ผู้จัดการรายวัน 360 - ป.ป.ท.เผยผลสอบพบโกงเงินคนจนเพิ่ม 5 จังหวัด รวมทั้งสิ้น 49 จังหวัด รวม 104.44 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 85% ของงบทั้งหมด ศธ. จ่อไล่ออกข้าราชการซี 8 ยักยอกเงินกองทุนเสมาฯ ขณะที่ พม. เตรียมจะมีคำสั่งย้ายข้าราชการเอี่ยวโกงเพิ่มอีกล็อตใหญ่ "วิษณุ" ลั่นไม่ยกเลิกโครงการ แต่ต้องปรับเปลี่ยนการจ่ายเงินผ่านพร้อมเพย์ให้ถึงคนจนโดยตรง ขณะที่ผลสอบอาจารย์คู่กรณี “น้องแบม” ไม่มีใครผิดใครถูก ด้านเจ้าตัวยังค้างคาใจหลายประเด็นเพราะผลสอบเหมือนปัดไปให้พ้นทางมากกว่า
พ.ท.กรทิพย์ ดาโรจน์ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) เปิดเผยถึง ผลการตรวจสอบทุจริตการใช้จ่ายเงินสงเคราะห์ครอบครัวผู้มีรายได้น้อยและผู้ไร้ที่พึ่ง ของศูนย์คนไร้ที่พึ่งและนิคมสร้างตนเองทั่วประเทศ ซึ่งดำเนินงานโดย กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ (พส.) กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ว่า พบมีการกระทำที่ส่อไปในทางทุจริตงบประมาณรวม 104,440,000 บาท คิดเป็นประมาณ 85% ของงบศูนย์คุ้มครองฯ ใน 49 จังหวัด เพิ่มขึ้นจากเดิม 5 จังหวัด โดยขณะนี้คณะกรรมการ ป.ป.ท. รับไว้ไต่สวนข้อเท็จจริงแล้ว 7 จังหวัด อยู่ระหว่างการตรวจสอบอีก 27 จังหวัด ซึ่งจะทยอยเสนอให้คณะกรรมการป.ป.ท.ลงมติตั้งอนุกรรมการไต่สวนเพิ่มเติมภายในสัปดาห์นี้
ส่วนการตรวจสอบนิคมสร้างตนเอง 32 แห่ง ป.ป.ท. ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบไปแล้ว 4 แห่ง นิคมสร้างตนเองเชียงพิณ จ.อุดรธานี งบประมาณ 7,030,000 บาท นิคมสร้างตนเองห้วยห้วง จ.อุดรธานี งบ 5,030,000 บาท นิคมสร้างตนเองเขื่อนอุบลรัตน์ จ.ข่อนแก่น งบ 11,700,000 ล้านบาท และนิคมสร้างตนเองพัฒนาภาคใต้ จ.สตูล งบ 10,980,000 ล้านบาท โดยพฤติการณ์ที่ตรวจสอบพบว่า มีลักษณะการทุจริตเช่นเดียวกับศูนย์คุ้มครองฯ แต่มีลักษณะให้เงินทุนกลุ่มวิชาชีพและเบิกสงเคราะห์จำนวนหลายครั้ง
“การตรวจสอบเส้นทางการเงินเพื่อเอาผิดกับผู้รับผลประโยชน์ปลายทาง หรือเก็บเงินทอนจากงบฯ คนไร้ที่พึ่ง ขณะนี้เริ่มเห็นความชัดเจนของผู้ที่เข้าไปเกี่ยวข้อง น่าจะทราบผลการตรวจสอบทั้งหมดภายในสิ้นเดือนมี.ค.นี้ ขณะที่การทุจริตกองทุนเสมาพัฒนาชีวิตนั้น ศธ.ได้ส่งเรื่องมาที่ป.ป.ท.แล้ว ในวันนี้ ( 20 มี.ค.) จะเสนอให้บอร์ดป.ป.ท.มีมติตั้งอนุกรรมการไต่สวนความผิด”พ.ท.กรทิพย์กล่าว
***ศธ.จ่อไล่ออกขรก.ซี 8 เอี่ยวโกง
นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รมว.ศึกษาธิการ กล่าวถึง ความคืบหน้าการตรวจสอบการทุจริตเงินกองทุนเสมาพัฒนาชีวิต ที่มีการโอนเงินเข้าบัญชีบุคคลอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องกว่า 88 ล้านบาท ว่า ขณะนี้ได้สั่งให้ปลัด ศธ. หาเงินจากส่วนอื่นมาเยียวยาแก่ผู้เสียหายก่อน เพราะตามกระบวนการตรวจสอบและอายัดทรัพย์สินจะต้องใช้เวลานาน พร้อมกันนี้ ปลัด ศธ.ยังได้รายงานมาด้วยว่าภายในสัปดาห์นี้จะมีการประชุม อกพ.สป. ซึ่งจะมีการพิจาณาโทษวินัยร้ายแรง โดยจะมีการไล่ออกข้าราชการซี 8 จำนวน 1รายที่รับสารภาพว่าเป็นผู้กระทำความผิดจริง ดังนั้นโทษวินัยร้ายแรงจะมีอยู่ 2 กรณี คือ ปลดออก กับ ไล่ออก
*** เตรียมสั่งเด้ง 'ขรก.พม.' ล็อตใหญ่
ด้านนางไพรวรรณ พลวัน รักษาการปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) กล่าวว่า กระทรวงฯ ตรวจสอบพบมูลความผิดรวม 21 แห่ง ซึ่งมีคำสั่งย้ายแล้ว 16 แห่ง จำนวน 22 คน ส่วนอีก 5 แห่ง ได้ลาออกไป 1 คน เกษียณราชการ 4 คน และวันนี้ (19 มี.ค.) จะเป็นการตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติมอีก 31 แห่ง คาดว่าจะมีอีกหลายจังหวัดที่เข้าข่ายถูกย้ายครั้งที่ 2 นี้
*** จ่อใช้พร้อมเพย์แก้โกงเงินคนจน
นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงประเด็นที่จะยกเลิกโครงการช่วยเหลือคนจนหรือไม่ หลังจากมีการตรวจสอบพบทุจริตจำนวนมาก ว่า จะไปหักด้ามพร้าด้วยเข่าไม่ได้ เพราะเป็นโครงการที่ดีเพื่อช่วยประชาชนผู้ยากไร้ เมื่อพบการทุจริตต้องแก้ไขไม่ใช่ยกเลิก อาจจะปรับเปลี่ยนวิธีการจ่ายเงิน เช่นการจ่ายผ่านพร้อพเพย์ หรือวิธีอื่นๆ เพราะคนจน คนไร้ที่พึ่งยังมีอยู่จริง การสงเคราะห์ยังเป็นเรื่องจำเป็น
*** ผลสอบอ.คู่กรณีน้องแบม"ไม่มีใครถูก-ผิด
ขณะเดียวกัน ที่ห้องประชุมสภาคณาจารย์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม (มมส.) ผศ.ดร.วิรัติ ปานศิลา ประธานสภาคณาจารย์ มมส. ได้เปิดแถลงข้อเท็จจริงกรณีผลการตรวจสอบ อาจารย์สายไหม ไชยศิรินทร์ หัวหน้าภาควิชา คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มมส. ซึ่งเป็นอาจารย์ที่สั่งให้ นางสาวปณิดา ยศปัญญา หรือน้องแบม นิสิตชั้นปีที่ 4 กราบขอขมาเจ้าหน้าที่ที่กระทำการทุจริต ที่ศูนย์พักพิงคนไร้ที่พึ่ง จ.ขอนแก่น และทุบหลังน้องแบม ซึ่งเดินทางมาร่วมรับฟังการแถลงในครั้งนี้ด้วย
ผศ.ดร.วิรัติ กล่าวถึง ผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงทั้ง 6 ประเด็น ว่า ผลการสอบข้อเท็จจริงเป็นข้อเท็จจริงตามที่ทางสภาคณาจารย์ยื่นข้อเรียกร้องไป โดยในการสอบเท็จจริงไม่ได้บอกว่าใครถูกใครผิด ผลการสอบจะบอกเพียงว่าเหตุการณ์เกิดขึ้นจริงหรือไม่ ซึ่งต่อจากนี้คงเป็นเรื่องการสอบจรรยาบรรณของอาจารย์ว่าจะเป็นอย่างไร ก็ขอให้ติดตามกัน หากทราบผลเป็นที่แน่นอนแล้วก็จะแจ้งให้ทราบอีกครั้งหนึ่ง
ด้าน นางสาวปณิดา หรือน้องแบม กล่าวว่า ส่วนตัวยังค้างคาใจในหลายประเด็นหลังได้รับทราบผลการสอบข้อเท็จจริง เพราะบางประเด็นผลที่ออกมาเหมือนเป็นการปัดไปให้พ้นทางมากกว่า ซึ่งต้องขอดูอีกครั้ง ขอนำข้อมูลที่ได้ไปวิเคราะห์ก่อนว่าจะมีการร้องเรียนเพิ่มเติมหรือไม่ ประเด็นที่ยังคาใจ คือ เรื่องนิสิตไม่ได้ร้องขอในเรื่องการแจ้งความ ซึ่งเราเคยบอกไปแล้ว
พ.ท.กรทิพย์ ดาโรจน์ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) เปิดเผยถึง ผลการตรวจสอบทุจริตการใช้จ่ายเงินสงเคราะห์ครอบครัวผู้มีรายได้น้อยและผู้ไร้ที่พึ่ง ของศูนย์คนไร้ที่พึ่งและนิคมสร้างตนเองทั่วประเทศ ซึ่งดำเนินงานโดย กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ (พส.) กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ว่า พบมีการกระทำที่ส่อไปในทางทุจริตงบประมาณรวม 104,440,000 บาท คิดเป็นประมาณ 85% ของงบศูนย์คุ้มครองฯ ใน 49 จังหวัด เพิ่มขึ้นจากเดิม 5 จังหวัด โดยขณะนี้คณะกรรมการ ป.ป.ท. รับไว้ไต่สวนข้อเท็จจริงแล้ว 7 จังหวัด อยู่ระหว่างการตรวจสอบอีก 27 จังหวัด ซึ่งจะทยอยเสนอให้คณะกรรมการป.ป.ท.ลงมติตั้งอนุกรรมการไต่สวนเพิ่มเติมภายในสัปดาห์นี้
ส่วนการตรวจสอบนิคมสร้างตนเอง 32 แห่ง ป.ป.ท. ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบไปแล้ว 4 แห่ง นิคมสร้างตนเองเชียงพิณ จ.อุดรธานี งบประมาณ 7,030,000 บาท นิคมสร้างตนเองห้วยห้วง จ.อุดรธานี งบ 5,030,000 บาท นิคมสร้างตนเองเขื่อนอุบลรัตน์ จ.ข่อนแก่น งบ 11,700,000 ล้านบาท และนิคมสร้างตนเองพัฒนาภาคใต้ จ.สตูล งบ 10,980,000 ล้านบาท โดยพฤติการณ์ที่ตรวจสอบพบว่า มีลักษณะการทุจริตเช่นเดียวกับศูนย์คุ้มครองฯ แต่มีลักษณะให้เงินทุนกลุ่มวิชาชีพและเบิกสงเคราะห์จำนวนหลายครั้ง
“การตรวจสอบเส้นทางการเงินเพื่อเอาผิดกับผู้รับผลประโยชน์ปลายทาง หรือเก็บเงินทอนจากงบฯ คนไร้ที่พึ่ง ขณะนี้เริ่มเห็นความชัดเจนของผู้ที่เข้าไปเกี่ยวข้อง น่าจะทราบผลการตรวจสอบทั้งหมดภายในสิ้นเดือนมี.ค.นี้ ขณะที่การทุจริตกองทุนเสมาพัฒนาชีวิตนั้น ศธ.ได้ส่งเรื่องมาที่ป.ป.ท.แล้ว ในวันนี้ ( 20 มี.ค.) จะเสนอให้บอร์ดป.ป.ท.มีมติตั้งอนุกรรมการไต่สวนความผิด”พ.ท.กรทิพย์กล่าว
***ศธ.จ่อไล่ออกขรก.ซี 8 เอี่ยวโกง
นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รมว.ศึกษาธิการ กล่าวถึง ความคืบหน้าการตรวจสอบการทุจริตเงินกองทุนเสมาพัฒนาชีวิต ที่มีการโอนเงินเข้าบัญชีบุคคลอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องกว่า 88 ล้านบาท ว่า ขณะนี้ได้สั่งให้ปลัด ศธ. หาเงินจากส่วนอื่นมาเยียวยาแก่ผู้เสียหายก่อน เพราะตามกระบวนการตรวจสอบและอายัดทรัพย์สินจะต้องใช้เวลานาน พร้อมกันนี้ ปลัด ศธ.ยังได้รายงานมาด้วยว่าภายในสัปดาห์นี้จะมีการประชุม อกพ.สป. ซึ่งจะมีการพิจาณาโทษวินัยร้ายแรง โดยจะมีการไล่ออกข้าราชการซี 8 จำนวน 1รายที่รับสารภาพว่าเป็นผู้กระทำความผิดจริง ดังนั้นโทษวินัยร้ายแรงจะมีอยู่ 2 กรณี คือ ปลดออก กับ ไล่ออก
*** เตรียมสั่งเด้ง 'ขรก.พม.' ล็อตใหญ่
ด้านนางไพรวรรณ พลวัน รักษาการปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) กล่าวว่า กระทรวงฯ ตรวจสอบพบมูลความผิดรวม 21 แห่ง ซึ่งมีคำสั่งย้ายแล้ว 16 แห่ง จำนวน 22 คน ส่วนอีก 5 แห่ง ได้ลาออกไป 1 คน เกษียณราชการ 4 คน และวันนี้ (19 มี.ค.) จะเป็นการตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติมอีก 31 แห่ง คาดว่าจะมีอีกหลายจังหวัดที่เข้าข่ายถูกย้ายครั้งที่ 2 นี้
*** จ่อใช้พร้อมเพย์แก้โกงเงินคนจน
นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงประเด็นที่จะยกเลิกโครงการช่วยเหลือคนจนหรือไม่ หลังจากมีการตรวจสอบพบทุจริตจำนวนมาก ว่า จะไปหักด้ามพร้าด้วยเข่าไม่ได้ เพราะเป็นโครงการที่ดีเพื่อช่วยประชาชนผู้ยากไร้ เมื่อพบการทุจริตต้องแก้ไขไม่ใช่ยกเลิก อาจจะปรับเปลี่ยนวิธีการจ่ายเงิน เช่นการจ่ายผ่านพร้อพเพย์ หรือวิธีอื่นๆ เพราะคนจน คนไร้ที่พึ่งยังมีอยู่จริง การสงเคราะห์ยังเป็นเรื่องจำเป็น
*** ผลสอบอ.คู่กรณีน้องแบม"ไม่มีใครถูก-ผิด
ขณะเดียวกัน ที่ห้องประชุมสภาคณาจารย์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม (มมส.) ผศ.ดร.วิรัติ ปานศิลา ประธานสภาคณาจารย์ มมส. ได้เปิดแถลงข้อเท็จจริงกรณีผลการตรวจสอบ อาจารย์สายไหม ไชยศิรินทร์ หัวหน้าภาควิชา คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มมส. ซึ่งเป็นอาจารย์ที่สั่งให้ นางสาวปณิดา ยศปัญญา หรือน้องแบม นิสิตชั้นปีที่ 4 กราบขอขมาเจ้าหน้าที่ที่กระทำการทุจริต ที่ศูนย์พักพิงคนไร้ที่พึ่ง จ.ขอนแก่น และทุบหลังน้องแบม ซึ่งเดินทางมาร่วมรับฟังการแถลงในครั้งนี้ด้วย
ผศ.ดร.วิรัติ กล่าวถึง ผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงทั้ง 6 ประเด็น ว่า ผลการสอบข้อเท็จจริงเป็นข้อเท็จจริงตามที่ทางสภาคณาจารย์ยื่นข้อเรียกร้องไป โดยในการสอบเท็จจริงไม่ได้บอกว่าใครถูกใครผิด ผลการสอบจะบอกเพียงว่าเหตุการณ์เกิดขึ้นจริงหรือไม่ ซึ่งต่อจากนี้คงเป็นเรื่องการสอบจรรยาบรรณของอาจารย์ว่าจะเป็นอย่างไร ก็ขอให้ติดตามกัน หากทราบผลเป็นที่แน่นอนแล้วก็จะแจ้งให้ทราบอีกครั้งหนึ่ง
ด้าน นางสาวปณิดา หรือน้องแบม กล่าวว่า ส่วนตัวยังค้างคาใจในหลายประเด็นหลังได้รับทราบผลการสอบข้อเท็จจริง เพราะบางประเด็นผลที่ออกมาเหมือนเป็นการปัดไปให้พ้นทางมากกว่า ซึ่งต้องขอดูอีกครั้ง ขอนำข้อมูลที่ได้ไปวิเคราะห์ก่อนว่าจะมีการร้องเรียนเพิ่มเติมหรือไม่ ประเด็นที่ยังคาใจ คือ เรื่องนิสิตไม่ได้ร้องขอในเรื่องการแจ้งความ ซึ่งเราเคยบอกไปแล้ว