xs
xsm
sm
md
lg

เมื่อสังคมไทยไม่ไว้ใจตำรวจ

เผยแพร่:   โดย: สุรวิชช์ วีรวรรณ


ถ้าถามว่าอาชีพไหนที่มีความน่าเชื่อถือต่อสังคมต่ำ ผมเชื่อว่า ตำรวจน่าจะเป็นอาชีพหนึ่ง ขณะเดียวกันผมเชื่อว่า ตำรวจส่วนใหญ่เป็นคนดีนะครับ มีเพียงส่วนน้อยเท่านั้นทำให้อาชีพนี้มัวหมอง กลายเป็นปลาเน่าตัวเดียวเหม็นทั้งข้อง

แต่ก่อนจะไปไกลผมก็ยอมรับเช่นเดียวกันว่า อาชีพสื่อซึ่งเป็นอาชีพของผมในปัจจุบันก็มีความน่าเชื่อถือต่ำก็เพราะมาจากความประพฤติของคนเพียงไม่กี่คนเช่นเดียวกัน ผมไม่ได้พูดลอยๆ เพราะทั้งอาชีพสื่อและตำรวจก็เคยมีคนทำผลสำรวจมาแล้ว ผลก็ออกมาอย่างที่ผมว่ามานี่แหละครับ

มันจึงเกิดเสียงเรียกร้องทั้งการปฏิรูปตำรวจและปฏิรูปสื่อ เพียงแต่เสียงเรียกร้องปฏิรูปตำรวจนั้นดังกว่าหลายเท่า

กรณีหวย 30 ล้านนั้นเห็นชัดว่าตำรวจท้องที่พยายามจะบิดเบือนคดีผ่าสำนวนเพื่อช่วยอีกฝ่ายจนต้องมีคำสั่งย้ายและให้ส่วนกลางลงไปทำคดีแทน ถ้าเรื่องนี้ไม่เป็นเรื่องดังที่มีคนสนใจติดตามคดีก็จะกลายเป็นอีกแบบไปเลย มันสะท้อนว่าอำนาจของตำรวจนั้นน่ากลัวนะครับจะใช้บิดคดีไปทางไหนก็ได้

ทั้งที่ตำรวจนั้นมักจะบอกตัวเองว่า เป็นที่พึ่งของประชาชน แต่ผมไม่เห็นด้วยกับคำขวัญที่ติดตามโรงพักว่า “บริการดุจญาติ พิทักษ์ราษฎร์ดุจครอบครัว” นะครับ ตำรวจไม่ต้องมาบริการดุจญาติหรือครอบครัวหรอกครับ เพียงแต่ต้องทำหน้าที่ด่านแรกของกระบวนการยุติธรรมให้ตรงไปตรงมาก็พอ

คดีล่าสุดที่ประชาชนไม่ไว้ใจตำรวจอย่างมากก็คือ คดีล่าสัตว์ป่าฆ่าเสือดำของเจ้าสัวเปรมชัย กรรณสูต ที่มีคำแถลงและการให้ข่าวที่ขัดต่อความรู้สึกของประชาชนมาตลอด แถมตอนนี้ผ่านมา 1 เดือนหลายฝ่ายเริ่มออกมาเคลื่อนไหวเพราะเห็นว่าคดียังไม่เดินไปถึงไหน

ประชาชนนั้นเขามีบทเรียนมาแล้วจากคดีลูกกระทิงแดงขับรถชนตำรวจตาย ขนาดคนตายเป็นตำรวจด้วยกันยังปล่อยให้ลอยนวลไปได้ ตอนแรกก็ทำท่าขึงขังจะต้องเอาคนผิดมาดำเนินคดีให้ได้ เข้าใจล่ะครับตอนนี้อยู่ในขั้นอัยการ แต่การทำคดีของตำรวจก็มีส่วนไม่น้อยที่ทำให้คดีเดินไปได้ช้า ทั้งๆ ที่นี่ไม่ใช่คดีซับซ้อนอะไร

ขนาดตำรวจที่ตายยังหาความยุติธรรมไม่ได้ แล้วเสือดำที่ไม่มีปากมีเสียงจะไม่ตายเปล่าหรือ

มีคนพยายามเปรียบเทียบคดีคนรวยกับคดีคนจนว่าทำไมส่วนใหญ่คนรวยจะรอดคนจนจะไม่รอด ผมเข้าใจนะครับว่าบางคดีเอามาเปรียบเทียบกันไม่ได้ เพราะคนจนส่วนใหญ่จะรับสารภาพและทำให้คดีเดินไปเร็ว แต่อย่างกรณีของเปรมชัยนั้นเจ้าตัวปฏิเสธสู้คดี ใช้สิทธิประกันตัว ตำรวจก็ต้องสืบสวนเพื่อรวบรวมหลักฐานมาดำเนินคดี ที่สำคัญคนรวยมีเงินจ้างทนายเก่งมาสู้คดีหาแง่มุมทางกฎหมายเพื่อพลิกคดีให้ได้

ที่เขาพูดกันว่า คุกมีไว้ขังคนจนกับหมาเท่านั้น มันก็ไม่ถูกในแง่ที่มันเป็นผลสัมฤทธิ์เสมอไปก็จริง แต่พูดโดยรวมๆ ไม่ได้เจาะจงคดีใดคดีหนึ่งมันมาจากคนรวยมีโอกาสมากกว่าในการต่อสู้คดี การพลิกแพลงและเข้าถึงระบบเส้นสายนั่นแหละ

แต่ส่วนตัวผมว่าคดีของเปรมชัยนั้นเป็นการ “จำนนต่อหลักฐาน” พูดง่ายๆ ว่าถูกจับได้คาหนังคาเขา ไม่น่าจะมีอะไรซับซ้อน แถมเจ้าตัวให้การปฏิเสธ ถ้าสู้คดีกันไปแล้วศาลพิพากษาว่ามีความผิดก็ไม่มีเหตุบรรเทาโทษ แต่การแถลงของตำรวจในระยะหลังกับความไว้ใจตำรวจที่มีอยู่ต่ำแล้ว ทำให้ประชาชนจำนวนมากเกรงว่าคดีนี้จะพลิกผันไปเป็นอย่างอื่น

เช่นบอกว่า ไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าปืนกระบอกไหนที่ใช้ยิงเสือดำ อันนี้มันเป็นช่องให้ลอดได้ เมื่อไม่รู้ปืนกระบอกไหนยิงก็ไม่รู้ว่าคนไหนยิง เอาเถอะผลสอบอาจจะออกมาอย่างนั้นจริง แต่ประชาชนทั่วไปเขาก็ฟังแล้วคิดว่ามันแปลกนะ ถ้าปืนที่ยึดได้มันตรวจไม่ได้เลยว่ากระบอกไหนยิงนี่ แล้วกระสุนบนร่างเสือดำไม่รู้กี่จุดมันมาจากไหนล่ะ การตรวจบกพร่องหรือมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่

ถ้าผลการตรวจเป็นอย่างนั้นจริงๆ ก็ออกมาอธิบายในเชิงวิทยาศาสตร์หน่อยสิครับว่า มันเป็นไปได้อย่างไร ไม่ต้องกลัวหรอกว่ามันจะเป็นเรื่องยากที่ประชาชนจะไม่เข้าใจ ผมเชื่อว่ามีผู้รู้อีกมากที่จะออกมาโต้แย้งถ้าคำชี้แจงนั้นฟังไม่ขึ้น

แล้วที่สำคัญข้อหาต่างๆ ก็พยายามถอนอย่างพ.ร.บ.ทารุณสัตว์ฯ ใช่ครับมันมีช่องโหว่ว่า นิยาม “สัตว์ในธรรมชาติ” ตามมาตรา 3 ของพ.ร.บ.ฉบับนี้ต้องให้รัฐมนตรีประกาศเสียก่อนว่าครอบคลุมถึงสัตว์อะไรบ้าง แต่ตอนนี้ยังไม่ได้ประกาศออกมา กฎหมายจึงครอบคลุมแต่สัตว์เลี้ยงเท่านั้น แต่พอคนแจ้งความประกาศถอน ตำรวจบอกจะสอบสวนคนแจ้งความและถอนว่า เป็นการกลั่นแกล้งกันหรือไม่ เพราะเมื่อเขารู้ว่ากฎหมายไม่ครอบคลุมถึงก็ถอนไปแล้ว คนก็งงว่าอะไรว่ะตกลงใครเป็นผู้ต้องหากันแน่

แม้สิ่งที่ตำรวจทำนั้นอาจจะเป็นเพราะความตรงไปตรงมาที่จะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย แต่เพราะคนไม่ไว้วางใจตำรวจเป็นทุนอยู่แล้วไงครับที่ทำให้ประชาชนเขาเกิดความหวาดระแวง ผมคิดว่า ทางที่ดีตำรวจพูดให้น้อยหรือถ้าพูดแล้วก็ต้องอธิบายให้กระจ่างว่าทำไมถึงเป็นอย่างนั้น

อย่างที่ว่ากรณีของเปรมชัยนั้น เมื่อเป็นการ “จำนนต่อหลักฐาน” แล้วเจ้าตัวปฏิเสธสู้คดี หน้าที่ของตำรวจก็คือ ต้องหาหลักฐานมามัดตัวให้ผู้ต้องหาดิ้นไม่หลุดปิดช่องที่ผู้ต้องหาจะใช้แง่มุมของกฎหมายมาพลิกคดีก็เท่านั้นเอง

แม้จะมีผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมืองออกมาบอกว่าให้ตำรวจทำคดีตรงไปตรงมา แต่ตราบที่ผลยังไม่ออกมา หลายคนก็ไม่ไว้วางใจว่า เมื่อทอดเวลาออกไปแล้วจะเป็นอย่างไร เพราะอย่างที่ว่าคดีตำรวจถูกรถลูกเจ้าสัวชนตายก็เคยมีถ้อยความทำนองนี้มาก่อน สุดท้ายก็ปล่อยให้ผู้ต้องหาหนีลอยนวลไปได้

เปรมชัยนั้นเบี้ยวเจ้าหน้าที่ตำรวจมาแล้วสองนัดนะครับ นัดแรกวันที่ 15 กุมภาพันธ์ แต่ปรากฏว่าเมื่อถึงวันนัดหมาย ทนายความส่วนตัวได้แจ้งมาว่ามีเหตุขัดข้อง ไม่สามารถเดินทางมาพบกับพนักงานสอบสวนได้

นัดที่ 2 วันที่ 22 กุมภาพันธ์ เปรมชัยก็ไม่มาอีก โดยมีการแจ้งขอเปลี่ยนแปลงกำหนดการเป็นวันที่ 5 มีนาคม 2561 แทน พร้อมอ้างว่าติดภารกิจ

โดยตำรวจแจ้งว่า วันที่ 5 มีนาคม จะเรียกนายเปรมชัยกับพวกมาเข้าให้ปากคำอีกครั้ง หากในวันและเวลาดังกล่าว กลุ่มผู้ต้องหายังไม่เดินทางเข้าให้ปากคำ รวมถึงไม่ติดต่อมายังพนักงานสอบสวน จะมีการประสานขอหมายจับต่อไป ลองทายสิว่าเปรมชัยจะมาไหม

กรณีนี้สังคมกำลังจับตาถ้าไม่มีความเป็นธรรม และคนผิดไม่ถูกลงโทษ หรือถ้าผู้ต้องหาหลุดรอดไปได้เสือดำตายฟรีแล้วไม่มีคำอธิบายที่ชัดเจนพอ กระบวนยุติธรรมไทยก็จะพังทลายทั้งระบบ

ติดตามผู้เขียนได้ที่ https://www.facebook.com/surawich.verawan


กำลังโหลดความคิดเห็น