วานนี้ (27ก.พ.) นพ.เจตน์ ศิรธรานนท์ สนช. กล่าวถึง การประชุมคณะกรรมาธิการร่วม 3 ฝ่าย ในส่วนของ ร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส.ว่า กมธ.ร่วมฯ ได้พิจารณาครบถ้วนทุกประเด็น พบว่าไม่มีปัญหา ขั้นตอนต่อไปจะนำเข้าสู่ที่ประชุมสนช. และลงมติเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบ ในวันที่ 8 มี.ค.นี้ ซึ่งตนคิดว่ากฎหมายฉบับนี้ จะผ่าน สนช.ไปได้ด้วยดี และแนวทางโรดแมป ก็จะชัดเจนขึ้น เพราะยังมองไม่เห็นว่าจะมีอะไรที่ทำให้มีปัญหาเกิดขึ้น ส่วนข้อกังวลที่จะว่าจะมีการคว่ำร่าง กม.นั้น หากเกิดขึ้นจริง กระบวนการเริ่มร่างใหม่ จะกลับไปที่กรธ. เพราะกม.ยังไม่ได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา แต่จนถึงขณะนี้ ยังไม่เห็นแนวโน้มว่าจะมีการคว่ำกม.ฉบับนี้
ด้านนายสมชาย แสวงการ กมธ.ร่วมฯ กล่าวว่า การพิจารณาทบทวนร่าง กม. เสร็จแล้ว มีทั้งประเด็นที่คงความเห็นตามที่ประชุมสนช.เห็นชอบมา และการปรับแก้ตามข้อท้วงติงของกรธ. และกกต. โดยในส่วนที่มีการปรับแก้คือ ตัดทิ้งการแสดงมหรสพ และงานรื่นเริงระหว่างการหาเสียง การปรับช่วงเวลาลงคะแนนเลือกตั้ง จาก 07.00-17.00 น. เป็น 08.00-17.00 น. รวมถึง มาตรา 64 การปรับแก้ค่าใช้จ่ายของพรรคการเมือง ที่ร่างที่ผ่านการเห็นชอบจาก สนช. ระบุให้มีค่าใช้จ่ายเท่ากันทุกพรรค ไม่ว่าจะเป็นพรรคเล็กหรือพรรคใหญ่ โดยให้ตัดถ้อยคำ“เท่ากันทุกพรรค”ทิ้ง และแก้ไขเป็นให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่ กกต.ไปหารือกับพรรคการเมือง
ส่วนประเด็นที่ กมธ.ร่วมให้คงตามเนื้อหาที่ สนช.เห็นชอบมา คือ มาตรา 35 เรื่องการจำกัดสิทธิ์ผู้ไม่ไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งที่มีการเพิ่มการตัดสิทธิ์ข้าราชการการเมือง และรองผู้บริหารท้องถิ่น ผู้ช่วยผู้บริหารท้องถิ่นที่ไม่ไปเลือกตั้ง จะไม่สามารถได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเหล่านี้ โดยมี กมธ.เสียงข้างมาก มีมติ 6 ต่อ 5 ให้คงเนื้อหาไว้ตามร่างเดิม แต่ปรับถ้อยคำเพียงเล็กน้อย เพื่อไม่ให้ขัดรธน. รวมทั้งเรื่องบัตรเลือกตั้งใบเดียวที่ กมธ.ร่วมให้คงตามร่างเดิม คือ ให้ผู้สมัครของพรรคในแต่ละเขตเลือกตั้งได้หมายเลขสมัครไม่เหมือนกัน เช่นเดียวกับกรณีการอนุญาตให้ผู้พิการ สามารถมีผู้ช่วยเข้าไปกาบัตรลงคะแนนในคูหาเลือกตั้งได้ โดยถือว่า การลงคะแนนยังเป็นความลับอยู่ เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้พิการ
ด้านนายสมชาย แสวงการ กมธ.ร่วมฯ กล่าวว่า การพิจารณาทบทวนร่าง กม. เสร็จแล้ว มีทั้งประเด็นที่คงความเห็นตามที่ประชุมสนช.เห็นชอบมา และการปรับแก้ตามข้อท้วงติงของกรธ. และกกต. โดยในส่วนที่มีการปรับแก้คือ ตัดทิ้งการแสดงมหรสพ และงานรื่นเริงระหว่างการหาเสียง การปรับช่วงเวลาลงคะแนนเลือกตั้ง จาก 07.00-17.00 น. เป็น 08.00-17.00 น. รวมถึง มาตรา 64 การปรับแก้ค่าใช้จ่ายของพรรคการเมือง ที่ร่างที่ผ่านการเห็นชอบจาก สนช. ระบุให้มีค่าใช้จ่ายเท่ากันทุกพรรค ไม่ว่าจะเป็นพรรคเล็กหรือพรรคใหญ่ โดยให้ตัดถ้อยคำ“เท่ากันทุกพรรค”ทิ้ง และแก้ไขเป็นให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่ กกต.ไปหารือกับพรรคการเมือง
ส่วนประเด็นที่ กมธ.ร่วมให้คงตามเนื้อหาที่ สนช.เห็นชอบมา คือ มาตรา 35 เรื่องการจำกัดสิทธิ์ผู้ไม่ไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งที่มีการเพิ่มการตัดสิทธิ์ข้าราชการการเมือง และรองผู้บริหารท้องถิ่น ผู้ช่วยผู้บริหารท้องถิ่นที่ไม่ไปเลือกตั้ง จะไม่สามารถได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเหล่านี้ โดยมี กมธ.เสียงข้างมาก มีมติ 6 ต่อ 5 ให้คงเนื้อหาไว้ตามร่างเดิม แต่ปรับถ้อยคำเพียงเล็กน้อย เพื่อไม่ให้ขัดรธน. รวมทั้งเรื่องบัตรเลือกตั้งใบเดียวที่ กมธ.ร่วมให้คงตามร่างเดิม คือ ให้ผู้สมัครของพรรคในแต่ละเขตเลือกตั้งได้หมายเลขสมัครไม่เหมือนกัน เช่นเดียวกับกรณีการอนุญาตให้ผู้พิการ สามารถมีผู้ช่วยเข้าไปกาบัตรลงคะแนนในคูหาเลือกตั้งได้ โดยถือว่า การลงคะแนนยังเป็นความลับอยู่ เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้พิการ