ผู้จัดการรายวัน 360 - กระแสสังคมตอบรับ นักวิชาการปัญญาชนหลากหลายสาขาประกาศหนุนการเคลื่อนไหวยุติโรงไฟฟ้าถ่านหินของเครือข่ายประชาชนชนปกป้องสองฝั่งทะเล เทพา-กระบี่ ที่ประกาศเตรียมเคลื่อนไปกดดันรัฐบาลที่ทำเนียบรัฐบาลวันนี้ (20 ก.พ.) ยันคงยึดแนวทางสันติ อหิงสา อย่างถึงที่สุด เพื่อขอคำตอบยกเลิกโรงไฟฟ้าฯ ลั่นยอมถูกจับ ผบ.ทบ. เตือนเคลื่อนขบวนกระทบวงกว้าง ต้องอยู่ในกรอบกฎหมาย พร้อมขู่งัดกฎหมายเอาผิดกลุ่มผู้ชุมนุม เลขาฯ สมช. เชื่อสถานการณ์ไม่บานปลาย
วานนี้ (19 ก.พ.) เป็นวันที่ 8 ของการนั่งอดอาหาร เพื่อแสดงการอารยะขัดขืนอย่างสงบ สันติ และอหิงสา ที่หน้าองค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ของคนทั้งสองพื้นที่คือจาก อ.เทพา จ.สงขลา และจาก จ.กระบี่ โดยจำนวนเริ่มต้นที่ 67 คน จนถึงขณะนี้เหลือผู้ที่ยังทนนั่งอดอาหารอยู่ตรงนี้จำนวน 20 คน
ส่วนผู้ที่ไม่ได้อดอาหารจำนวนกว่า 100 คน ก็ยังนั่งเป็นเพื่อนอยู่ด้วยกันตรงนี้ ซึ่งทั้งหมดมีความมุ่งมั่นในข้อเรียกร้องที่จะให้รัฐบาลยุติโรงไฟฟ้าถ่านหินทั้งสองพื้นที่ คือทั้งกระบี่ และเทพา
นายอัครเดช ฉากจินดา ผู้ประสานงานเครือข่ายปกป้องสองฝั่งทะเล กล่าวกับ MGR Online ภาคใต้ กล่าวว่า สิ่งที่ปรากฏเห็นได้ชัดเจนในช่วงเวลา 8 วันที่ผ่านมา และอาจจะรวมถึงก่อนหน้านี้ที่พี่น้องเทพา จังหวัดสงขลาออกมานั่งที่หน้าทำเนียบรัฐบาล ฝั่งสำนักงาน กพร. ตั้งแต่วันที่ 29 มกราคม 2561 จนมาจับมือกับพี่น้องกระบี่ที่หน้าองค์การสหประชาชาตินี้ คือเสียงตอบรับจากสังคมในวงกว้างที่เริ่มดังมากขึ้น
ขณะเดียวกันการจัดกิจกรรมการเสวนาเมื่อวันอาทิตย์ที่ 18 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา พบว่ามีนักวิชาการ นักกิจกรรมทางสังคม ภาคประชาสังคม และภาคประชาชนจำนวนมากเข้ามาร่วมกิจกรรมจนบรรยากาศในสถานที่แห่งนี้ คึกคักขึ้นทันตาเห็น และในบทเสวนาของบุคลากรเหล่านี้ต่างมีเหตุผลที่ฟังได้ว่า โครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินไม่ควรจะเกิดขึ้นทั้งสองพื้นที่กระบี่ - เทพา และยังกล่าวติติงไปถึงหน่วยงานที่ดึงดันจะสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหิน โดยไม่สนใจกระแสสังคมโลกที่ต่างเรียกร้องให้มีการลด และยกเลิกการใช้ถ่านหินอย่างเป็นรูปธรรม
พร้อมกันนี้ได้มีคำเรียกร้องไปถึงรัฐบาลให้ประกาศท่าทีออกมาให้ชัดเจนต่อเรื่องนี้ ที่ไม่ควรปล่อยให้พี่น้องประชาชนต้องมานั่งอดอาหาร ตรงเกาะกลางถนนที่อบอวนไปด้วยมลพิษจากรถ และมลพิษทางอากาศของเมืองกรุงเทพฯที่ไม่ค่อยจะดีนักในช่วงเวลานี้
"พี่น้องกระบี่ - เทพา ต่างยืนยันว่าจะยึดฐานที่มั่นแห่งนี้ให้ถึงที่สุด ทั้งที่ถูกเจ้าพนักงานตำรวจสถานีตำรวจนครบาลนางเลิ้ง มีหนังสือแจ้งให้พี่น้องที่นั่งอยู่ตรงนี้ต้องออกจากพื้นที่ตั้งแต่วันที่ 13 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา แต่พี่น้องทั้งหมดยันยันที่จะนั่งกันอยู่ตรงนี้ต่อไป พร้อมกับได้มีการอุทธรณ์คำสั่งเพื่อให้มีการเปลี่ยนแปลงคำสั่งในชั้นตำรวจ แต่ก็ไม่ได้รับการตอบรับแต่อย่างใด"
นายอัครเดช กล่าวว่า วันนี้ (20 ก.พ.) ศาลแพ่งได้เรียกตัวแทนผู้ชุมนุมให้เข้าไต่สวนพิเศษ เพื่อจะพิจารณาทางออกเรื่องนี้ต่อไป ในวันเดียวกันนี้จะมีการประชุมคณะรัฐมนตรีอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งเครือข่ายฯทั้งสองพื้นที่ได้มีข้อตกลงเบื้องต้นว่าจะมีการเดินทางเพื่อไปรับฟังผลการประชุมดังกล่าวที่หน้าทำเนียบรัฐบาล เพื่อที่จะได้ทราบผลการประชุม ครม. เพื่อกำหนดท่าทีการดำเนินการต่อไป
*** ม็อบต้านถ่านหินลั่นยอมถูกจับ
นายประสิทธิชัย หนูนวล ผู้ประสานงานเครือข่าย ปกป้องอันดามันจากถ่านหิน กล่าวว่า ในวันนี้ (20 ก.พ.) กลุ่มผู้ชุมนุมต่อต้านโรงไฟฟ้ากระบี่ที่ปักหลักอดข้าวบริเวณหน้าสำนักงานองค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) จะเคลื่อนขบวนมายังทำเนียบรัฐบาล เพื่อขอคำตอบจากรัฐบาลให้ยุติสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหิน ซึ่งจะเป็นการชุมนุมแบบอารยะขัดขืนไม่มีความรุนแรงใดๆ และพร้อมยอมถูกจับ รวมถึงรับโทษทางกฎหมายทุกอย่าง เพราะที่ผ่านมากลุ่มผู้ชุมนุมได้ปักหลักชุมนุมมา 20 วัน และอดข้าวเป็นเวลา 6-7 วัน แต่ไม่ได้รับคำตอบใดๆ จากรัฐบาล ดังนั้นจึงต้องมีการยกระดับการชุมนุม
***ผบ.ทบ.ย้ำใช้กม.ปกติคุมม็อบ
พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ได้มีการแจ้งให้ผู้ชุมนุม ออกจากพื้นที่การชุมนุมแล้ว เพราะว่าจะมีการเคลื่อนไหวดังนั้นเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องก็ต้องดำเนินการไปตามนั้น อีกทั้งอาจกระทบกับการจราจรในพื้นที่ ดังนั้นเราได้มีการพูดคุยทำความเข้าใจกันมาตลอด เพราะเข้าใจว่าเป็นปัญหามานาน ต่างฝ่ายต่างมีความเชื่อ ต้องใช้เวลาในการดำเนินการ
อย่างไรก็ตามผู้บัญชาการทหารบกกล่าวว่า การชุมนุมกลุ่มดังกล่าว เป็นการชุมนุมที่สงบ เจ้าหน้าที่ก็อำนวยความสะดวกให้ และหากกลุ่มผู้ชุมนุมเคลื่อนย้ายมาที่ทำเนียบรัฐบาล ก็จะทำให้เกิดผลกระทบในวงกว้าง
"หากกลุ่มผู้ชุมนุมจะเคลื่อนไหวเดินทางไปที่ทำเนียบรัฐบาล ทางเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง จะเป็นผู้ดำเนินการโดยใช้อำนาจตามกฎหมายปกติ ในการอำนวยความสะดวกและกำกับดูแลให้ ซึ่งผมคิดว่าไม่น่าที่จะมีปัญหาอะไร" พล.อ.เฉลิมชัย กล่าว
พล.อ.วัลลภ รักเสนาะ เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) กล่าวว่า การเคลื่อนย้ายกลุ่มผู้ชุมนุมไปที่หน้าทำเนียบ ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง เพราะมีเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องดูแลอยู่แล้ว ตนเชื่อว่าสถานการณ์จะไม่บานปลาย อีกทั้งคิดว่าไม่มีใครไปยุยงหรือทำให้สถานการณ์บานปลายขึ้นได้ โดยทางเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงเองจับตามองอยู่