ผู้จัดการรายวัน360- ตร.ออกหมายเรียก 2 ป้าทุบรถรับทราบ3ข้อหา26ก.พ.นี้ คู่กรณีโดนปรับจอดรถกีดขวาง “ป้าทุบรถ” แจงเดือด ตลาดทำลายความสงบ สร้างความเดือดร้อน “รถจอดขวางประตู” ทุกวัน นานนับ 10 ปี ขณะที่คดีฟ้อง กทม.-เขตประเวศ ละเลยปล่อยสร้างตลาด ศาลปค.มีคำสั่งอยู่ในความคุ้มครอง ด้านผอ.ประเวศ สร้างตลาดได้เพราะเป็นที่ดินเปล่า
นางสาวบุญศรี แสงหยกตระการ เจ้าของบ้านเลขที่ 37/208 ซอยหมู่บ้านเสรีวิลล่า แยก 2 เขตประเวศ พร้อมครอบครัวแถลงชี้แจงข้อเท็จจริงกรณีที่ปรากฏคลิปเหตุการณ์ใช้ขวานและเหล็กยาวทุบทำลายรถยนต์ที่จอดขวางบริเวณประตูทางออกหน้าบ้าน เมื่อวันที่ 18 ก.พ. โดยนางสาวบุญศรี ยืนยันว่า เรื่องดังกล่าวเกิดขึ้นเนื่องจากครอบครัวตนเอง ต้องการออกจากบ้านไปทำธุระ แต่ขณะนั้นมีรถยนต์จอดขวางประตูบ้าน จึงพยายามกดแตรเรียกคนที่เป็นเจ้าของรถให้มาเลื่อนออก พร้อมโทรแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ สอบถามหาเจ้าของรถ แต่ไม่มีบุคคลใดมาแสดงตัวเป็นเจ้าของ ซึ่งเมื่อเจ้าของรถมาถึง ระบุเพียงว่าได้ยินเสียงแตรแล้ว แต่ยังซื้อของไม่เสร็จ จากนั้นเจ้าของรถก็ยังไม่ยอมเลื่อนรถทันที ยังประวิงเวลาทำธุระอยู่อีกนานเกือบ 30 นาที จึงตัดสินใจใช้เครื่องมือทำลายสิ่งกีดขวางทางเข้าออกบ้าน มาทุบรถคันดังกล่าวเสียหาย
ด้าน พ.ต.อ.อลงกรณ์ ศิริสงคราม ผกก. สน.ประเวศ กล่าวถึงความคืบหน้ากรณีดังกล่าวว่า ในทางคดีพนักงานสอบสวนได้ออกหมายเรียก ให้ น.ส.รัตนฉัตร แสงหยกตระการ อายุ 61 ปี และ น.ส.ราณี แสงหยกตระการ อายุ 57 ปี ให้เข้ามารับทราบข้อกล่าวหา ร่วมกันทำให้เสียทรัพย์และข่มขู่ทำให้ผู้อื่นตกใจกลัว และพาอาวุธไปในเมือง หมู่บ้าน ทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต หรือโดยไม่มีเหตุอันควร ในวันจันทร์ ที่ 26 ก.พ.นี้ แต่เบื้องต้นยังไม่ได้รับการประสานว่าจะมาพบตำรวจในวันดังกล่าวหรือไม่ ขณะที่คู่กรณีตำรวจได้ดำเนินคดีตาม พรบ.จราจรทางบก ข้อหาจอดรถกีดขวางทางเข้าออกอาคาร และปรับจำนวนเงิน 500 บาทเรียบร้อยแล้ว ส่วนการเรียกร้องค่าเสียรถยนต์ที่ถูกทุบ ทราบว่า คู่กรณีได้เรียกร้องเงินไป จำนวน 50,000 บาท ซึ่งอยู่ที่ทั้งคู่จะไปตกลงกันเอง แต่หากตกลงกันไม่ได้ ก็สามารถแจ้งความเรียกค่าเสียหายได้
นางสาวบุญศรี กล่าวว่า ปัญหาเหล่านี้ได้ต่อสู้มานานกว่า 10 ปี ทั้งเรื่องเสียงดังสร้างความเดือดร้อนรำคาญระหว่างการขนส่งสินค้าเข้าตลาด การจอดรถกีดขวางทางเข้าออก ทำลายต้นไม้ที่ปลูกไว้ริมกำแพงบ้าน การแอบอ้างใช้เลขที่บ้านเป็นเลขที่ของตลาด รวมถึงปัญหาการลักลอบใช้ไฟฟ้า จนทำให้ค่าไฟเพิ่มขึ้นเป็นหลักหมื่นบาท ทั้งหมดมีการฟ้องร้องไปยังศาลปกครองแล้ว 3 คดี ซึ่งคดีที่ 1 และ 2 มีคำสั่งให้คุ้มครองแล้ว และเรื่องที่เกิดขึ้นก็จะร้องเรียนไปยังศาลว่า ยังคงมีการละเมิดคำสั่งศาล
ข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นในพื้นที่หมู่บ้านเสรีวิลล่า เป็นพื้นที่จัดสรรเพื่ออยู่อาศัยบ้านเดี่ยว หมายเลขที่ 70/2556 ให้เป็นที่ดินจัดสรร เป็นหมู่บ้าน 289 แปลง แต่ปัจจุบันล้อมรอบไปด้วยตลาด อาคารพาณิชย์ สิ่งสกปรก รวมถึงลานจอดรถของลูกค้าที่มาซื้อสินค้าในตลาด สร้างความวุ่นวายให้บ้านของตนตลอดทั้งคืนทั้งวัน ต่อมา กทม.ได้มีการสั่งให้รื้อตลาด แต่กลับพบว่าถูกละเลย และให้มีการสร้างตลาดขึ้นมาเรื่อยๆ ดัดแปลงเป็นร้านค้าต่างๆ มากมายจนประชิดติดกำแพงบ้าน
“เราได้ฟ้องร้องต่อศาล ทั้งคดีดำและคดีแดง ฉบับคำพิพากษา 2556 แต่ก็ยังมีตลาดเต็มหมู่บ้าน และศาลมีคำสั่งคุ้มครองอยู่ สิ่งที่เกิดขึ้นไม่ได้รับการบรรเทาทุกข์ ลูกค้าที่นำรถมาจอดควรที่จะมีจิตสำนึกว่าควรหรือไม่ เขาจะออกจากบ้านเขาก็ออกไม่ได้ คุณไม่มีสิทธิปิดกั้นเขา สิ่งที่เกิดขึ้นต้องเรียกเก็บกับผู้ว่าฯ กทม.-เขตประเวศ เพราะเราอยู่ในความคุ้มครองของศาล”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการตรวจสอบพบว่า คดีดังกล่าว ศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว เมื่อวันที่ 18 พ.ย.53 ให้ ผู้ว่าฯกทม. และผอ.เขตประเวศ ใช้อำนาจตาม พ.ร.บ.การสาธารณสุข พ.ศ. 2535 และ พ.ร.บ.อื่นที่เกี่ยวข้อง ไม่ให้เจ้าของตลาดนัดรุ่งอรุณและเจ้าของตลาดนัดไม่มีชื่อ ซึ่งตั้งอยู่ในที่ดินเปล่าข้างบ้านเลขที่ 37/208 ก่อเหตุเดือดร้อนรำคาญที่เกิดจากการจัดตั้งตลาด แก่เจ้าของบ้านดังกล่าวไว้เป็นการชั่วคราวก่อนการพิพากษา หรือจนกว่าศาลจะมีคำสั่งเป็นอย่างอื่น
ผอ.ประเวศ อ้างสร้างตลาดได้เพราะเป็นที่ดินเปล่า
นายธนะสิทธิ์ เมธพันธ์เมือง ผู้อำนวยการเขตประเวศ ชี้แจงว่า พื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่จัดสรรที่สามารถสร้างตลาดได้ ยืนยันว่าศาลปกครองสูงสุดได้มีคำพิพากษา ยกคำพิพากษาศาลปกครองชั้นต้น ที่ น.ส.บุญศรี แสงหยกตระการ ผู้ฟ้องคดี กล่าวอ้างแล้ว แต่ก็ยังถือว่าคดียังไม่สิ้นสุด ระหว่างนี้กรุงเทพมหานครก็ได้บรรเทาปัญหาความเดือดร้อนด้วยการผลักดันผู้ค้าที่กีดขวางบ้านผู้อาศัยให้เข้าไปในตลาด และมีการจัดการด้านพื้นที่จอดรถให้ดีขึ้นแล้ว เช่นเดียวกับพื้นที่ซึ่งมีการจัดตั้งตลาดหมู่บ้านเสรี มีการทำเป็นที่ดินจัดสรรตั้งแต่ปี 2526 หรือ 34 ปีที่แล้ว เป็นที่ดินแปลงเปล่า ที่ไหนพร้อมก็มาปลูกบ้าน ปัจจุบันเป็นพื้นที่เศรษฐกิจ ซึ่งตาม พ.ร.บ.ผังเมืองสมารถปลูกอาคารสูงไม่เกิน 15 เมตร และสามารถสร้างตลาดได้
นางสาวบุญศรี แสงหยกตระการ เจ้าของบ้านเลขที่ 37/208 ซอยหมู่บ้านเสรีวิลล่า แยก 2 เขตประเวศ พร้อมครอบครัวแถลงชี้แจงข้อเท็จจริงกรณีที่ปรากฏคลิปเหตุการณ์ใช้ขวานและเหล็กยาวทุบทำลายรถยนต์ที่จอดขวางบริเวณประตูทางออกหน้าบ้าน เมื่อวันที่ 18 ก.พ. โดยนางสาวบุญศรี ยืนยันว่า เรื่องดังกล่าวเกิดขึ้นเนื่องจากครอบครัวตนเอง ต้องการออกจากบ้านไปทำธุระ แต่ขณะนั้นมีรถยนต์จอดขวางประตูบ้าน จึงพยายามกดแตรเรียกคนที่เป็นเจ้าของรถให้มาเลื่อนออก พร้อมโทรแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ สอบถามหาเจ้าของรถ แต่ไม่มีบุคคลใดมาแสดงตัวเป็นเจ้าของ ซึ่งเมื่อเจ้าของรถมาถึง ระบุเพียงว่าได้ยินเสียงแตรแล้ว แต่ยังซื้อของไม่เสร็จ จากนั้นเจ้าของรถก็ยังไม่ยอมเลื่อนรถทันที ยังประวิงเวลาทำธุระอยู่อีกนานเกือบ 30 นาที จึงตัดสินใจใช้เครื่องมือทำลายสิ่งกีดขวางทางเข้าออกบ้าน มาทุบรถคันดังกล่าวเสียหาย
ด้าน พ.ต.อ.อลงกรณ์ ศิริสงคราม ผกก. สน.ประเวศ กล่าวถึงความคืบหน้ากรณีดังกล่าวว่า ในทางคดีพนักงานสอบสวนได้ออกหมายเรียก ให้ น.ส.รัตนฉัตร แสงหยกตระการ อายุ 61 ปี และ น.ส.ราณี แสงหยกตระการ อายุ 57 ปี ให้เข้ามารับทราบข้อกล่าวหา ร่วมกันทำให้เสียทรัพย์และข่มขู่ทำให้ผู้อื่นตกใจกลัว และพาอาวุธไปในเมือง หมู่บ้าน ทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต หรือโดยไม่มีเหตุอันควร ในวันจันทร์ ที่ 26 ก.พ.นี้ แต่เบื้องต้นยังไม่ได้รับการประสานว่าจะมาพบตำรวจในวันดังกล่าวหรือไม่ ขณะที่คู่กรณีตำรวจได้ดำเนินคดีตาม พรบ.จราจรทางบก ข้อหาจอดรถกีดขวางทางเข้าออกอาคาร และปรับจำนวนเงิน 500 บาทเรียบร้อยแล้ว ส่วนการเรียกร้องค่าเสียรถยนต์ที่ถูกทุบ ทราบว่า คู่กรณีได้เรียกร้องเงินไป จำนวน 50,000 บาท ซึ่งอยู่ที่ทั้งคู่จะไปตกลงกันเอง แต่หากตกลงกันไม่ได้ ก็สามารถแจ้งความเรียกค่าเสียหายได้
นางสาวบุญศรี กล่าวว่า ปัญหาเหล่านี้ได้ต่อสู้มานานกว่า 10 ปี ทั้งเรื่องเสียงดังสร้างความเดือดร้อนรำคาญระหว่างการขนส่งสินค้าเข้าตลาด การจอดรถกีดขวางทางเข้าออก ทำลายต้นไม้ที่ปลูกไว้ริมกำแพงบ้าน การแอบอ้างใช้เลขที่บ้านเป็นเลขที่ของตลาด รวมถึงปัญหาการลักลอบใช้ไฟฟ้า จนทำให้ค่าไฟเพิ่มขึ้นเป็นหลักหมื่นบาท ทั้งหมดมีการฟ้องร้องไปยังศาลปกครองแล้ว 3 คดี ซึ่งคดีที่ 1 และ 2 มีคำสั่งให้คุ้มครองแล้ว และเรื่องที่เกิดขึ้นก็จะร้องเรียนไปยังศาลว่า ยังคงมีการละเมิดคำสั่งศาล
ข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นในพื้นที่หมู่บ้านเสรีวิลล่า เป็นพื้นที่จัดสรรเพื่ออยู่อาศัยบ้านเดี่ยว หมายเลขที่ 70/2556 ให้เป็นที่ดินจัดสรร เป็นหมู่บ้าน 289 แปลง แต่ปัจจุบันล้อมรอบไปด้วยตลาด อาคารพาณิชย์ สิ่งสกปรก รวมถึงลานจอดรถของลูกค้าที่มาซื้อสินค้าในตลาด สร้างความวุ่นวายให้บ้านของตนตลอดทั้งคืนทั้งวัน ต่อมา กทม.ได้มีการสั่งให้รื้อตลาด แต่กลับพบว่าถูกละเลย และให้มีการสร้างตลาดขึ้นมาเรื่อยๆ ดัดแปลงเป็นร้านค้าต่างๆ มากมายจนประชิดติดกำแพงบ้าน
“เราได้ฟ้องร้องต่อศาล ทั้งคดีดำและคดีแดง ฉบับคำพิพากษา 2556 แต่ก็ยังมีตลาดเต็มหมู่บ้าน และศาลมีคำสั่งคุ้มครองอยู่ สิ่งที่เกิดขึ้นไม่ได้รับการบรรเทาทุกข์ ลูกค้าที่นำรถมาจอดควรที่จะมีจิตสำนึกว่าควรหรือไม่ เขาจะออกจากบ้านเขาก็ออกไม่ได้ คุณไม่มีสิทธิปิดกั้นเขา สิ่งที่เกิดขึ้นต้องเรียกเก็บกับผู้ว่าฯ กทม.-เขตประเวศ เพราะเราอยู่ในความคุ้มครองของศาล”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการตรวจสอบพบว่า คดีดังกล่าว ศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว เมื่อวันที่ 18 พ.ย.53 ให้ ผู้ว่าฯกทม. และผอ.เขตประเวศ ใช้อำนาจตาม พ.ร.บ.การสาธารณสุข พ.ศ. 2535 และ พ.ร.บ.อื่นที่เกี่ยวข้อง ไม่ให้เจ้าของตลาดนัดรุ่งอรุณและเจ้าของตลาดนัดไม่มีชื่อ ซึ่งตั้งอยู่ในที่ดินเปล่าข้างบ้านเลขที่ 37/208 ก่อเหตุเดือดร้อนรำคาญที่เกิดจากการจัดตั้งตลาด แก่เจ้าของบ้านดังกล่าวไว้เป็นการชั่วคราวก่อนการพิพากษา หรือจนกว่าศาลจะมีคำสั่งเป็นอย่างอื่น
ผอ.ประเวศ อ้างสร้างตลาดได้เพราะเป็นที่ดินเปล่า
นายธนะสิทธิ์ เมธพันธ์เมือง ผู้อำนวยการเขตประเวศ ชี้แจงว่า พื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่จัดสรรที่สามารถสร้างตลาดได้ ยืนยันว่าศาลปกครองสูงสุดได้มีคำพิพากษา ยกคำพิพากษาศาลปกครองชั้นต้น ที่ น.ส.บุญศรี แสงหยกตระการ ผู้ฟ้องคดี กล่าวอ้างแล้ว แต่ก็ยังถือว่าคดียังไม่สิ้นสุด ระหว่างนี้กรุงเทพมหานครก็ได้บรรเทาปัญหาความเดือดร้อนด้วยการผลักดันผู้ค้าที่กีดขวางบ้านผู้อาศัยให้เข้าไปในตลาด และมีการจัดการด้านพื้นที่จอดรถให้ดีขึ้นแล้ว เช่นเดียวกับพื้นที่ซึ่งมีการจัดตั้งตลาดหมู่บ้านเสรี มีการทำเป็นที่ดินจัดสรรตั้งแต่ปี 2526 หรือ 34 ปีที่แล้ว เป็นที่ดินแปลงเปล่า ที่ไหนพร้อมก็มาปลูกบ้าน ปัจจุบันเป็นพื้นที่เศรษฐกิจ ซึ่งตาม พ.ร.บ.ผังเมืองสมารถปลูกอาคารสูงไม่เกิน 15 เมตร และสามารถสร้างตลาดได้