วานนี้ (14 มี.ค.) ศาลอ่านคำพิพากษาศาลฎีกา คดีหมายเลขดำที่ อ.4050/2553 ที่พนักงานอัยการเป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายวิสุข เสร็จสวัสดิ์ หรือ เสี่ยขาว อายุ 53 ปี กรรมการผู้จัดการบริษัท ไวท์ แอนด์ บราเธอร์ส์ (2003) จำกัด ผู้บริหารซานติก้าผับ ย่านเอกมัย เป็นจำเลยในความผิด ฐานกระทำผิด พ.ร.บ.ภาษีสรรพสามิต ต่อกรมสรรพสามิต รวมยอดเงินทั้งสิ้น 85,382,470.67 บาท
คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยเป็นกรรมการผู้จัดการซานติก้าผับ มีหน้าที่ควบคุมดูแลรับผิดชอบกิจการต่างๆภายในร้าน รวมทั้งมีหน้าที่ต้องยื่นแบบภาษี แต่จำเลยกลับมีเจตนาหลีกเลี่ยงภาษี มีความผิดรวม 4 กระทง พิพากษาลงโทษจำคุก กระทงละ 3 เดือน รวมจำคุก 12 เดือนโดยไม่รอลงอาญา ส่วนข้อหาแจ้งความเท็จ และข้อหาอื่นๆให้ยกฟ้อง เนื่องจากคดีขาดอายุความ
ต่อมาจำเลยได้ยื่นอุทธรณ์ ขอให้ศาลยกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องในความผิดฐานร่วมกันไม่ยื่นแบบรายการภาษี เพื่อหลีกเลี่ยงการเสียภาษีสรรพสามิตประจำเดือน ม.ค.48 - ธ.ค.51
อัยการโจทก์ยื่นฎีกาให้ลงโทษจำเลยตามกฎหมาย
โดยเมื่อวานนี้ นายวิสุข เสร็จสวัสดิ์ หรือ เสี่ยขาว ได้เดินทางมาฟังคำพิพากษาศาลฎีกา ตามกำหนดนัด
ศาลฎีกาตรวจสำนวนประชุมปรึกษากันแล้วเห็นว่า พยานบุคคล และพยานเอกสารที่โจทก์นำสืบมารับฟังประกอบกัน ฟังได้ว่า แม้บริษัท ไวท์แอนด์บราเธอร์ส (2003) จำกัด จะจดทะเบียน เปลี่ยนตัวกรรมการผู้มีอำนาจ จากจำเลยเป็นบุคคลอื่นแล้ว แต่จำเลยยังคงเข้าไปดูแลกิจการของสถานบริการซานติก้าผับ แต่เพียงผู้เดียว ทั้งด้านบริการลูกค้า และด้านการเงิน ด้วยการจ่ายเงินเดือนพนักงานร่วมกับผู้ถือหุ้นอื่น สั่งจ่ายเงินจากบัญชีบริษัทเป็นค่าใช้จ่ายสถานบริการซานติก้าผับ และเมื่อมีรายได้ ก็จะนำเงินเข้าบัญชีส่วนตัวของจำเลย แสดงให้เห็นว่า จำเลยยังคงเป็นเจ้าของสถานบริการซานติก้าผับ เป็นผู้ประกอบกิจการสถานบริการ ตาม พ.ร.บ.สรรพสามิต พ.ศ. 2527 มาตรา 4 จำเลยจึงต้องมีหน้าที่ยื่นแบบรายการภาษีสรรพสามิต และชำระภาษีสรรพสามิต การกระทำของจำเลยเป็นความผิดตามกฎหมาย ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาว่า จำเลยมิได้เป็นผู้ประกอบกิจการสถานบริการซานติก้าผับ หรือร่วมกับ บริษัทไวท์ แอนด์บราเธอร์ส (2003) จำกัด จึงไม่มีหน้าที่ต้องยื่นแบบรายการภาษีสรรพสามิต และชำระภาษีสรรพสามิตนั้น ศาลฎีกา ไม่เห็นพ้องด้วย
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตาม พ.ร.บ.ภาษีสรรพสามิต พ.ศ. 2527 มาตรา 4, 48 (2), 164 ฐานไม่ยื่นแบบภาษีเพื่อหลีกเลี่ยงหรือพยายามหลีกเลี่ยงการเสียภาษีสรรพสามิต รวม 4 กระทง สำหรับความผิดในรายปี 2558 โจทก์ฎีกาให้ลงโทษจำเลยเฉพาะการไม่ยื่นแบบรายการภาษีและไม่ชำระภาษีของเดือน พ.ย.และ ธ.ค.ให้จำคุก 1 เดือน ส่วนความผิดอีก 3 กระทงนั้น ให้จำคุกกระทงละ 2 เดือน รวมจำคุก 7 เดือน โดยไม่สมควรรอการลงโทษ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์
ภายหลังศาลฎีกามีคำพิพากษาให้จำคุกแล้ว เสี่ยขาวมีสีหน้าเรียบเฉยและพร้อมที่จะรับโทษคำพิพากษาของศาล โดยก่อนหน้านี้จำเลยก็ได้ชดใช้เงินเยียวยาให้แก่ญาติผู้บาดเจ็บ และเสียชีวิตร่วม 100 ล้านบาท
ทั้งนี้ นายวิสุข หรือ เสี่ยขาว นอกจากคดีหลบเลี่ยงภาษีแล้ว ก่อนหน้านี้ได้รับโทษจำคุก 3 ปีแล้ว ตามคำพิพากษาศาลฎีกา เมื่อวันที่ 5 พ.ย. 2558 ฐานกระทำการโดยประมาท เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย และได้รับบาดเจ็บสาหัส กรณีเกิดเพลิงไหม้ซานติก้าผับ คืนวันที่ 31 ธ.ค.51 จนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 67 คน บาดเจ็บและบาดเจ็บสาหัส 103 คน ซึ่งศาลฎีกาพิพากษาถึงที่สุด ให้จำคุก 3 ปี เช่นเดียวกับผู้บริหารบริษัทรับจ้างติดตั้งไฟฯ
คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยเป็นกรรมการผู้จัดการซานติก้าผับ มีหน้าที่ควบคุมดูแลรับผิดชอบกิจการต่างๆภายในร้าน รวมทั้งมีหน้าที่ต้องยื่นแบบภาษี แต่จำเลยกลับมีเจตนาหลีกเลี่ยงภาษี มีความผิดรวม 4 กระทง พิพากษาลงโทษจำคุก กระทงละ 3 เดือน รวมจำคุก 12 เดือนโดยไม่รอลงอาญา ส่วนข้อหาแจ้งความเท็จ และข้อหาอื่นๆให้ยกฟ้อง เนื่องจากคดีขาดอายุความ
ต่อมาจำเลยได้ยื่นอุทธรณ์ ขอให้ศาลยกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องในความผิดฐานร่วมกันไม่ยื่นแบบรายการภาษี เพื่อหลีกเลี่ยงการเสียภาษีสรรพสามิตประจำเดือน ม.ค.48 - ธ.ค.51
อัยการโจทก์ยื่นฎีกาให้ลงโทษจำเลยตามกฎหมาย
โดยเมื่อวานนี้ นายวิสุข เสร็จสวัสดิ์ หรือ เสี่ยขาว ได้เดินทางมาฟังคำพิพากษาศาลฎีกา ตามกำหนดนัด
ศาลฎีกาตรวจสำนวนประชุมปรึกษากันแล้วเห็นว่า พยานบุคคล และพยานเอกสารที่โจทก์นำสืบมารับฟังประกอบกัน ฟังได้ว่า แม้บริษัท ไวท์แอนด์บราเธอร์ส (2003) จำกัด จะจดทะเบียน เปลี่ยนตัวกรรมการผู้มีอำนาจ จากจำเลยเป็นบุคคลอื่นแล้ว แต่จำเลยยังคงเข้าไปดูแลกิจการของสถานบริการซานติก้าผับ แต่เพียงผู้เดียว ทั้งด้านบริการลูกค้า และด้านการเงิน ด้วยการจ่ายเงินเดือนพนักงานร่วมกับผู้ถือหุ้นอื่น สั่งจ่ายเงินจากบัญชีบริษัทเป็นค่าใช้จ่ายสถานบริการซานติก้าผับ และเมื่อมีรายได้ ก็จะนำเงินเข้าบัญชีส่วนตัวของจำเลย แสดงให้เห็นว่า จำเลยยังคงเป็นเจ้าของสถานบริการซานติก้าผับ เป็นผู้ประกอบกิจการสถานบริการ ตาม พ.ร.บ.สรรพสามิต พ.ศ. 2527 มาตรา 4 จำเลยจึงต้องมีหน้าที่ยื่นแบบรายการภาษีสรรพสามิต และชำระภาษีสรรพสามิต การกระทำของจำเลยเป็นความผิดตามกฎหมาย ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาว่า จำเลยมิได้เป็นผู้ประกอบกิจการสถานบริการซานติก้าผับ หรือร่วมกับ บริษัทไวท์ แอนด์บราเธอร์ส (2003) จำกัด จึงไม่มีหน้าที่ต้องยื่นแบบรายการภาษีสรรพสามิต และชำระภาษีสรรพสามิตนั้น ศาลฎีกา ไม่เห็นพ้องด้วย
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตาม พ.ร.บ.ภาษีสรรพสามิต พ.ศ. 2527 มาตรา 4, 48 (2), 164 ฐานไม่ยื่นแบบภาษีเพื่อหลีกเลี่ยงหรือพยายามหลีกเลี่ยงการเสียภาษีสรรพสามิต รวม 4 กระทง สำหรับความผิดในรายปี 2558 โจทก์ฎีกาให้ลงโทษจำเลยเฉพาะการไม่ยื่นแบบรายการภาษีและไม่ชำระภาษีของเดือน พ.ย.และ ธ.ค.ให้จำคุก 1 เดือน ส่วนความผิดอีก 3 กระทงนั้น ให้จำคุกกระทงละ 2 เดือน รวมจำคุก 7 เดือน โดยไม่สมควรรอการลงโทษ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์
ภายหลังศาลฎีกามีคำพิพากษาให้จำคุกแล้ว เสี่ยขาวมีสีหน้าเรียบเฉยและพร้อมที่จะรับโทษคำพิพากษาของศาล โดยก่อนหน้านี้จำเลยก็ได้ชดใช้เงินเยียวยาให้แก่ญาติผู้บาดเจ็บ และเสียชีวิตร่วม 100 ล้านบาท
ทั้งนี้ นายวิสุข หรือ เสี่ยขาว นอกจากคดีหลบเลี่ยงภาษีแล้ว ก่อนหน้านี้ได้รับโทษจำคุก 3 ปีแล้ว ตามคำพิพากษาศาลฎีกา เมื่อวันที่ 5 พ.ย. 2558 ฐานกระทำการโดยประมาท เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย และได้รับบาดเจ็บสาหัส กรณีเกิดเพลิงไหม้ซานติก้าผับ คืนวันที่ 31 ธ.ค.51 จนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 67 คน บาดเจ็บและบาดเจ็บสาหัส 103 คน ซึ่งศาลฎีกาพิพากษาถึงที่สุด ให้จำคุก 3 ปี เช่นเดียวกับผู้บริหารบริษัทรับจ้างติดตั้งไฟฯ