนาคตจะมีใครไปยื่นให้ศาลรธน.ตีความหลังเลือกตั้ง ก็จะไม่มีปัญหาให้การเมืองเดตล็อก เพราะมั่นใจว่าสิ่งที่ สนช. เขียนมานั้นถูกต้องแล้ว โดยเฉพาะการให้มีบุคคลช่วยเหลือผู้พิการลงคะแนนในคูหาเลือกตั้ง ถือเป็นหลักสากล ที่ทั่วโลกยอมรับ ทั้งนี้ ขอยืนยันว่าการช่วยผู้พิการ ลงคะแนนยังเป็นความลับ ด้วยบทบัญญัติของกม. ซึ่งแตกต่างกับกรณีการหันคูหาเลือกตั้ง ที่ไม่ได้ตราเป็นกม. แต่เป็นเพียงแค่ข้อกำหนดของกกต. สมัยนั้น จึงไม่สามารถนำมาเทียบเคียงกับกรณีนี้ได้ แต่หากใครเห็นอาจมีปัญหา ก็สามารถไปยื่นให้ศาลฯวินิจฉัยได้ ทันทีที่กฎหมายมีผลบังคับใช้ ไม่ใช่ไปยื่นหลังเลือกตั้ง ทั้งนี้ สิทธิคนพิการ คนชรา ถือเป็นหัวใจสำคัญ ไม่ควรไปจำกัดสิทธิ
"สนช. ไม่ได้โยนเผือนร้อนให้นายกฯ ตัดสินใจยื่นตีความ หรือไม่ เพราะสนช. ทำตามขอบเขตอำนาจที่ได้บัญญัติไว้อย่างถูกต้อง"
นายพรเพชร ในฐานะที่ปรึกษาฝ่ายกม. ของหัวหน้าคสช. ยังกล่าวถึง คำสั่ง คสช ที่ 4/2561 ให้ นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีต กกต. ยุติการปฏิบัติหน้าที่ว่า กกต.ที่เหลืออยู่ยังสามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ และไม่จำเป็นต้องเร่งรัดการสรรหา กกต.ชุดใหม่ คณะกรรมการสรรหา ยังคงดำเนินการตามกรอบเวลาเดิม พร้อมเห็นว่า แม้คำสั่งคสช.จะใช้คำว่ายุติการปฏิบัติหน้าที่ แทนคำว่า “ปลดออก”แต่ก็ถือว่านายสมชัย พ้นจากหน้าที่ไปตั้งแต่ วันที่ร่างพ.ร.ป.ว่าด้วยกกต. มีผลบังคับใช้ ที่กำหนดให้เซตซีโร กกต.ชุดปัจจุบัน