ดร.อาทิตย์ อุไรรัตน์ เคยกล่าวข้อเสนอเกี่ยวกับวิถีการปกครองประเทศ ...
โดยเห็นว่า ถึงแม้ประเทศไทยมีรัฐบาลที่มาจากทั้งการเลือกตั้ง ที่อ้างว่าเป็นประชาธิปไตย และรัฐบาลเผด็จการทหาร ที่มาจากการรัฐประหารในยามที่รัฐบาลเลือกตั้งล้มเหลว เหวี่ยงไปทางซ้ายที เหวี่ยงไปทางขวาที เหมือนหนีเสือ ปะจรเข้
แต่ประเทศชาติของเราก็ไม่เห็นสงบสันติสุข เจริญรุ่งเรือง ประชาชนอยู่เย็นเป็นสุข หมดความเหลื่อมล้ำต่ำสูง มีความเป็นธรรม พ้นจากความลำบากยากจนค่นแค้นเลย
ดร.อาทิตย์จึงเสนอว่า
"เรามีชนชาติ มีมรดกวัฒนธรรมความดีงามของชาติ มีสถาบันพระมหากษัตริย์ที่สร้าง หลอมรวม ปกป้องจรรโลงประเทศชาติให้มั่นคงยั่งยืนมาตลอดเวลาอันยาวนาน เราจะไม่ลองคิดนำมรดกอันล้ำค่าของเรามาจรรโลงกอบกู้บ้านเมืองเราบ้างหรือ?
ประเทศไทยน่าจะเป็นสุวรรณภูมิแดนศิวิไลได้ ด้วยระบอบราชประชาสมาสัยสังคมธรรมาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข - รัฐบาลราชประชาสมาสัย - รัฐสภาราชประชาสมาสัย - รัฐธรรมนูญราชประชาสมาสัย"
ผมเข้าใจว่าในระบอบนี้ การเลือกตั้งผู้แทน และผู้บริหารประเทศ จะไม่ใช้วิธีเลือกผู้แทนแบบระบอบประชาธิปไตยดังที่ผ่านมา แต่อาจจะเปลี่ยนไปเป็นการคัดเลือกบุคคลจากสาขาอาชีพ หรือจากพื้นที่ โดยพิจารณาผลงานของบุคคลนั้นเป็นสำคัญ
ในประเด็นนี้ มี TED talk ที่น่าสนใจมาก ซึ่งบรรยายโดยนาง/นางสาว Dambisa Moyo ผู้ที่เกิดในประเทศแซมเบีย อัฟริกา สำเร็จปริญญาโท MBA จากมหาวิทยาลัยฮาร์วารด และปริญญาเอกจากมหาวิทยาลัยอ๊อกซฟอร์ด เธอเคยทำงานที่ธนาคารบารค์เล่ยส์ ธนาคารโลก และสถาบันการเงินใหญ่ในวอลล์สตรีท ปัจจุบันเป็นนักเขียนหนังสือ (น่าเสียดายที่ยังไม่มีการบรรยายเสียงเป็นภาษาไทย)
ผมดึงบางข้อมูลที่น่าสนใจจากคำบรรยาย ดังนี้
1. ถึงแม้ประเทศจีนจะไม่ใช้วิธีเลือกผู้แทนตามระบอบประชาธิปไตย ดังเช่นสหรัฐและประเทศตะวันตก แต่รัฐบาลจีนซึ่งเลือกผู้แทนผ่านระดับหมู่บ้าน/เมือง/มณฑล/องค์กรและส่วนงานต่างๆ โดยพิจารณาจากผลงานและประวัติของบุคคล ก็กลับสามารถพัฒนาประเทศจีนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดังเห็นได้จาก
1.1 จำนวนคนจนที่ลดลงกว่า 300 ล้านคน
1.2 สัดส่วนประชากรที่จบการศึกษาระดับมัธยมเพิ่มจาก 28% ในปี 1970 เป็น 82% ในปี 2012
1.3 ดัชนีความเหลื่อมล้ำดีขึ้นทุกปี จนล่าสุดเท่าเทียมสหรัฐแล้ว
1.4 การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานได้ยกระดับความเป็นอยู่ของชาวจีนอย่างกว้างขวาง และจีนยังมีกำลังที่สามารถช่วยพัฒนาประเทศอื่นทั่วโลกอีกด้วย
2. ประสบการณ์ของจีนพิสูจน์ชัดเจนว่า การที่นักคิดในสหรัฐ (ผมขอเพิ่มเติมว่า คือกลุ่ม Washington Concensus) เคยตั้งสมมุติฐานว่า การพัฒนาทางเศรษฐกิจของประเทศกำลังพัฒนา จะสำเร็จได้ก็จำเป็นจะต้องมีระบอบประชาธิปไตยก่อนนั้น ไม่เป็นความจริง แต่ในทางกลับกัน การพัฒนาทางเศรษฐกิจที่ประสบความสำเร็จนั่นแหละ จึงจะสร้างพื้นฐานที่นำไปสู่ระบอบประชาธิปไตย
3. เธอยกตัวอย่างข้อศึกษาที่ระบุว่า ระบอบประชาธิปไตยจะยั่งยืนได้นั้น ประเทศจำเป็นจะต้องพัฒนาถึงระดับที่มีชนชั้นกลางจำนวนมากพอ เพราะชนชั้นกลางเท่านั้น ที่จะมีพลังอำนาจทางการเมืองมากพอที่จะกดดันรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งในระบอบประชาธิปไตย ให้รัฐบาลจะต้องมีความรับผิดชอบต่อสังคมและต่อประชาชนอย่างแท้จริง
4. ตัวเลขข้อศึกษาระบุว่า สำหรับประเทศที่มีระดับรายได้ต่อหัวต่อปีต่ำกว่า 1,000 ดอลลาร์นั้น ระบอบประชาธิปไตยจะไม่ยั่งยืน และมักจะล่มไปภายในเวลาเพียงเฉลี่ย 8.5 ปีเท่านั้น หลังจากนั้นก็จะเปลี่ยนไปเป็นอย่างอื่น
ระบอบประชาธิปไตยจะยั่งยืนได้จริง ก็ต่อเมื่อประเทศมีรายได้ต่อหัวเกิน 6,000 ดอลลาร์
ผมขอสรุปว่า ในประเทศไทยคงจะมีคนที่ทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วยกับคำบรรยายของนักคิดคนนี้ และเราย่อมจะไม่สามารถตัดสินได้ว่าฝ่ายใดถูก ฝ่ายใดผิด
แต่ที่แน่ๆ ก็คือ ประะทศไทยได้ระหกระเหินในระบอบประชาธิปไตยแบบตะวันตก ผ่านมาเป็นเวลานานมากกว่า 80 ปี โดยที่ขณะนี้ก็ยังไม่เห็นทางออกสำหรับการปรองดองทางการเมืองที่มั่นใจได้ 100%
ดังนั้น ขณะนี้ จึงน่าจะมีคนไทยไม่น้อยที่ไม่ขัดข้องที่จะนำเอาข้อเสนอของ ดร.อาทิตย์มาพิจารณา
วันที่ 4 มีนาคม 2561
ธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล
จากเฟซบุ๊ก Thirachai Phuvanatnaranubala


