**ถือว่าเรียกเสียงฮือฮากันพอสมควร หากพูดกันเฉพาะในกลุ่มที่เป็นนักเคลื่อนไหว แต่หากถามว่าสำหรับในแวดวงทั่วไป ถ้าพิจารณาจากกระแสในวงกว้างก็ต้องยืนยันว่า การขยับตั้งพรรคของคนที่ถูกเรียกว่า "ไพร่หมื่นล้าน" อย่าง "ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ" ที่เวลานี้เป็นรองประธานกลุ่มบริษัทไทยซัมมิต หลานชายของ "สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ" อดีตรัฐมนตรีในยุครัฐบาล ทักษิณ ชินวัตร
ตามข่าวที่มีการเผยแพร่ให้ทราบก็คือ จะมีการไปยื่นขอจดจองชื่อพรรค ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ในวันนี้ (15 มี.ค.) แต่ก่อนหน้านั้น ในช่วงเช้าวันเดียวกัน ก็มีการนัดพบปะกับสื่อ นัยว่าเพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็น หรือที่ใช้คำว่า "เพื่อปรับทัศนคติทางการเมือง"
ก็ดูแล้วเห็นว่า "การเมืองนี่โลกสวยงาม" ดีจริงๆ แต่เอาเป็นว่า นับจากวันนี้เป็นต้นไป ก็จะเห็นความเคลื่อนไหวของพรรคการเมืองที่จะเกิดขึ้นมาใหม่อีกหนึ่งพรรค และพยายามย้ำให้เห็นว่า นี่คือการ "รวมตัวของคนรุ่นใหม่" ที่มีเป้าหมายร่วมกันสร้างอนาคตของบ้านเมืองให้สดใส
เป็นคนที่กล้าประกาศว่า "ผมจะพิสูจน์ให้เห็นว่า ความเชื่อที่ว่านักการเมืองต้องมุ่งโกงกิน เป็นเรื่องที่ผิด ผมจะทำให้เห็นว่า นักการเมืองทำวาระของประชาชนอย่างจริงจังได้"
**"ผมไม่ได้เชี่ยวชาญเรื่องการศึกษา มันมีปัญหาตั้งแต่เรื่องเงิน ครู งบประมาณ แต่ถ้าคิดให้เร็วๆ ตัดงบประมาณกระทรวงกลาโหม สัก 20-30 เปอร์เซ็นต์ แล้วนำมาลงทุนในสิ่งที่ทำได้เลย เริ่มตั้งแต่สร้างสนามเด็กเล่น ซื้อคอมพิวเตอร์ มีอินเตอร์เนตฟรี จัดอาหารที่มีคุณภาพให้เด็กๆ"
ก็ต้องบอกว่า พรรคการเมืองที่จะตั้งขึ้นมานี้ มันช่างสวยงามเหมือนในบทละคร หรือในหนังที่เขียนให้พระเอก "ขี่ม้าขาว" เข้ามากอบกู้วิกฤติ ไม่มีผิด
แน่นอนว่าในทางความคิด ในทางอุดมคติ หรือบางที่ใช้ความคิดแบบนี้ "เพื่อหลอกต้มสังคม" เหมือนกับที่ "ทักษิณ ชินวัตร" เคยนำมาขายฝันในช่วงก่อตั้งพรรคไทยรักไทย และมาในแบบทำให้สังคมเข้าใจว่า "รวยแล้วไม่โกง" ก็มีให้เห็นมาแล้ว
แม้ว่าคำพูดของ ธนากร จึงรุ่งเรืองกิจ จะพยายามออกตัว และวิงวอนให้สังคมเปิดใจให้กว้าง เช่นพูดว่า "ถ้าคุณใจแคบ ก็ดูที่นามสกุลผม แต่ถ้าคุณใจกว้าง ก็ขอให้ดูสิ่งที่ผมพูด และถ้าคุณใจกว้างขึ้นไปอีก ก็ขอให้ดูจากสิ่งที่ผมทำ" ซึ่งจากคำพูดดังกล่าว มันก็สะท้อนออกมาได้หลายมุม ทางหนึ่งเขาก็พอจะรู้ดีว่า ภายในสิ่งที่เขามีนั้นมัน "ขัดแย้งกันเอง" ในตัวเอง จากนามสกุล"จึงรุ่งเรืองกิจ" ที่รุ่นอาของเขาคือ สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ สร้างวีรกรรมเอาไว้แบบสะเทือนเลื่อนลั่น จากข้อกล่าวหาทุจริตโครงการตรวจจับวัตถุระเบิดซีทีเอ็กซ์ เป็นต้น ภาพของ"ทุนใหญ่"และ"ธุรกิจการเมือง"มันก็ยังตามมาหลอกหลอนได้ตลอดเวลา
อย่างไรก็ดี จากวาทะที่เคยได้ยินมาว่า "คนเราเลือกเกิดไม่ได้ แต่เลือกอนาคตด้วยตัวเองได้" หรือตัวอย่างที่เคยมี "คนรวยที่หลงไหลในลัทธิคอมมิวนิสต์"ในอดีต ก็มีให้เห็นมากมาย ดังนั้นในเมื่อบอกว่าขอโอกาสให้สังคมให้โอกาสด้วยการกระทำ ก็น่าจะรอดูกันสักครั้ง เพราะอย่างน้อยการโดดออกมาลงสนามการเมืองด้วยการพิสูจน์ตัวเองแบบของจริง มันก็น่าชื่นชมไม่ใช่หรือ
**ในอีกมุมหนึ่ง การเกิดขึ้นของพรรคการเมืองนี้ จะมีผลอย่างไรกับพรรคเพื่อไทย แน่นอนในทางตรงๆ อาจไม่ใช่คู่แข่งกันอย่างชัดเจน แต่ก็น่าจะมีการผลทางด้านแย่งคะแนนเสียงกลุ่มคนรุ่นหนุ่มสาว ที่มองโลกแบบอุดมคติ ที่คนพวกนี้พยายามชี้ชวนให้เห็น แต่ในความเป็นจริงแล้ว ฐานเสียงหลัก น่าจะแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง โดยเฉพาะในเมืองกับชนบท หรือระหว่างคนรวย คนชั้นกลาง และกับกลุ่มคน "รากหญ้า" ที่กระจายในภาคอีสานและภาคเหนือ ที่เคยเป็นฐานเสียงหลักคนพวกนี้ น่าจะยังอยู่กับพรรคเพื่อไทย หรือพรรคขนาดกลางอื่นๆ คงไม่น่าจะโน้มเอียงไปทางพรรคการเมืองใหม่ดังกล่าว
แต่อย่างไรก็ดี มันก็น่าจะมีบางส่วนที่ "ทับซ้อน" กันในกลุ่มของนักเคลื่อนไหวทางการเมืองที่นิยมชมชอบกับกลุ่มนักวิชาการเด็กๆ ที่เป็นแนวร่วมของเครือข่ายทักษิณ ในหลากหลายรูปแบบ ทั้งกลุ่มที่เรียกว่า "นิติราษฎร์" ที่มีบางคนเช่น ปิยบุตร แสงกนกกุล เป็นผู้ร่วมก่อตั้งพรรคนี้ เป็นต้น
และจากความเคลื่อนไหวตั้งพรรคดังกล่าวของ ธนาธร จึงเรืองกิจ ก็เริ่มสร้างกังวลลึกๆ ให้กับคนในพรรคเพื่อไทย อย่าง วัฒนา เมืองสุข ที่สรุปออกมาให้เห็นภาพว่า การเกิดขึ้นของพรรคนี้ จะทำให้เกิดการตัดคะแนนของฝ่ายประชาธิปไตย แทนที่จะไปตัดคะแนนของฝ่ายเผด็จการ ซึ่งแม้ว่าหลายคนอาจจะรำคาญกับเรื่องนิยามของคำว่า "ประชาธิปไตย" ของคนพวกนี้ก็ตาม แต่นั่นก็รวบรัดตัดความได้ว่า คนพวกนี้เริ่มอึดอัดมากขึ้น
**ดังนั้น หากพิจารณากันแบบเฉพาะหน้า การเกิดขึ้นของพรรคการเมืองที่ก่อตั้งโดย ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ มองกันแบบโลกสวยก็ต้องบอกว่า เป็นเรื่องน่ายินดี น่าสนับสนุน หากพูดให้เข้าสูตรก็ต้องบอกว่า "เป็นทางเลือก" ให้กับชาวบ้านได้เลือก แต่สำหรับพรรคเพื่อไทยในอนาคต แม้ว่าระยะสั้นน่าจะเป็นพันธมิตร มากกว่าเป็นคู่แข่ง แต่ก็ขึ้นอยู่กับว่าในโลกความเป็นจริงพวกเขาจะทำได้ตามอุดมคติหรือเปล่า ถ้าทำได้ นั่นก็จะสร้างความสั่นสะเทือนให้กับ"ฝ่ายประชาธิปไตย (ปลอมๆ) " แน่นอน เพียงแต่ว่าตอนนี้ต้องเกิดให้ได้ก่อน !!
ตามข่าวที่มีการเผยแพร่ให้ทราบก็คือ จะมีการไปยื่นขอจดจองชื่อพรรค ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ในวันนี้ (15 มี.ค.) แต่ก่อนหน้านั้น ในช่วงเช้าวันเดียวกัน ก็มีการนัดพบปะกับสื่อ นัยว่าเพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็น หรือที่ใช้คำว่า "เพื่อปรับทัศนคติทางการเมือง"
ก็ดูแล้วเห็นว่า "การเมืองนี่โลกสวยงาม" ดีจริงๆ แต่เอาเป็นว่า นับจากวันนี้เป็นต้นไป ก็จะเห็นความเคลื่อนไหวของพรรคการเมืองที่จะเกิดขึ้นมาใหม่อีกหนึ่งพรรค และพยายามย้ำให้เห็นว่า นี่คือการ "รวมตัวของคนรุ่นใหม่" ที่มีเป้าหมายร่วมกันสร้างอนาคตของบ้านเมืองให้สดใส
เป็นคนที่กล้าประกาศว่า "ผมจะพิสูจน์ให้เห็นว่า ความเชื่อที่ว่านักการเมืองต้องมุ่งโกงกิน เป็นเรื่องที่ผิด ผมจะทำให้เห็นว่า นักการเมืองทำวาระของประชาชนอย่างจริงจังได้"
**"ผมไม่ได้เชี่ยวชาญเรื่องการศึกษา มันมีปัญหาตั้งแต่เรื่องเงิน ครู งบประมาณ แต่ถ้าคิดให้เร็วๆ ตัดงบประมาณกระทรวงกลาโหม สัก 20-30 เปอร์เซ็นต์ แล้วนำมาลงทุนในสิ่งที่ทำได้เลย เริ่มตั้งแต่สร้างสนามเด็กเล่น ซื้อคอมพิวเตอร์ มีอินเตอร์เนตฟรี จัดอาหารที่มีคุณภาพให้เด็กๆ"
ก็ต้องบอกว่า พรรคการเมืองที่จะตั้งขึ้นมานี้ มันช่างสวยงามเหมือนในบทละคร หรือในหนังที่เขียนให้พระเอก "ขี่ม้าขาว" เข้ามากอบกู้วิกฤติ ไม่มีผิด
แน่นอนว่าในทางความคิด ในทางอุดมคติ หรือบางที่ใช้ความคิดแบบนี้ "เพื่อหลอกต้มสังคม" เหมือนกับที่ "ทักษิณ ชินวัตร" เคยนำมาขายฝันในช่วงก่อตั้งพรรคไทยรักไทย และมาในแบบทำให้สังคมเข้าใจว่า "รวยแล้วไม่โกง" ก็มีให้เห็นมาแล้ว
แม้ว่าคำพูดของ ธนากร จึงรุ่งเรืองกิจ จะพยายามออกตัว และวิงวอนให้สังคมเปิดใจให้กว้าง เช่นพูดว่า "ถ้าคุณใจแคบ ก็ดูที่นามสกุลผม แต่ถ้าคุณใจกว้าง ก็ขอให้ดูสิ่งที่ผมพูด และถ้าคุณใจกว้างขึ้นไปอีก ก็ขอให้ดูจากสิ่งที่ผมทำ" ซึ่งจากคำพูดดังกล่าว มันก็สะท้อนออกมาได้หลายมุม ทางหนึ่งเขาก็พอจะรู้ดีว่า ภายในสิ่งที่เขามีนั้นมัน "ขัดแย้งกันเอง" ในตัวเอง จากนามสกุล"จึงรุ่งเรืองกิจ" ที่รุ่นอาของเขาคือ สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ สร้างวีรกรรมเอาไว้แบบสะเทือนเลื่อนลั่น จากข้อกล่าวหาทุจริตโครงการตรวจจับวัตถุระเบิดซีทีเอ็กซ์ เป็นต้น ภาพของ"ทุนใหญ่"และ"ธุรกิจการเมือง"มันก็ยังตามมาหลอกหลอนได้ตลอดเวลา
อย่างไรก็ดี จากวาทะที่เคยได้ยินมาว่า "คนเราเลือกเกิดไม่ได้ แต่เลือกอนาคตด้วยตัวเองได้" หรือตัวอย่างที่เคยมี "คนรวยที่หลงไหลในลัทธิคอมมิวนิสต์"ในอดีต ก็มีให้เห็นมากมาย ดังนั้นในเมื่อบอกว่าขอโอกาสให้สังคมให้โอกาสด้วยการกระทำ ก็น่าจะรอดูกันสักครั้ง เพราะอย่างน้อยการโดดออกมาลงสนามการเมืองด้วยการพิสูจน์ตัวเองแบบของจริง มันก็น่าชื่นชมไม่ใช่หรือ
**ในอีกมุมหนึ่ง การเกิดขึ้นของพรรคการเมืองนี้ จะมีผลอย่างไรกับพรรคเพื่อไทย แน่นอนในทางตรงๆ อาจไม่ใช่คู่แข่งกันอย่างชัดเจน แต่ก็น่าจะมีการผลทางด้านแย่งคะแนนเสียงกลุ่มคนรุ่นหนุ่มสาว ที่มองโลกแบบอุดมคติ ที่คนพวกนี้พยายามชี้ชวนให้เห็น แต่ในความเป็นจริงแล้ว ฐานเสียงหลัก น่าจะแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง โดยเฉพาะในเมืองกับชนบท หรือระหว่างคนรวย คนชั้นกลาง และกับกลุ่มคน "รากหญ้า" ที่กระจายในภาคอีสานและภาคเหนือ ที่เคยเป็นฐานเสียงหลักคนพวกนี้ น่าจะยังอยู่กับพรรคเพื่อไทย หรือพรรคขนาดกลางอื่นๆ คงไม่น่าจะโน้มเอียงไปทางพรรคการเมืองใหม่ดังกล่าว
แต่อย่างไรก็ดี มันก็น่าจะมีบางส่วนที่ "ทับซ้อน" กันในกลุ่มของนักเคลื่อนไหวทางการเมืองที่นิยมชมชอบกับกลุ่มนักวิชาการเด็กๆ ที่เป็นแนวร่วมของเครือข่ายทักษิณ ในหลากหลายรูปแบบ ทั้งกลุ่มที่เรียกว่า "นิติราษฎร์" ที่มีบางคนเช่น ปิยบุตร แสงกนกกุล เป็นผู้ร่วมก่อตั้งพรรคนี้ เป็นต้น
และจากความเคลื่อนไหวตั้งพรรคดังกล่าวของ ธนาธร จึงเรืองกิจ ก็เริ่มสร้างกังวลลึกๆ ให้กับคนในพรรคเพื่อไทย อย่าง วัฒนา เมืองสุข ที่สรุปออกมาให้เห็นภาพว่า การเกิดขึ้นของพรรคนี้ จะทำให้เกิดการตัดคะแนนของฝ่ายประชาธิปไตย แทนที่จะไปตัดคะแนนของฝ่ายเผด็จการ ซึ่งแม้ว่าหลายคนอาจจะรำคาญกับเรื่องนิยามของคำว่า "ประชาธิปไตย" ของคนพวกนี้ก็ตาม แต่นั่นก็รวบรัดตัดความได้ว่า คนพวกนี้เริ่มอึดอัดมากขึ้น
**ดังนั้น หากพิจารณากันแบบเฉพาะหน้า การเกิดขึ้นของพรรคการเมืองที่ก่อตั้งโดย ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ มองกันแบบโลกสวยก็ต้องบอกว่า เป็นเรื่องน่ายินดี น่าสนับสนุน หากพูดให้เข้าสูตรก็ต้องบอกว่า "เป็นทางเลือก" ให้กับชาวบ้านได้เลือก แต่สำหรับพรรคเพื่อไทยในอนาคต แม้ว่าระยะสั้นน่าจะเป็นพันธมิตร มากกว่าเป็นคู่แข่ง แต่ก็ขึ้นอยู่กับว่าในโลกความเป็นจริงพวกเขาจะทำได้ตามอุดมคติหรือเปล่า ถ้าทำได้ นั่นก็จะสร้างความสั่นสะเทือนให้กับ"ฝ่ายประชาธิปไตย (ปลอมๆ) " แน่นอน เพียงแต่ว่าตอนนี้ต้องเกิดให้ได้ก่อน !!