วานนี้ (8 ก.พ.) นายคำรณ ชูเดชา ผู้ประสานงานขบวนการสร้างเสริมสุขภาพภาคประชาชน (ขสช.) นำตัวแทนองค์กร และบุคคลที่ดำเนินโครงการ ซึ่งได้รับการสนับสนุนจาก กองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กว่า 30 คน เข้ายื่นจดหมายเปิดผนึกถึง นายประสงค์ พูนธเนศ อธิบดีกรมสรรพากร เพื่อร้องขอความเป็นธรรม กรณี สรรพกรพื้นที่ มีหนังสือเรียกเก็บภาษีย้อนหลังอย่างไม่เป็นธรรม จากนั้นได้นำหนังสือร้องเรียนไปแปะติดไว้ด้านข้างอาคารกรมสรรพกร
นายคำรณ กล่าวว่า ขณะนี้มีผู้ที่รับทุนสนับสนุนจากสสส. กว่า 5,000 โครงการ มีประมาณ 300 โครงการ ที่กำลังได้รับความเดือนร้อน เนื่องจากสรรพากรเขต มีหนังสือสั่งให้ไปเสียภาษีย้อนหลัง พร้อมจ่ายค่าปรับ 6 เท่า ทั้งที่ปกติ การรับทุนจาก สสส. จะแยกส่วนของเงินค่าบริหารโครงการ ซึ่งเป็นค่าจ้างบุคลากร และมีการหักภาษี ณ ที่จ่ายไปแล้ว ส่วนค่าใช้จ่ายโครงการ เป็นค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่ต้องใช้ตามแผนงาน อีกทั้งสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ลงตรวจสอบทุกปี ไม่เคยมีปัญหา และก่อนหน้านี้นายกรัฐมนตรี เคยมีหนังสือสั่งการให้เร่งแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนในกรณีนี้เป็นการด่วน และมีข้อยุติไปนานแล้ว แต่กรมสรรพากร กลับทำตรงกันข้าม ยิ่งสร้างความเดือดร้อน ทำลายขวัญ และกำลังใจคนทำงานภาคสังคม
"เครือข่ายฯ ยืนยันว่าเราเสียภาษีถูกต้องตามกฎหมาย แต่กำลังถูกบิดเบือนให้สังคมเข้าใจผิดว่า เป็นคนเลี่ยงภาษี จากการตีความที่ไม่เป็นธรรม ของสรรพากร ให้เป็น“สัญญาจ้างทำของ”เหมือนธุรกิจ เป็นการค้าขาย มีกำไร เพื่อจัดเก็บภาษีย้อนหลัง โดยคิดจากเงินโครงการที่ได้รับทั้งหมด ไม่ใช่เก็บภาษีเฉพาะเงินค่าตอบแทนของผู้ปฏิบัติงาน อย่างที่เป็นมา ซึ่งการตีความลักษณะนี้ แสดงว่า สรรพากรไม่เข้าใจบทบาทการทำงานของ สสส. และภาคี หรืออาจจะรู้ แต่ดื้อแพ่งแกล้งทำเป็นไม่รู้ ซึ่งหลังจากนี้เครือข่ายฯเตรียมไปร้องศาลปกครอง และดำเนินคดีอาญา มาตรา 157 ฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบกับผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด และเตรียมร้องเรียนนายกรัฐมนตรี ในสัปดาห์หน้า หากไม่ได้ข้อยุติในเรื่องนี้" นายคำรณ กล่าว
นายคำรณ กล่าวว่า ขณะนี้มีผู้ที่รับทุนสนับสนุนจากสสส. กว่า 5,000 โครงการ มีประมาณ 300 โครงการ ที่กำลังได้รับความเดือนร้อน เนื่องจากสรรพากรเขต มีหนังสือสั่งให้ไปเสียภาษีย้อนหลัง พร้อมจ่ายค่าปรับ 6 เท่า ทั้งที่ปกติ การรับทุนจาก สสส. จะแยกส่วนของเงินค่าบริหารโครงการ ซึ่งเป็นค่าจ้างบุคลากร และมีการหักภาษี ณ ที่จ่ายไปแล้ว ส่วนค่าใช้จ่ายโครงการ เป็นค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่ต้องใช้ตามแผนงาน อีกทั้งสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ลงตรวจสอบทุกปี ไม่เคยมีปัญหา และก่อนหน้านี้นายกรัฐมนตรี เคยมีหนังสือสั่งการให้เร่งแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนในกรณีนี้เป็นการด่วน และมีข้อยุติไปนานแล้ว แต่กรมสรรพากร กลับทำตรงกันข้าม ยิ่งสร้างความเดือดร้อน ทำลายขวัญ และกำลังใจคนทำงานภาคสังคม
"เครือข่ายฯ ยืนยันว่าเราเสียภาษีถูกต้องตามกฎหมาย แต่กำลังถูกบิดเบือนให้สังคมเข้าใจผิดว่า เป็นคนเลี่ยงภาษี จากการตีความที่ไม่เป็นธรรม ของสรรพากร ให้เป็น“สัญญาจ้างทำของ”เหมือนธุรกิจ เป็นการค้าขาย มีกำไร เพื่อจัดเก็บภาษีย้อนหลัง โดยคิดจากเงินโครงการที่ได้รับทั้งหมด ไม่ใช่เก็บภาษีเฉพาะเงินค่าตอบแทนของผู้ปฏิบัติงาน อย่างที่เป็นมา ซึ่งการตีความลักษณะนี้ แสดงว่า สรรพากรไม่เข้าใจบทบาทการทำงานของ สสส. และภาคี หรืออาจจะรู้ แต่ดื้อแพ่งแกล้งทำเป็นไม่รู้ ซึ่งหลังจากนี้เครือข่ายฯเตรียมไปร้องศาลปกครอง และดำเนินคดีอาญา มาตรา 157 ฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบกับผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด และเตรียมร้องเรียนนายกรัฐมนตรี ในสัปดาห์หน้า หากไม่ได้ข้อยุติในเรื่องนี้" นายคำรณ กล่าว