xs
xsm
sm
md
lg

การล่าสัตว์ : กีฬาของคนบาป

เผยแพร่:   โดย: สามารถ มังสัง

องค์ประกอบของการล่วงละเมิดศีล 5 ข้อที่ 1 คือการงดเว้นจากการฆ่าสัตว์มี 4 ประการได้แก่

1. ปาโณ สัตว์นั้นยังมีชีวิตอยู่หมายถึงยังมีลมหายใจเข้าออกอยู่
2. ปาณสญฺญิตา ผู้ฆ่ารู้อยู่ว่าสัตว์นั้นยังมีชีวิต
3. วธกจิตตํ มีความพยายามที่จะฆ่า
4. เตน มรณํ สัตว์ตายด้วยความพยายามนั้น
การกระทำที่มีองค์ประกอบครบทั้ง 4 ประการนี้ ถือว่ามีเจตนาฆ่าสัตว์และผิดศีลข้อนี้

ผู้ที่ล่วงละเมิดศีลข้อนี้ จะได้รับผลของกรรมหรือผลของการกระทำคือ มีอายุไม่ยืนยาวเท่าที่ควรจะมี และมีโรคภัยทุกข์ทรมานก่อนตาย ครั้นตายแล้วไปเกิดในอบายภูมิมีนรก เป็นต้น นี่คือคติความเชื่อตามแนวแห่งคำสอนในพุทธศาสนา

ด้วยเหตุนี้ ชาวพุทธผู้เคร่งครัดในพุทธศาสนา จึงไม่ฆ่าสัตว์ ไม่ทรมานสัตว์ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การล่าสัตว์เป็นกีฬา ถือว่าเป็นกีฬาของคนบาป

ส่วนว่าการฆ่าสัตว์มีโทษฐานล่วงละเมิดศีลนั้น หนักเบาอย่างไร จะเห็นได้จากพระวินัยซึ่งเป็นศีลของนักบวช ทั้งภิกษุ ภิกษุณี รวมไปถึงศีลของสามเณรและสามเณรีด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ของพระภิกษุถ้าฆ่าคนต้องอาบัติปาราชิก มีโทษหนักขาดจากความเป็นภิกษุ และจะบวชอีกไม่ได้ตลอดชีวิต เปรียบได้กับโทษประหารชีวิตตามกระบวนการแห่งกฎหมายบ้านเมือง

แต่ถ้าเป็นสัตว์เดรัจฉาน ต้องอาบัติปาจิตตีย์แสดงอาบัติได้

การล่วงละเมิดศีลอันเนื่องจากการฆ่าสัตว์นั้น มีโทษทางกรรมด้วย และโทษทางกรรมซึ่งมากน้อยไม่เท่ากัน ถ้าฆ่ามนุษย์มีโทษหนักกว่าการฆ่าสัตว์เดรัจฉาน ยิ่งถ้ามนุษย์คนนั้นเป็นพ่อแม่หรือพระอรหันต์โทษหนักถึงขั้นห้ามสวรรค์ และห้ามนิพพาน พูดง่ายๆ ก็คือประตูสวรรค์และประตูนิพพานปิดสำหรับคนที่ทำกรรมเช่นนี้ แต่ประตูนรกเปิดรอตลอดเวลา ตายวันไหน ก็ไปวันนั้น

แม้การฆ่าสัตว์เดรัจฉาน ก็มีโทษหนักเบาไม่เท่ากัน ถ้าเป็นสัตว์ใหญ่และสัตว์มีคุณประโยชน์แก่มนุษย์ มีโทษหนักกว่าสัตว์เล็ก และสัตว์ไม่มีประโยชน์แก่มนุษย์มีโทษด้วย

ดังนั้น การฆ่าสัตว์ใหญ่และสัตว์มีประโยชน์แก่มนุษย์ เช่น ช้าง ม้า และวัว ควาย เป็นต้น ย่อมมีโทษมากกว่าการฆ่าสัตว์เล็ก และสัตว์ที่ไม่มีประโยชน์เช่น ยุง และแมลงศัตรูพืช เป็นต้น

นอกจากผิดศีล และมีโทษทางกรรมแล้ว การฆ่าสัตว์ในปัจจุบันยังมีโทษทางกฎหมาย ถ้าสัตว์นั้นเป็นสัตว์ที่กฎหมายคุ้มครอง เนื่องจากเป็นสัตว์หายาก และใกล้สูญพันธุ์จึงต้องอนุรักษ์ไว้เพื่อเป็นสมบัติของชาติ หรือมิได้เป็นสัตว์คุ้มครอง แต่สัตว์นั้นอยู่ในเขตห้ามล่าก็มีโทษทางกฎหมาย ดังนั้น ถ้าเป็นสัตว์คุ้มครอง และอยู่ในเขตห้ามล่าด้วยแล้ว ยิ่งจะต้องได้รับโทษหนักดังที่ได้เกิดขึ้นในกรณีของนายเปรมชัย กรรณสูต ประธานบริหารบริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) กับพวกรวม 4 คน ซึ่งเข้าไปล่าสัตว์ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร กาญจนบุรี และถูกเจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทำการจับกุม พร้อมกับปืนยาว 3 กระบอก และซากสัตว์ป่าคุ้มครองมีเสือดำ ไก่ฟ้าหลังเทา และเก้ง เพื่อนำไปดำเนินคดีดังที่ปรากฏเป็นข่าวตามที่สื่อแขนงต่างๆ ได้นำเสนอไปแล้วโดยละเอียด และท่านผู้อ่านคงได้ทราบไปแล้วนั้น

จากข่าวที่ปรากฏทางสื่อ ถ้ามองในแง่ของตรรกศาสตร์แล้ว มีประเด็นให้นำมาขบคิดเพื่ออนุมานเหตุแห่งเกิดกรณีนี้หลายประเด็นดังต่อไปนี้

1. ตามปกติการที่จะเข้าไปในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า จะต้องยื่นคำขออนุญาตและเมื่อได้รับอนุญาตแล้ว จึงจะผ่านด่านตรวจเข้าไปได้

แต่จากข่าวที่ปรากฏทางสื่อ คณะของนายเปรมชัยได้ยื่นขออนุญาต แต่ยังไม่ได้รับอนุญาต จึงเกิดเป็นประเด็นคำถามว่า แล้วคณะนี้ผ่านด่านตรวจเข้าไปได้อย่างไร? และคำตอบที่อนุมานได้ในเชิงตรรกะก็คือ เป็นไปได้ว่า เจ้าหน้าที่ซึ่งประจำด่านตรวจในวันที่คณะนี้เข้าไป ปล่อยให้เข้าไปเป็นกรณีพิเศษ จะด้วยได้รับผลประโยชน์เพื่อแลกกับการละเว้นไม่ต้องทำตามระเบียบที่วางไว้ โดยอาศัยอำนาจหน้าที่ของตนเอง หรือจะด้วยเพื่อสนองตอบคำสั่งจากผู้มีอำนาจเหนือตนเองขึ้นไป จึงจำใจต้องปฏิบัติตาม ทั้งๆ ที่รู้ว่าเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายฐานละเว้น ถ้าเป็นเช่นนี้จริง ก็จะต้องรับผลของการกระทำนั้น หากผลของการสอบสวนพาดพิงถึงเพราะคำสั่งที่ผิดกฎหมายไม่ทำตาม ก็ไม่ถือว่าเป็นความผิด เพราะขัดคำสั่ง ดังนั้น อาจต้องรับโทษในฐานะเป็นเจ้าหน้าที่รัฐละเว้นไม่ปฏิบัติ และก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ นี่คือชะตากรรมของข้าราชการไทยซึ่งเกิดขึ้นบ่อยในยุคที่นายทุนครอบงำการเมือง

2. ในการผ่านด่านตรวจขาเข้า จะต้องมีการตรวจค้นเพื่อป้องกันมิให้มีการนำสิ่งผิดกฎหมายเข้าไป และถ้ามีการตรวจค้น ทำไมจึงไม่พบปืน และอุปกรณ์ล่าสัตว์ จึงอนุมานได้ว่าไม่มีการตรวจค้นหรือค้นพบแต่ต้องปล่อยไปตามใบสั่งให้อำนวยความสะดวก หรือเป็นการตัดสินใจเอง โดยอาศัยอำนาจหน้าที่ของตนเอง และการที่อนุมานเช่นนี้ก็ด้วยเชื่อในความรอบคอบและรัดกุมของผู้ออกระเบียบเพื่อคุ้มครองป่าไม้และสัตว์ป่า ว่าคงไม่เปิดช่องให้คนโกงทำได้โดยลำพัง ด้วยเหตุนี้จึงอนุมานได้ว่า จะต้องมีเจ้าหน้าที่เข้าไปเกี่ยวข้อง เพียงแต่ว่าจะเป็นระดับไหนเท่านั้น

3. เมื่อผ่านด่านเข้าไปแล้ว ตามปกติเจ้าหน้าที่จะต้องคอยติดตามดูแลเพื่ออำนวยความสะดวก และเพื่อป้องกันอันตรายอันอาจเกิดขึ้นกับผู้เข้าไปเที่ยวเชิงอนุรักษ์ ทั้งยังเป็นการป้องกันมิให้ผู้เข้าไปพักแรมทำผิดกฎหมายด้วย

ดังนั้น การหลงป่าของคณะนายเปรมชัย ไม่น่าจะเกิดขึ้นได้และถ้าบังเอิญเกิดขึ้นจริง ทำไมจึงไม่ใช้เครื่องมือสื่อสารแจ้งขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ แต่ไม่ปรากฏ

ตามข่าวว่าได้ทำเช่นนั้น และแถมได้มีการตั้งแคมป์พักแรมใกล้แหล่งน้ำที่สัตว์ออกมาหากินในเวลากลางคืนด้วย จึงอนุมานเป็นอย่างอื่นไม่ได้ นอกจากจงใจหลงป่าเพื่อล่าสัตว์

ทั้ง 3 ประเด็นดังกล่าวข้างต้น เป็นข้อกังขาที่ทางฝ่ายสอบสวนเกี่ยวกับคดีนี้ จะต้องค้นคว้าหาความจริง และนำมาเผยแพร่ให้สังคมได้รับรู้ เพื่อความกระจ่างของคดีและจะต้องกระทำด้วยความรวดเร็วเท่าที่จะทำได้ด้วย มิฉะนั้นผู้คนในสังคมจะมองว่าเป็นมวยล้มต้มคนดู และจะส่งผลในทางลบต่อการบังคับใช้กฎหมายของรัฐแล้ว อาจมีผลทางการเมืองตามมา


กำลังโหลดความคิดเห็น