xs
xsm
sm
md
lg

"กำนันเทือก"เปลี่ยนแผน ใช้"ม้าไม้เมืองทรอย"รอจังหวะยึดปชป.!?

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เป็นอันเข้าใจได้ทันทีว่า คำพูดล่าสุดเมื่อสองสามวันก่อนของ "กำนัน" สุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตเลขาธิการ กปปส. ที่ระบุว่า "ภารกิจของ กปปส.จบสิ้นลงไปแล้ว ส่วนเรื่องการตั้งพรรคใหม่นั้น ถือว่าเป็นเรื่องส่วนตัวและเป็นความเห็นส่วนตัวของนายธานี เทือกสุบรรณ ไม่ใช่เป็นความเห็น หรือข้อสรุปของคนอื่นที่มีความเห็นร่วมกัน"
ส่วนอนาคตของเขานั้น ยังยืนยันว่าจะไม่รับตำแหน่งทางการเมือง ไม่ลงสมัครรับเลือกตั้ง รวมไปถึงไม่กลับไปพรรคประชาธิปัตย์อีก แต่ส่วนตัวยังยืนยันให้การสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นายกรัฐมนตรี ต่อไป
คำพูดรวมๆ ความหมายก็ประมาณนี้ นั่นคือ ไม่มีการตั้งพรรคในนามของ กปปส. ส่วนนายธานี เทือกสุบรรณ จะตั้งพรรคใหม่ขึ้นมาในชื่อใดก็ตามถือว่าเป็นความคิดส่วนตัวของแต่ละคน
ที่เป็นแบบนี้ก็มีสาเหตุมาจากก่อนหน้านี้ นายธานี เทือกสุบรรณ เคยให้สัมภาษณ์ชัดเจนว่า พี่ชายของเขาคือ สุเทพ เทือกสุบรรณ จะตั้งพรรคแน่ แต่เมื่อ สุเทพ ออกมายืนยันด้วยตัวเองว่า ภารกิจของ กปปส.จบแล้ว ไม่มีการตั้งพรรคใหม่ ก็ถือว่าในประเด็นนี้มีความชัดเจน
ขณะเดียวกัน เมื่อไปตรวจสอบที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ผ่านมาสี่ห้าวันแล้ว ก็ยังไม่มีปรากฏว่ามีการไปจดจองชื่อพรรค กปปส. หรือเห็น นายธานี เทือกสุบรรณ รวมไปถึงคนใกล้ชิดอื่นๆ ไปยื่นเรื่องแต่อย่างใด
อย่างไรก็ดี หากพิจารณาจากภาพที่เห็นในเวลานี้มันย่อมมีที่มาที่ไป และชวนให้คิดได้หลายประการ หนึ่งไม่ตั้งพรรค กปปส. เป็นเพราะภารกิจจบแล้วจริงหรือ สอง มีการเคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลงบางอย่างเกิดขึ้นในพรรคประชาธิปัตย์ ใช่หรือเปล่า
แน่นอนว่า หากพิจารณาจากสถานการณ์ล่าสุดจนถึงวันนี้ ถือว่าทุกอย่างมันเปลี่ยนไปแทบจะสิ้นเชิง ชนิดที่เรียกว่า "หักมุม" 360 องศา หรือไม่ได้เป็นไปตามคาดหมาย เริ่มจากต้องเจอกับสถานการณ์ "ขาลง" ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่หลายเรื่องประดังเข้ามา และเมื่อต้องเจอกับเรื่อง "นาฬิกาเพื่อน" ของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ที่ถือว่าเป็น"พี่ใหญ่" ในรัฐบาลและในคสช. มันก็ยิ่งดำดิ่งฟื้นยาก
และจะว่าไปแล้ว สำหรับ สุเทพ เทือกสุบรรณ กับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ถือว่าเป็น "คนกันเอง" กันมานาน และด้วยดีลของพวกเขานี่แหละ ที่สามารถดึง "เนวิน ชิดชอบ" ออกมาโหวตหนุน อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ได้สมหวังในเก้าอี้นายกร้ฐมนตรีมาแล้วเมื่อหลายปีก่อน แต่ก็อย่างว่า ในเมื่อบรรยากาศมันไม่เป็นใจแบบนี้ มันทำให้การตั้งพรรคใหม่ต้องล้มคว่ำไปหรือไม่
ประการที่สอง ที่ผ่านมาหากย้อนกลับไปก่อนหน้านั้นอีกจะเห็นภาพการเคลื่อนไหวที่แสดงอาการโวยวายออกมาจากคนภายในพรรค ที่ประจานให้เห็นว่า กำนันพยายามยึดพรรคประชาธิปัตย์ แต่ทำไม่สำเร็จ เนื่องจากถูกขัดขวางจากบรรดา "ขาใหญ่" ที่เป็นผู้อาวุโสในพรรคอย่าง ชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ เป็นต้น
ดังนั้น หากพิจารณาจากอาการของ สุเทพ เทือกสุบรรณ ในเวลานี้ มันก็เหมือนกับเดินหน้าก็ไม่ได้ ถอยหลังก็ลำบาก ทำให้บังคับให้เขาต้อง "ยืนกับที่" นิ่งๆ เอาไว้ก่อน
เมื่อสถานการณ์อย่างที่เห็นมันก็ย่อมทำให้บรรดา "ลูกหาบ" ที่เดินตามหลังกันเป็นพรวนต้องพลอยลำบากกันไปด้วย ความหมายก็คือ พวกบรรดา กปปส. ที่เคยเป็นอดีต ส.ส.ของพรรคประชาธิปัตย์ ต้องพลอยลำบากไปด้วย หากว่าจะ "ยกขบวน" กันออกมาจากบ้านเก่า เพื่อไปสร้างบ้านใหม่ที่ไม่มีหลักประกันอะไรรองรับเลย และหากเทียบกันกับกลุ่ม "10 มกรา" ในอดีตมันก็น่าจะต่างกันสุดขั้ว นั่นคือ น่าจะเลวร้ายกว่าด้วยซ้ำไป
ขณะเดียวกัน เมื่อพิจารณาจากความเคลื่อนไหวรอบตัว อย่างน้อยในโซนภาคใต้ในขอบเขตของ นิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ก็เริ่มขยับบีบ ขีดเส้นเช็กชื่อกันแล้วว่าใครอยู่ใครไป ให้รีบสรุปภายในสิ้นเดือนมีนาคมนี้ ซึ่งแน่นอนว่าย่อมมีคนจ้องเสียบกันเพียบ แม้ว่าในเวลาต่อมา อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคจะออกมาปฏิเสธว่า ไม่ได้สั่งให้ทำแบบนั้น แต่อาการมันพอเข้าใจกันได้ โดยเฉพาะคำพูดที่ว่า จนถึงเวลานี้ "ยังไม่มีใครลาออก"
นี่อาจเป็นบทสรุปในเบื้องต้น คือไม่มีการตั้งพรรค กปปส. แต่อดีต กปปส.ทุกคน ยกเว้น สุเทพ เทือกสุบรรณ ยังอยู่กับพรรคประชาธิปัตย์ต่อไปเหมือนเดิม อย่างน้อยก็รักษาพื้นที่ รักษาเก้าอี้กันเอาไว้ เพราะประเมินแล้วว่า หากออกไปข้างนอกโอกาสที่จะ "ตายหมู่" ย่อมมีสูง
ดังนั้น ถ้าประเมินสถานการณ์ในตอนนี้และต่อเนื่องไปถึงอนาคตอันใกล้ ความเคลื่อนไหวของ สุเทพ เทือกสุบรรณ ในเวลานี้ก็น่าจะคล้ายกับ กลยุทธ "ม้าไม้เมืองทรอย" ที่ต้องแอบเข้าไปยึดพื้นที่ หรือต้องยึดที่มั่นในพรรคประชาธิปัตย์เอาไว้ให้ได้ก่อน เป็นการเปลี่ยนแผนจากเดิม ที่คิดยึดโดยเปิดเผย แต่เมื่อประลองกำลังกันแล้วสู้ไม่ได้ ก็คิดจะถอยออกไปสร้างบ้านใหม่ แต่เมื่อทุกอย่างไม่เป็นใจ ก็ต้องเลือกวิธีสงบนิ่งเอาไว้ก่อน อย่างน้อยก็ "รอโอกาส"ในวันข้างหน้า
ขณะเดียวกัน หากพิจารณาโฟกัสย้อนไปที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แม้ว่าในเวลานี้มีบรรดาหลายพรรคการเมืองที่ประกาศสนับสนุน แต่นั่นเป็นพรรคเล็ก พรรคขนาดกลาง ไม่ใช่พรรคมาตรฐาน เพราะหากจะให้ถึงเป้าหมายมันก็ต้องมีพรรคใหญ่อย่างน้อยสักหนึ่งพรรค คอยหนุนหลัง เพราะทอดตาไปที่พรรคเพื่อไทย ประเมินแล้วปิดประตูตายร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่สำหรับพรรคประชาธิปัตย์ โอกาสยังไม่ปิด อย่างน้อยหาก ทีมกปปส. ยังอยู่ ถึงตอนนั้นมันก็น่าคิด ว่ามั๊ย !!


กำลังโหลดความคิดเห็น