เห็นว่า...มากันอีกประมาณ 200 สำหรับผู้ที่ “อยากเลือกตั้ง” ซึ่งได้เพียรพยายามจุดไฟในนาครรอบแล้ว รอบเล่า โดยรอบล่าสุด เมื่อช่วงวันเสาร์ที่ 24 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ได้รวมตัวกันแถวๆ หน้าหอประชุมใหญ่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ แต่เผอิญมีแค่ประมาณ 200 เจอเข้ากับฝนชะช่อมะม่วงแค่เดี๋ยวเดียว ก็แทบกระเจิดกระเจิง โอกาสจะยืนหยัด ยืนยันให้กลายเป็นพลังระดับพลิกฟ้า-คว่ำดิน ระดับ 14 ตุลาฯ 16 อะไรประมาณนั้น จึงออกจะยากเย็น แสนเข็ญซะเต็มประดา...
สรุปง่ายๆ ว่า...จุดเท่าไหร่ ดูๆ มันไม่น่าจะ “จุดติด” มากมายซักเท่าไหร่นัก คืออาจติดกันในหมู่คนประมาณร้อย-สองร้อย แบบประเภท “เอามันซ์ซ์ซ์กันเอาเอง” แต่จะขยายตัว ขยายเชื้อให้ลุกลามบานปลายเป็นประกายไฟไหม้ลามทุ่ง อย่าง 14 ตุลาฯ อย่างพฤษภาทมิฬ ฯลฯ อะไรทำนองนั้น ยังแทบมองไม่เห็นความเป็นไปได้เอาเลยแม้แต่น้อย สถานการณ์บ้านเมืองในช่วงจังหวะนี้...มันเลยอาจคล้ายๆ อย่างที่คุณน้อง “สุรวิชช์ วีรวรรณ” ท่านหยิบมาตั้งชื่อเป็นข้อเขียน บทความเอาไว้ก่อนหน้านี้ ประมาณว่า “คนเบื่อ คสช.แต่ยังขยาดม็อบ-แรงเฉื่อยช่วยรัฐบาลประยุทธ์” อะไรประมาณนั้น...
คือ “ความเบื่อ คสช.” นั้น คงต้องยอมรับนั่นแหละว่า ยิ่งนานวัน...ยิ่งเป็นอะไรที่น่าเบื่อหนักขึ้นเรื่อยๆ แทบมองไม่เห็น “ขาขึ้น” มีแต่จงลง...จงลง...จงลง ใกล้ต่ำเตี้ยเรี่ยดินเต็มที แม้เรื่อง “นาฬิกาบิ๊กป้อม” จะซาๆ ลงไปมั่งแล้ว แต่เรื่องที่มาแรงแซงโค้ง โผล่ขึ้นมากลบข่าว เปิดประเด็นข่าวใหม่ๆ ในแต่ละเรื่อง ไม่ว่าเรื่อง “เสือดำ” เรื่อง “หวยครูปรีชา-หมวดจรูญ” ไปจนถึงเรื่อง “คุณป้าทุบรถ” ล้วนเป็นเรื่องที่สามารถหยิบมาใช้เป็นภาพสะท้อน “ความห่วยแตกของระบบ” ที่รัฐบาล คสช.เอง นอกจากไม่ได้คิด “ปฏิรูป” ใดๆ แล้ว ยังกอดรัดฟัดเหวี่ยง แสดงอาการทะนุถนอมปกป้องระบบแต่ละระบบมาโดยตลอด...
เรื่อง “เสือดำ” ที่ซาๆ ไปแล้ว...แต่กำลังหวนกลับขึ้นมาใหม่ เพราะความไม่มั่นใจ-ไม่เชื่อใจต่อ “ระบบ” ที่มักช่วยให้ “คนรวย” ไม่มีสิทธิ์ติดคุกมาโดยตลอด มันชักเริ่มมีเค้า มีลางขึ้นมาบ้างแล้ว ขณะที่เรื่อง “หวยครูปรีชา-หมวดจรูญ” ที่ไม่ว่าจะเป็นหวยครูหรือหวยหมวด แต่กลายเป็นตัวตอกย้ำถึงความล้มเหลวในการ “ปฏิรูปตำรวจ” ของ คสช.ที่ลากยาวมาแล้ว 4 ปี ก็ยังไม่คิดจะไปไหน แม้แต่เรื่อง “คุณป้าทุบรถ” ที่กลายเป็นตัวขยายผลให้เห็นถึงความเสื่อมของ “ระบบราชการ” แบบชัดๆ จะจะ อันเป็นระบบที่รัฐบาล คสช.ยึดมั่น ถือมั่น เอาไว้ตั้งแต่แรก ยิ่งเมื่อมาเจอเรื่อง “โกงเงินคนจน” เรื่อง “ธรรมกายฟื้นคืนชีพ” ตามมาติดๆ บรรดาเรื่องราวประเภทที่มาแรงแซงโค้งเหล่านี้...นอกจากแทบไม่ได้ช่วยให้รัฐบาลพอมีจังหวะตั้งตัว ตั้งหลักได้มากมายซักเท่าไหร่ ยังกลับมีส่วนทำให้ใครก็ตาม หรืออะไรก็ตาม ที่ยังคิดผูกติดอยู่กับ “ระบบ” ล้วนแล้วแต่ “ลำบาก” ไปด้วยกันทั้งสิ้น...
สถานการณ์บ้านเมืองในช่วงนี้ หรือนับจากนี้เป็นต้นไป...มันจึงคงไม่ใช่แค่เรื่อง “เลือกตั้ง-ไม่เลือกตั้ง” หรือ “เลือกปีหน้า หรือปีไหน” หรือกระทั่งไม่ใช่แค่เรื่อง “เลือกใคร-ไม่เลือกใคร” ด้วยซ้ำ แต่มันกำลังลงลึก และไปไกล ไปถึง “ระบบทั้งระบบ” เอาเลยก็ว่าได้ ระบบที่ไม่ว่า...บรรดา “ตัวละคร” เท่าที่มีอยู่ หรือเท่าที่ปรากฏอยู่ในฉากแต่ละฉาก ต่างแทบไม่ได้ถือเป็น “คำตอบ” ไปด้วยกันทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็น “พรรคการเมือง” อย่างประชาธิกัด เผาไทย หรือแม้แต่ “ทหารการเมือง” อย่าง “บิ๊กตู่-บิ๊กป้อม-บิ๊กป้อก” อะไรต่อมิอะไรทั้งหลาย...
แต่อะไรที่พอนำมาใช้เป็น “คำตอบ” และสิ่งที่ว่านั้นจะ “ไปไกล” ไปถึงขั้นไหนต่อขั้นไหน...อันนี้นี่แหละที่มันยังไม่ถึงกับเป็นอะไรที่แจ่มแจ้งชัดเจน ไม่ได้เป็นคำตอบที่ก่อให้เกิดอาการ “ตกผลึก” พอที่จะสร้างแรงขับเคลื่อนใดๆ อันมีประสิทธิภาพ ประสิทธิผลถึงขั้นทำให้รัฐบาล คสช.ต้องสั่นสะท้าน สั่นสะเทือนขึ้นมาจริงๆ แม้จะมีผู้พยายามให้ “คำตอบ” แบบแปลกๆ ใหม่ๆ ไปจนถึงขั้นพิลึกกึกกือเอาเลยก็มี แต่ลักษณะของฉากสถานการณ์โดยทั่วไป ก็ยังคงเต็มไปด้วย “แรงเฉื่อย” แบบที่คุณน้อง “สุรวิชช์” ท่านว่าไว้นั่นแล...
อย่างไรก็ตาม...นั่นก็คงไม่ได้ถึงกับ “ช่วย” อะไรรัฐบาล คสช.ได้มากมายซักเท่าไหร่ คืออย่างมาก...อาจช่วยให้พออยู่ๆ ไปจนถึงช่วงสิ้นสุด “โรดแหมบ” เท่านั้น แต่ถ้าคิดจะ “โรดหมับ” หรือหมุบๆ หมับๆ อยู่ต่อ อยู่ยาวว์ว์ว์ ไปอีก 4 ปี 5 ปี หรือ 10 ปี 20 ปีแบบที่หวังๆ เอาไว้ โอกาสที่จะ “ไปไม่กลับ-หลับไม่ตื่น-ฟื้นไม่มี-หนีไม่พ้น” ไปแบบ 14 ตุลาฯ แบบพฤษทมิฬ หรือแบบที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนในประวัติศาสตร์การเมืองไทย ย่อมมีสิทธิ์เป็นไปได้ทุกเมื่อ เพราะภายใต้ “แรงเฉื่อย” ที่ว่า...ก็ใช่ว่าทุกสิ่งทุกอย่าง ทุกสรรพสิ่งจะเกิดอาการ “หยุดนิ่ง” ซะเมื่อไหร่ อันเนื่องด้วยกฎพื้นฐานของทุกๆ แรงนั่นแหละ ที่มันย่อมประกอบไปด้วยแรงกิริยาและแรงปฏิกิริยาไปด้วยกันทั้งสิ้น...
“ความห่วยแตกของระบบ” ที่นับวัน...ได้แผ่ซ่านครอบคลุมไปถึงตัวละครแทบทุกตัวในสาระบบ ไม่ว่า “ทหาร” หรือ “นักการเมือง” มันจึงไม่เพียงส่งผลให้ “คำตอบ” ของสถานการณ์บ้านเมืองนับจากนี้ต่อไป ออกจะเป็นอะไรที่สุดแสนซับซ้อน ซ่อนเงื่อน เพื่อนทรยศยิ่งขึ้นทุกที แต่ยังเป็นฉากสถานการณ์ที่ยากจะจินตนาการได้ว่า มันกำลังจะเป็นไปในรูปไหน และอะไรที่เหมาะ-ที่ควร ที่เป็นไปตามครรลองคลองธรรมได้อย่างแท้จริง ชนิดเผลอๆ...การหาคำตอบที่ง่ายที่สุด พื้นๆ ที่สุด อาจต้องหันไปคว้า “ขวาน” คว้า “ชะแลง” ติดไม้ ติดมือ เอาไว้คนละด้าม สองด้ามนั่นแหละ อาจพอช่วยให้เกิดความมั่นอกมั่นใจ ความศรัทธาความไว้วางใจขึ้นมาได้บ้าง...