xs
xsm
sm
md
lg

ปตท.กำไร60ทุบสถิติ1.35แสนล…จ่ายปันผล20บาท-แตกพาร์1บ.

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

ผู้จัดการรายวัน 360- ปตท.โกยกำไรปี 60 ที่1.35 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น42.9%จากช่วงเดียวกันปีก่อนเป็นผลจากราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้นทำให้ทุกกลุ่มธุรกิจมีผลประกอบการดีขึ้น ทุบสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ด้านบอร์ดปตท.อนุมัติจ่ายปันผลงวดปี60อัตรา20บาท/หุ้นและแตกพาร์จากหุ้นละ10บาทเป็นหุ้นละ1บาท

นายเทวินทร์ วงศ์วานิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานในงวดปี 2560 ปตท.และบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิ 135,180 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 40,571 ล้านบาท หรือสูงขึ้น 42.9% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 94,609 ล้านบาท และถือเป็นกำไรที่สูงที่สุดเป็นประวัติการณ์นับตั้งแต่ปี 2554 ที่ปตท.เคยมีกำไรสุทธิ 1.05 แสนล้านบาท

ทั้งนี้เนื่องจากเกือบทุกกลุ่มธุรกิจมีผลการดำเนินงานดีขึ้นทั้งในส่วนธุรกิจที่ ปตท. ดำเนินการเองโดยเฉพาะธุรกิจก๊าซธรรมชาติ และบริษัทในกลุ่มปตท. โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจปิโตรเคมีและการกลั่นที่ปรับเพิ่มขึ้นตามทิศทางราคาน้ำมัน ทำให้ค่าการกลั่นทางบัญชีเพิ่มขึ้น แม้ว่ากำไรจากสต็อกน้ำมันจะปรับลดลง และราคาปิโตรเคมีปรับตัวสูงขึ้น

ขณะเดียวกันในปีนี้ยังมีผลกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนเพิ่มขึ้นจากค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินเหรียญสหรัฐฯ และกำไรจากการป้องกันความเสี่ยงของตราสารอนุพันธ์เพิ่มขึ้น แม้จะมีการรับรู้ขาดทุนจากการด้อยค่าสินทรัพย์โดยหลักของ PTTEP ธุรกิจถ่านหินของบริษัท ปตท. โกลบอล แมนเนจเม้นท์ จำกัด (PTTGM) และ บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) (PTTGC)

นายเทวินทร์ กล่าวว่า ในปี 2560 ปตท.มีรายได้จากขายรวม 1,995,722 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 276,876 ล้านบาทหรือโตขึ้น 16.1% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็นการเพิ่มในเกือบทุกกลุ่มธุรกิจ โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจการค้าระหว่างประเทศและกลุ่มธุรกิจปิโตรเคมีและการกลั่นเมื่อเทียบกับปีก่อนตามราคาน้ำมันดิบดูไบ ซึ่งราคาเฉลี่ยปรับเพิ่มขึ้นจาก 41.3 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล เป็น 53.2 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ธุรกิจสำรวจและผลิตฯ มีรายได้ขายลดลงจากค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นมากและปริมาณขายที่ปรับลดลง แม้ว่าราคาขายจะเพิ่มขึ้นตาม

แนวโน้มสถานการณ์ในปี 2561 คาดว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ จะเฉลี่ยอยู่ที่ระดับ 60-65 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล และค่าการกลั่นอ้างอิงสิงคโปร์ เฉลี่ยอยู่ที่ระดับประมาณ 6-7 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล ตามภาพรวมตลาดที่คาดว่าจะทรงตัว ส่วนราคาผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีโดยรวม คาดว่าจะทรงตัวในระดับสูง

ด้านแผนงานของกลุ่มธุรกิจก๊าซธรรมชาติ คาดว่าความต้องการใช้ก๊าซฯ ของประเทศ ปี 2560-64 ลดลงเฉลี่ย 1.4% ต่อปี ตามสถานการณ์ปัจจุบันที่การผลิตไฟฟ้าของประเทศจาก 3 การไฟฟ้า มีแนวโน้มการผลิตไฟฟ้าที่ลดลง เนื่องจากเอกชนมีการผลิตไฟฟ้าเพื่อใช้เอง นอกจากนี้ในระยะยาว ความต้องการใช้ก๊าซฯ ในการผลิตไฟฟ้าก็ปรับลดลงกว่าที่คาดการณ์เดิม โดยคาดว่าจะเข้าไปทดแทนโรงไฟฟ้าถ่านหินได้เพียงบางโรง และทดแทนแผนอนุรักษ์พลังงาน (EEP) ที่ 30%

นายเทวินทร์ กล่าวต่อไปว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทได้อนุมัติจ่ายเงินปันผลประจำปี2560 อัตรา 20บาท/หุ้นโดยได้จ่ายระหว่างกาลไปแล้ว 8บาท /หุ้นเหลืออีก12บาท/หุ้น กำหนดจ่ายวันที่27เม.ย.นี้ พร้อมทั้งอนุมัติให้เปลี่ยนแปลงราคาพาร์จากเดิมหุ้นละ 10 บาท เป็น หุ้นละ 1 บาท พร้อมทั้งลดทุนจดทะเบียนด้วยการตัดหุ้นที่ไม่ได้นำออกจำหน่าย 946,100 หุ้น ทำให้มีทุนจดทะเบียน28,562,996,250 บาท คิดเป็นจำนวนหุ้น28,562,996,250 หุ้น มูลค่าหุ้นที่ตราไว้หุ้นละ1บาท

รวมทั้งอนุมัติแผนการจัดหาเงินกู้ 5 ปี จากแหล่งภายนอก ของ ปตท. ซึ่งรวมถึง วงเงินการกู้ยืม/ก่อหนี้ของ บริษัทปตท. ศูนย์บริหารเงิน จำกัด (PTT TCC) เพื่อจัดหาแหล่งเงินทุนให้ ปตท. โดยมี ปตท. ให้การค้ำประกัน โดยส่วนหนึ่งของแผนการจัดหาเงินกู้นี้เป็นวงเงินสำหรับการออกหุ้นกู้เทียบเท่า150,000ล้านบาทในระยะเวลา 5 ปี (ปี ‭2561 - 2565‬) เพื่อใช้ในการลงทุน และ/หรือเป็นเงินทุนหมุนเวียนทั่วไป และ/ หรือเพื่อทดแทนเงินกู้เดิมที่ครบกำหนดชำระ

นอกจากนี้บอร์ดปตท.รับทราบความคืบหน้าของการปรับโครงสร้างปตท. ซึ่งประกอบด้วยการโอนกิจการของหน่วยธุรกิจน้ำมัน รวมถึงสินทรัพย์สินและหนี้สินของหน่วยธุรกิจดังกล่าวให้แก่บริษัทปตท. น้ำมันและการค้าปลีกจำกัด( PTTOR) โดยให้ ปตท. สร้างเครื่องหมายการค้าใหม่แบบผสมโดยมีรูปเปลวเพลิงเป็นหนึงในองค์ประกอบ เพื่อโอนขายให้ PTTOR คาดว่าการโอนกิจการจะแล้วเสร็จในช่วงไตรมาสที่ 3/ 2561 และ PTTORจะเริ่มเตรียมการเสนอขายหุ้นสามัญต่อประชาชนทั่วไปเป็น ครั้งแรก (IPO) และนำเข้าตลาดหุ้นต่อไป


กำลังโหลดความคิดเห็น