ผู้จัดการรายวัน360 - "ศรีวราห์" เผยไม่พบข้อมูล"เปรมชัย"หนีซุกทวาย ส่วนบ้านพักที่ อ.ภูเรือ เป็นของบริษัท ที่ "เปรมชัย" เป็นกรรมการบริหาร สั่งตรวจสอบรุกป่า "พล.อ.สุรศักดิ์" ลั่นดำเนินคดีทันทีหากรุกป่าสงวนจริง เจ้าหน้าที่ยึดที่ดิน "เปรมชัย" รุกป่าภูเรือ 5 แปลง ส่วนอีก 147 แปลงเพิกถอนคืนกรมป่าไม้นานแล้ว จากการตรวจสอบพบครอบครองที่ดินนับหมื่นไร่ ด้าน ปปป. ทำหนังสือขออนุญาตทำคดีพยายามติดสินบนเจ้าหน้าที่ "ศรีสุวรรณ" ร้องก.ล.ต. สอบพฤติกรมล่าสัตว์ ขัดหลักธรรมาภิบาล หากพบผิด จี้เพิกถอน "อิตาเลียนไทย" จากตลาดหลักทรัพย์ ขณะที่ กมธ.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สนช. เล็งแก้กม.เพิ่มโทษ ผู้ล่าสัตว์
พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร. กล่าวถึงความคืบหน้า การดำเนินคดี นายเปรมชัย กรรณสูต ประธานบริหารและกรรมการ บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล็อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) และพวกรวม 4 คน พร้อมของกลางซากสัตว์ป่าคุ้มครอง อาวุธปืน และเครื่องกระสุนจำนวนมาก เมื่อวันที่ 4 ก.พ. ที่ผ่านมาว่า ขณะนี้สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) ยังไม่มีข้อมูลว่า นายเปรมชัย หลบหนีไปยังประเทศเพื่อนบ้านตามที่เป็นข่าว ส่วนจะเป็นการหลบหนีทางช่องทางธรรมชาติหรือไม่นั้น หากพบมีหลักฐาน ก็สามารถขอศาลพิจารณาเพิกถอนการให้ประกันตัวได้ เนื่องจากนายเปรมชัยได้ประกันตัวในชั้นศาล ตำรวจจึงไม่มีอำนาจก้าวล่วง ซึ่งเมื่อครบกำหนดฝากขัง 12 วัน นับจากวันที่ศาลให้ประกันตัว นายเปรมชัย จะต้องมารายงานตัวต่อศาล หากไม่มาศาลก็จะยึดเงินประกัน
ส่วนบ้านพักที่ อ.ภูเรือ จ.เลย นั้น จากการตรวจสอบไม่ใช่บ้านของนายเปรมชัย แต่เป็นชื่อของ บริษัท ซี.พี.เค. อินเตอร์เนชันแนล จำกัด ผู้ครอบครอง นายเปรมชัย เป็นเพียงกรรมการบริหารเท่านั้น ซึ่งบ้านหลังดังกล่าวจะมีความผิดฐานรุกล้ำพื้นที่ป่าหรือไม่ ต้องให้กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (บก.ปทส.) ตรวจสอบ
อย่างไรก็ตาม ส่วนตัวไม่กังวลว่านายเปรมชัย จะหลุดคดี เพราะตำรวจมีพยานหลักฐาน กรณีนี้ไม่ว่าอย่างไรนายเปรมชัยก็มีความผิด เพียงแค่นำอาวุธปืนเข้าไปในพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ก็ถือว่ามีความผิดแล้ว แม้ว่าจะไม่รับสารภาพว่าเป็นผู้ลงมือยิงก็ตาม ส่วนกรณีที่จะมีการออกหมายเรียกนายนพดล พฤกษะวัน อดีตข้าราชการกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช นั้นยังไม่ทราบรายละเอียด เป็นเรื่องของพนักงานสอบสวน ตนได้นับหนึ่งไปให้แล้ว ที่เหลือพนักงานสอบสวนก็ดำเนินการต่อได้
*** "บิ๊กเต่า" สั่งฟันทันทีหากรุกป่าสงวน
พล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า ได้สั่งให้ศูนย์ปฏิบัติการพิทักษ์ป่า (ศปก.พป.) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งตรวจสอบกรณีบุกรุกป่าของนายเปรมชัย อย่างเข้มข้นเป็นพิเศษ หากตรวจสอบพบการบุกรุกจริงต้องถูกดำเนินคดีทางกฎหมายทันที
*** ยึดที่ "เปรมชัย" รุกป่าภูเรือ 5 แปลง
นายชัยวัฒน์ ชื่นโกสุม ผวจ.เลย ได้เรียก นายพิมล พูลสง่า เจ้าพนักงานที่ดิน จ.เลย และเจ้าหน้าที่สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เข้าพบ พร้อมสั่งการให้รวบรวมข้อมูลหลักฐานในกรณีที่ดินแปลงของ รังเย็นรีสอร์ท ตั้งอยู่ระหว่าง อ.ภูเรือ และ อ.ด่านซ้าย จ.เลย ซึ่งเป็นรีสอร์ท ใหญ่ที่สุดใน จ.เลย รีสอร์ทอยู่ท่ามกลางหุบเขา และฝายน้ำขนาดใหญ่ ปรากฏว่า เป็นของบริษัท ที่มีนายเปรมชัย เป็นเจ้าของ รวมแล้วจำนวนกว่า 1 หมื่นไร่
ทั้งนี้ นายพิมล กล่าวภายหลังชี้แจงกับผู้ว่าฯ ว่า จากหลักฐานที่ดินของ นายเปรมชัย กรรณสูต ถือกรรมสิทธิ์ในพื้นที่ อ.ภูเรือ และมีชื่อโดยตรงมีจำนวน 5 แปลง เป็นโฉนดที่ดิน เลขที่ 2633 - 2637 ตั้งอยู่ที่ ต.ร่องจิก อ.ภูเรือ โดยได้ซื้อมาจากชาวบ้าน โดยมีโฉนด ออกปี 2543 เป็นการออกที่ไม่มีเอกสาร หรือ ที่ดินมือเปล่า
ส่วนกิจการที่ตั้งรังเย็นรีสอร์ทนั้น ไม่ใช่ชื่อของนายเปรมชัย เป็นชื่อของบริษัท ซีพีเค มีนายชัยยุทธ กรรณสูต บิดาของนายเปรมชัย เป็นประธานกรรมการ ที่ดิน เป็นสภาพภูเขา อยู่คาบเกี่ยวกับ อ.ภูเรือ และ อ.ด่านซ้าย มีหลักฐานที่เป็น นส.3 ก. ทั้งหมด 147 แปลง ปรากฏว่า ทั้งหมด 147 แปลง ออกไม่ชอบ ด้วย นส.3 ปี 2547
"ตอนนี้ยังคงเหลือ อีก16 แปลง ซึ่งอยู่ระหว่างการตรวจสอบของกรมพัฒนาที่ดิน ว่าที่ดินเป็นที่ภูเขา ความลาดชันหรือไม่ หลังได้เพิกถอนไปแล้ว ก็กลับไปเป็นที่ดินไม่หลักฐาน และตกไปเป็นที่ดินของป่า แต่การที่จะทำประโยชน์กิจการ ได้ของอนุญาตป่าไม้หรือไม่ ต้องเป็นหน้าที่ของกรมป่าไม้ เข้าตรวจสอบต่อไป" นายพิมล กล่าว
3 แหล่งข่าว กล่าวถึงที่ดินในส่วนของ รังเย็นรีสอร์ท ยังเป็นพื้นที่ที่ถูกยกเลิกหรือไม่ แปลงที่มีโฉนด อยู่ตรงไหน และแปลงที่ถูกเพิกถอน อยู่ตรงพิกัดไหน เจ้าหน้าที่จะเข้าตรวจสอบให้ละเอียดอีกครั้ง
3 ขณะที่ผู้ดูแลรีสอร์ท กล่าวว่า รังเย็นรีสอร์ท มีพื้นที่ทั้งหมด 19 ไร่ มีเอกการสิทธิถูกต้อง เป็นโฉนด เคยมีเจ้าหน้าที่มาตรวจหลายครั้งแล้ว
*** ปปป.ขออนุมัติทำคดี"เปรมชัย"ติดสินบน
ส่วนกรณีที่นายวิเชียร ชิณวงษ์ นักวิชาการป่าไม้ชำนาญการ ทำหน้าที่หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันตก แจ้งความกับกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (ปปป.) ให้ดำเนินคดี นายเปรมชัย ข้อหาว่าจะให้ทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใด แก่เจ้าพนักงานเพื่อจูงใจให้กระทำการไม่กระทำการ หรือประวิงการกระทำอันมิชอบด้วยหน้าที่ นั้น พล.ต.ต.กมล เหรียญราชา ผบก.ปปป. กล่าวว่า การร้องทุกข์ดังกล่าวไม่ใช่อำนาจหน้าที่โดยตรง จำเป็นต้องขอคำสั่งจากทาง พล.ต.ท.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ ผบช.ก. ซึ่งได้ทำหนังสือขออนุมัติสืบสวนคดีดังกล่าว ส่งให้กับทางกองบัญชากการสอบสวนกลาง วานนี้ (12 ก.พ.) ซึ่งคาดจะทราบผลการอนุมัติภายในสัปดาห์นี้
อย่างไรก็ตาม เมื่อได้รับการอนุมัติให้สอบสวน ขั้นตอนแรกทางพนักงานสอบสวนต้องเรียกตัว นายวิเชียร ให้เข้ามาสอบสวนอย่างละเอียด พร้อมตรวจสอบหลักฐาน ก่อนจะดำเนินการขั้นต่อไป
*** ทนายยัน “เปรมชัย” อยู่ไทย
นายวิทูลย์ พรายแย้ม ทนายความนายเปรมชัย กล่าวถึงกระแสข่าวที่นายเปรมชัย หลบหนีออกประเทศโดยใช้เส้นทางธรรมชาติ ว่า นายเปรมชัย ยังอยู่ในประเทศไทย และยังออกปฏิบัติหน้าที่ ตรวจงานตามไซด์งานทุกวัน โดยนายเปรมชัย ไม่ได้รู้สึกกังวล หรือเครียดกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ส่วนกรณีการสอบปากคำเพิ่มเติม ของพนักงานสอบสวน สภ.ทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี นายวิทูลย์ ระบุ ยังไม่มีการประสานงานมา และศาลนัดรายงานตัววันที่ 17 ก.พ.นั้น ทนายความยืนยันว่า ศาลนัดอีกครั้ง 26 มีนาคมนี้
**ร้องก.ล.ต.ตรวจสอบธรรมาภิบาล
ด้านนายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า เนื่องจากนายเปรมชัย เป็นกรรมการ และผู้บริหารบริษัทมหาชน ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ก.ล.ต.) และเป็นบริษัทที่ประมูลรับเหมางานของภาครัฐเป็นจำนวนมาก การกระทำของนายเปรมชัย จึงขัดต่อหลักธรรมาภิบาล และขัดต่อกฎหมาย ข้อบังคับ ที่เกี่ยวข้องกับ พ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 หลายมาตรา ทางสมาคมฯ จึงจะนำความไปร้องเรียนต่อ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อตรวจสอบ และไต่สวนข้อเท็จจริง หากพบความผิดตามกฎหมาย ก็จะนำไปสู่การลงโทษ นายเปรมชัย ในฐานะประธานบริหารบริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด(มหาชน) ซึ่งเป็นบริษัทมหาชน ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งอาจเข้าข่ายถูกเพิกถอนการจดทะเบียนได้ต่อไป โดยตนจะเดินทางไปยื่นคำร้องต่อ ก.ล.ต.ในวันนี้ (13 ก.พ.)
** เล็งแก้กม.เพิ่มโทษผู้ล่าสัตว์
พล.ท.ชัยยุทธ พร้อมสุข ประธานคณะกรรมาธิการการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สนช. และสมาชิกคณะกมธ. ร่วมกันแถลงข่าว ถึงกรณีเจ้าหน้าที่ เข้าจับกุม นายเปรมชัย กับพวก ว่าการกระทำดังกล่าวเป็นการละเมิด พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2535 และหลายฐานความผิด ซึ่งเหตุการณ์ และบุคคลที่เกี่ยวข้อง จะต้องเข้าสู่กระบวนการทางกฎหมายต่อไป
ทั้งนี้ ในวันที่ 15 ก.พ.นี้ ทางกมธ.จะเชิญ น.ส.กาญจนา นิตยะ ผอ.สำนักอนุรักษ์สัตว์ป่า กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช และ นายวิเชียร ชินวงษ์ หน.เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร มาพบ เพื่อแสดงความขอบคุณ และให้กำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ รวมทั้งตรวจสอบข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น
"คณะกรรมาธิการ ขอยกย่อง สดุดี ขอเชิดชู ส่งเสริม สนับสนุน ดูแล ปกป้องเจ้าหน้าที่ที่ดี เพื่อการพิทักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ขอให้เจ้าหน้าที่ทุกท่าน ปฏิบัติงานด้วยความกล้าหาญ ซื่อสัตย์ สุจริต และเป็นแบบอย่างที่ดีให้แก่ชนรุ่นหลัง และทุกๆ คนในชาติต่อไป" พล.ท.ชัยยุทธ กล่าว
นอกจากนี้ จะมีการพิจารณาเพื่อเพิ่มบทลงโทษ ผู้ที่นำอาวุธเข้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าและล่าสัตว์ให้รุนแรงขึ้นด้วย โดยขณะนี้กระทรวงทรัพยากรฯ อยู่ในระหว่างเตรียมการเสนอแก้ไข พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2535 ซึ่งหากเข้าสู่ขั้นตอนการพิจารณาของ สนช. กรรมาธิการฯ ก็จะพิจารณาเพื่อเสนอเรื่องการเพิ่มบทลงโทษให้มีความเหมาะสมมากขึ้นด้วย
พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร. กล่าวถึงความคืบหน้า การดำเนินคดี นายเปรมชัย กรรณสูต ประธานบริหารและกรรมการ บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล็อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) และพวกรวม 4 คน พร้อมของกลางซากสัตว์ป่าคุ้มครอง อาวุธปืน และเครื่องกระสุนจำนวนมาก เมื่อวันที่ 4 ก.พ. ที่ผ่านมาว่า ขณะนี้สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) ยังไม่มีข้อมูลว่า นายเปรมชัย หลบหนีไปยังประเทศเพื่อนบ้านตามที่เป็นข่าว ส่วนจะเป็นการหลบหนีทางช่องทางธรรมชาติหรือไม่นั้น หากพบมีหลักฐาน ก็สามารถขอศาลพิจารณาเพิกถอนการให้ประกันตัวได้ เนื่องจากนายเปรมชัยได้ประกันตัวในชั้นศาล ตำรวจจึงไม่มีอำนาจก้าวล่วง ซึ่งเมื่อครบกำหนดฝากขัง 12 วัน นับจากวันที่ศาลให้ประกันตัว นายเปรมชัย จะต้องมารายงานตัวต่อศาล หากไม่มาศาลก็จะยึดเงินประกัน
ส่วนบ้านพักที่ อ.ภูเรือ จ.เลย นั้น จากการตรวจสอบไม่ใช่บ้านของนายเปรมชัย แต่เป็นชื่อของ บริษัท ซี.พี.เค. อินเตอร์เนชันแนล จำกัด ผู้ครอบครอง นายเปรมชัย เป็นเพียงกรรมการบริหารเท่านั้น ซึ่งบ้านหลังดังกล่าวจะมีความผิดฐานรุกล้ำพื้นที่ป่าหรือไม่ ต้องให้กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (บก.ปทส.) ตรวจสอบ
อย่างไรก็ตาม ส่วนตัวไม่กังวลว่านายเปรมชัย จะหลุดคดี เพราะตำรวจมีพยานหลักฐาน กรณีนี้ไม่ว่าอย่างไรนายเปรมชัยก็มีความผิด เพียงแค่นำอาวุธปืนเข้าไปในพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ก็ถือว่ามีความผิดแล้ว แม้ว่าจะไม่รับสารภาพว่าเป็นผู้ลงมือยิงก็ตาม ส่วนกรณีที่จะมีการออกหมายเรียกนายนพดล พฤกษะวัน อดีตข้าราชการกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช นั้นยังไม่ทราบรายละเอียด เป็นเรื่องของพนักงานสอบสวน ตนได้นับหนึ่งไปให้แล้ว ที่เหลือพนักงานสอบสวนก็ดำเนินการต่อได้
*** "บิ๊กเต่า" สั่งฟันทันทีหากรุกป่าสงวน
พล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า ได้สั่งให้ศูนย์ปฏิบัติการพิทักษ์ป่า (ศปก.พป.) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งตรวจสอบกรณีบุกรุกป่าของนายเปรมชัย อย่างเข้มข้นเป็นพิเศษ หากตรวจสอบพบการบุกรุกจริงต้องถูกดำเนินคดีทางกฎหมายทันที
*** ยึดที่ "เปรมชัย" รุกป่าภูเรือ 5 แปลง
นายชัยวัฒน์ ชื่นโกสุม ผวจ.เลย ได้เรียก นายพิมล พูลสง่า เจ้าพนักงานที่ดิน จ.เลย และเจ้าหน้าที่สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เข้าพบ พร้อมสั่งการให้รวบรวมข้อมูลหลักฐานในกรณีที่ดินแปลงของ รังเย็นรีสอร์ท ตั้งอยู่ระหว่าง อ.ภูเรือ และ อ.ด่านซ้าย จ.เลย ซึ่งเป็นรีสอร์ท ใหญ่ที่สุดใน จ.เลย รีสอร์ทอยู่ท่ามกลางหุบเขา และฝายน้ำขนาดใหญ่ ปรากฏว่า เป็นของบริษัท ที่มีนายเปรมชัย เป็นเจ้าของ รวมแล้วจำนวนกว่า 1 หมื่นไร่
ทั้งนี้ นายพิมล กล่าวภายหลังชี้แจงกับผู้ว่าฯ ว่า จากหลักฐานที่ดินของ นายเปรมชัย กรรณสูต ถือกรรมสิทธิ์ในพื้นที่ อ.ภูเรือ และมีชื่อโดยตรงมีจำนวน 5 แปลง เป็นโฉนดที่ดิน เลขที่ 2633 - 2637 ตั้งอยู่ที่ ต.ร่องจิก อ.ภูเรือ โดยได้ซื้อมาจากชาวบ้าน โดยมีโฉนด ออกปี 2543 เป็นการออกที่ไม่มีเอกสาร หรือ ที่ดินมือเปล่า
ส่วนกิจการที่ตั้งรังเย็นรีสอร์ทนั้น ไม่ใช่ชื่อของนายเปรมชัย เป็นชื่อของบริษัท ซีพีเค มีนายชัยยุทธ กรรณสูต บิดาของนายเปรมชัย เป็นประธานกรรมการ ที่ดิน เป็นสภาพภูเขา อยู่คาบเกี่ยวกับ อ.ภูเรือ และ อ.ด่านซ้าย มีหลักฐานที่เป็น นส.3 ก. ทั้งหมด 147 แปลง ปรากฏว่า ทั้งหมด 147 แปลง ออกไม่ชอบ ด้วย นส.3 ปี 2547
"ตอนนี้ยังคงเหลือ อีก16 แปลง ซึ่งอยู่ระหว่างการตรวจสอบของกรมพัฒนาที่ดิน ว่าที่ดินเป็นที่ภูเขา ความลาดชันหรือไม่ หลังได้เพิกถอนไปแล้ว ก็กลับไปเป็นที่ดินไม่หลักฐาน และตกไปเป็นที่ดินของป่า แต่การที่จะทำประโยชน์กิจการ ได้ของอนุญาตป่าไม้หรือไม่ ต้องเป็นหน้าที่ของกรมป่าไม้ เข้าตรวจสอบต่อไป" นายพิมล กล่าว
3 แหล่งข่าว กล่าวถึงที่ดินในส่วนของ รังเย็นรีสอร์ท ยังเป็นพื้นที่ที่ถูกยกเลิกหรือไม่ แปลงที่มีโฉนด อยู่ตรงไหน และแปลงที่ถูกเพิกถอน อยู่ตรงพิกัดไหน เจ้าหน้าที่จะเข้าตรวจสอบให้ละเอียดอีกครั้ง
3 ขณะที่ผู้ดูแลรีสอร์ท กล่าวว่า รังเย็นรีสอร์ท มีพื้นที่ทั้งหมด 19 ไร่ มีเอกการสิทธิถูกต้อง เป็นโฉนด เคยมีเจ้าหน้าที่มาตรวจหลายครั้งแล้ว
*** ปปป.ขออนุมัติทำคดี"เปรมชัย"ติดสินบน
ส่วนกรณีที่นายวิเชียร ชิณวงษ์ นักวิชาการป่าไม้ชำนาญการ ทำหน้าที่หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันตก แจ้งความกับกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (ปปป.) ให้ดำเนินคดี นายเปรมชัย ข้อหาว่าจะให้ทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใด แก่เจ้าพนักงานเพื่อจูงใจให้กระทำการไม่กระทำการ หรือประวิงการกระทำอันมิชอบด้วยหน้าที่ นั้น พล.ต.ต.กมล เหรียญราชา ผบก.ปปป. กล่าวว่า การร้องทุกข์ดังกล่าวไม่ใช่อำนาจหน้าที่โดยตรง จำเป็นต้องขอคำสั่งจากทาง พล.ต.ท.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ ผบช.ก. ซึ่งได้ทำหนังสือขออนุมัติสืบสวนคดีดังกล่าว ส่งให้กับทางกองบัญชากการสอบสวนกลาง วานนี้ (12 ก.พ.) ซึ่งคาดจะทราบผลการอนุมัติภายในสัปดาห์นี้
อย่างไรก็ตาม เมื่อได้รับการอนุมัติให้สอบสวน ขั้นตอนแรกทางพนักงานสอบสวนต้องเรียกตัว นายวิเชียร ให้เข้ามาสอบสวนอย่างละเอียด พร้อมตรวจสอบหลักฐาน ก่อนจะดำเนินการขั้นต่อไป
*** ทนายยัน “เปรมชัย” อยู่ไทย
นายวิทูลย์ พรายแย้ม ทนายความนายเปรมชัย กล่าวถึงกระแสข่าวที่นายเปรมชัย หลบหนีออกประเทศโดยใช้เส้นทางธรรมชาติ ว่า นายเปรมชัย ยังอยู่ในประเทศไทย และยังออกปฏิบัติหน้าที่ ตรวจงานตามไซด์งานทุกวัน โดยนายเปรมชัย ไม่ได้รู้สึกกังวล หรือเครียดกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ส่วนกรณีการสอบปากคำเพิ่มเติม ของพนักงานสอบสวน สภ.ทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี นายวิทูลย์ ระบุ ยังไม่มีการประสานงานมา และศาลนัดรายงานตัววันที่ 17 ก.พ.นั้น ทนายความยืนยันว่า ศาลนัดอีกครั้ง 26 มีนาคมนี้
**ร้องก.ล.ต.ตรวจสอบธรรมาภิบาล
ด้านนายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า เนื่องจากนายเปรมชัย เป็นกรรมการ และผู้บริหารบริษัทมหาชน ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ก.ล.ต.) และเป็นบริษัทที่ประมูลรับเหมางานของภาครัฐเป็นจำนวนมาก การกระทำของนายเปรมชัย จึงขัดต่อหลักธรรมาภิบาล และขัดต่อกฎหมาย ข้อบังคับ ที่เกี่ยวข้องกับ พ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 หลายมาตรา ทางสมาคมฯ จึงจะนำความไปร้องเรียนต่อ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อตรวจสอบ และไต่สวนข้อเท็จจริง หากพบความผิดตามกฎหมาย ก็จะนำไปสู่การลงโทษ นายเปรมชัย ในฐานะประธานบริหารบริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด(มหาชน) ซึ่งเป็นบริษัทมหาชน ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งอาจเข้าข่ายถูกเพิกถอนการจดทะเบียนได้ต่อไป โดยตนจะเดินทางไปยื่นคำร้องต่อ ก.ล.ต.ในวันนี้ (13 ก.พ.)
** เล็งแก้กม.เพิ่มโทษผู้ล่าสัตว์
พล.ท.ชัยยุทธ พร้อมสุข ประธานคณะกรรมาธิการการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สนช. และสมาชิกคณะกมธ. ร่วมกันแถลงข่าว ถึงกรณีเจ้าหน้าที่ เข้าจับกุม นายเปรมชัย กับพวก ว่าการกระทำดังกล่าวเป็นการละเมิด พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2535 และหลายฐานความผิด ซึ่งเหตุการณ์ และบุคคลที่เกี่ยวข้อง จะต้องเข้าสู่กระบวนการทางกฎหมายต่อไป
ทั้งนี้ ในวันที่ 15 ก.พ.นี้ ทางกมธ.จะเชิญ น.ส.กาญจนา นิตยะ ผอ.สำนักอนุรักษ์สัตว์ป่า กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช และ นายวิเชียร ชินวงษ์ หน.เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร มาพบ เพื่อแสดงความขอบคุณ และให้กำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ รวมทั้งตรวจสอบข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น
"คณะกรรมาธิการ ขอยกย่อง สดุดี ขอเชิดชู ส่งเสริม สนับสนุน ดูแล ปกป้องเจ้าหน้าที่ที่ดี เพื่อการพิทักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ขอให้เจ้าหน้าที่ทุกท่าน ปฏิบัติงานด้วยความกล้าหาญ ซื่อสัตย์ สุจริต และเป็นแบบอย่างที่ดีให้แก่ชนรุ่นหลัง และทุกๆ คนในชาติต่อไป" พล.ท.ชัยยุทธ กล่าว
นอกจากนี้ จะมีการพิจารณาเพื่อเพิ่มบทลงโทษ ผู้ที่นำอาวุธเข้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าและล่าสัตว์ให้รุนแรงขึ้นด้วย โดยขณะนี้กระทรวงทรัพยากรฯ อยู่ในระหว่างเตรียมการเสนอแก้ไข พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2535 ซึ่งหากเข้าสู่ขั้นตอนการพิจารณาของ สนช. กรรมาธิการฯ ก็จะพิจารณาเพื่อเสนอเรื่องการเพิ่มบทลงโทษให้มีความเหมาะสมมากขึ้นด้วย