“อดีตโฆษกพธม.” เยี่ยมการ์ดพธม.ที่ถูกคดีบุกรุกNBT 74 คน ยันไม่ทิ้งกัน อนุมัติเงินกองทุนให้ใช้ 3 พันต่อเดือนช่วงถูกคุมขัง เยียวยาครอบครัวตามจำเป็น เผย ทุกคนยังเข้มแข็งดี ยัน ไม่ใช่อาชญากร เป็นผู้เสียสละสู้กับรบ.ทรราชย์
วานนี้ (22 ก.พ.) นายสุริยะใส กตะศิลา อดีตหนึ่งในแกนนำและเป็นผู้ประสานงานเครือข่ายพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) ได้แสดงความเห็นผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวในหัวข้อ “เรื่องเล่าจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ” มีเนื้อหาระบุว่า “เมื่อเช้าผมมาเยี่ยมมิตรสหายที่ถูกศาลพิพากษาจำคุก 74 คน คดีบุกรุก สถานีโทรทัศน์ NBT ก่อนเข้าไปเยี่ยมได้ทักทายถามไถ่ญาติๆ ผู้ต้องขังนับร้อยคน ส่วนใหญ่เป็นผู้หญิง ผม พี่ติ๊ก มาลีรัตน์ และหมี สุริยันต์ แจ้งผลการหารือของแกนนำและทีมทนายไปว่าจะเป็นคุณพิภพ ธงไชย คุณสุวัตร อภัยภักดิ์ ทนายมิ้น คุณสุรวิชช์ วีรวรรณ และคุณอมรศักดิ์ ศิริโยธินภักดี ถึงแนวทางการข่วยเหลือเยียวยาทั้งผู้ต้องขังและครอบครัวว่าเราจะไม่ทิ้งกัน และไม่เคยทิ้งใครไว้ข้างหลังเหมือนที่ผ่านๆ มา ที่เราตั้งกองทุนดูแลคดีทั้งหมดทั้งคดีแกนนำและมวลชน รวมทั้งกองทุนข่วยเหลือเยียวยาผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต โดยเบื้องต้นเราได้อนุมัติเงินจากกองทุนสู้คดีพันธมิตรฯ เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในเรือนจำคนละ 3,000 บาท/เดือน จนกว่าจะได้รับอิสรภาพ”
นายสุริยะใส ระบุด้วยว่า ได้ให้ทีมงานเก็บข้อมูลจากญาติๆ ทั้งหมดว่า พวกเขาเดือดร้อนและมีเรื่องฉุกเฉินที่ต้องเยียวยาอะไรกันบ้าง เพราะส่วนใหญ่ที่มาล้วนเป็นแม่บ้าน แน่นอนผู้เป็นสามีถูกจองจำแบบนี้ ส่งผลกระทบต่อครอบครัวเต็มๆ บางคนเล่าให้ผมฟังปัญหาที่ต้องแบกรับทั้งน้ำตา ด้วยเหตุดังนั้นเราจึงตัดสินใจเยียวยาครอบครัวเหล่านี้ตามความจำเป็น โดยจะตั้งกองทุนเปิดรับบริจาคเป็นอีกบัญชีหนึ่ง ผ่านมูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดินรายละเอียดจะแจ้งให้ทราบโดยเร็ว
“หลังจากผมชี้แจงญาติๆ ผู้ต้องขังเสร็จพวกเราได้ทยอยไปเยี่ยมผู้ต้องขัง ทุกคนเข้มแข็ง สีหน้าแววตาคลายทุกข์ลงทันทีเมื่อเจอครอบครัว รอยยิ้มของหลายๆคนส่องผ่านกระจกและบทสนทนา แม้ไม่ใช่รอยยิ้มแห่งความสุขก็ตาม แต่เป็นรอยยิ้มเพื่อสื่อสารกับพวกเราว่าพวกเขาเข้มแข็งดี อีกไม่นานเราก็จะได้กลับมาเจอกัน สำหรับผมแล้วคนเหล่านี้แม้ตกเป็นผู้ต้องขัง แต่หากย้อนกลับไปดู ณ วันเกิดเหตุ จะเข้าใจว่าทำไม่ต้องตัดสินใจเช่นนั้น มันไม่ใช่ทำไปเพราะความโกรธแค้นหรือเรื่องส่วนตัว แต่เขากำลังทำหน้าที่ต่อสู้กับรัฐบาลทรราชย์ พวกเขาไม่ใช่อาชญากร นอกจากเราจะไม่ทิ้งพวกเขาไว้ข้างหลังแล้วเรายังต้องบันทึกไว้ในความทรงจำว่า พวกเขาคือผู้เสียสละ ครับ”.
วานนี้ (22 ก.พ.) นายสุริยะใส กตะศิลา อดีตหนึ่งในแกนนำและเป็นผู้ประสานงานเครือข่ายพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) ได้แสดงความเห็นผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวในหัวข้อ “เรื่องเล่าจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ” มีเนื้อหาระบุว่า “เมื่อเช้าผมมาเยี่ยมมิตรสหายที่ถูกศาลพิพากษาจำคุก 74 คน คดีบุกรุก สถานีโทรทัศน์ NBT ก่อนเข้าไปเยี่ยมได้ทักทายถามไถ่ญาติๆ ผู้ต้องขังนับร้อยคน ส่วนใหญ่เป็นผู้หญิง ผม พี่ติ๊ก มาลีรัตน์ และหมี สุริยันต์ แจ้งผลการหารือของแกนนำและทีมทนายไปว่าจะเป็นคุณพิภพ ธงไชย คุณสุวัตร อภัยภักดิ์ ทนายมิ้น คุณสุรวิชช์ วีรวรรณ และคุณอมรศักดิ์ ศิริโยธินภักดี ถึงแนวทางการข่วยเหลือเยียวยาทั้งผู้ต้องขังและครอบครัวว่าเราจะไม่ทิ้งกัน และไม่เคยทิ้งใครไว้ข้างหลังเหมือนที่ผ่านๆ มา ที่เราตั้งกองทุนดูแลคดีทั้งหมดทั้งคดีแกนนำและมวลชน รวมทั้งกองทุนข่วยเหลือเยียวยาผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต โดยเบื้องต้นเราได้อนุมัติเงินจากกองทุนสู้คดีพันธมิตรฯ เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในเรือนจำคนละ 3,000 บาท/เดือน จนกว่าจะได้รับอิสรภาพ”
นายสุริยะใส ระบุด้วยว่า ได้ให้ทีมงานเก็บข้อมูลจากญาติๆ ทั้งหมดว่า พวกเขาเดือดร้อนและมีเรื่องฉุกเฉินที่ต้องเยียวยาอะไรกันบ้าง เพราะส่วนใหญ่ที่มาล้วนเป็นแม่บ้าน แน่นอนผู้เป็นสามีถูกจองจำแบบนี้ ส่งผลกระทบต่อครอบครัวเต็มๆ บางคนเล่าให้ผมฟังปัญหาที่ต้องแบกรับทั้งน้ำตา ด้วยเหตุดังนั้นเราจึงตัดสินใจเยียวยาครอบครัวเหล่านี้ตามความจำเป็น โดยจะตั้งกองทุนเปิดรับบริจาคเป็นอีกบัญชีหนึ่ง ผ่านมูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดินรายละเอียดจะแจ้งให้ทราบโดยเร็ว
“หลังจากผมชี้แจงญาติๆ ผู้ต้องขังเสร็จพวกเราได้ทยอยไปเยี่ยมผู้ต้องขัง ทุกคนเข้มแข็ง สีหน้าแววตาคลายทุกข์ลงทันทีเมื่อเจอครอบครัว รอยยิ้มของหลายๆคนส่องผ่านกระจกและบทสนทนา แม้ไม่ใช่รอยยิ้มแห่งความสุขก็ตาม แต่เป็นรอยยิ้มเพื่อสื่อสารกับพวกเราว่าพวกเขาเข้มแข็งดี อีกไม่นานเราก็จะได้กลับมาเจอกัน สำหรับผมแล้วคนเหล่านี้แม้ตกเป็นผู้ต้องขัง แต่หากย้อนกลับไปดู ณ วันเกิดเหตุ จะเข้าใจว่าทำไม่ต้องตัดสินใจเช่นนั้น มันไม่ใช่ทำไปเพราะความโกรธแค้นหรือเรื่องส่วนตัว แต่เขากำลังทำหน้าที่ต่อสู้กับรัฐบาลทรราชย์ พวกเขาไม่ใช่อาชญากร นอกจากเราจะไม่ทิ้งพวกเขาไว้ข้างหลังแล้วเรายังต้องบันทึกไว้ในความทรงจำว่า พวกเขาคือผู้เสียสละ ครับ”.