xs
xsm
sm
md
lg

สงสารนายกฯ ประยุทธ์

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: สุรวิชช์ วีรวรรณ


“วันนี้อย่ารักผมคนเดียว รักรองนายกรัฐมนตรี รักรัฐมนตรี วันนี้ มาทั้ง ครม. ประยุทธ์ คนเดียวอยู่ไม่ได้ ต้องอยู่ด้วยกันทั้งหมดนี่แหละ ใครต้องออกไปออกมา มันวุ่นกันไปหมด ต้องอยู่ด้วยกันวันนี้ เพราะเป็นสิ่งที่เรามุ่งมั่น หากมีอะไรบกพร่องไปต้องขอโทษด้วย ไม่มีเจตนาเพื่ออะไรทั้งสิ้น อยู่ที่พวกเรา อย่ามาบอกว่าสืบทอดอำนาจ เพราะอำนาจอยู่ที่ประชาชนไปเลือกเอาเอง” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช.พูดกับประชาชนที่จังหวัดจันทบุรี

วันเดียวกัน พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม ได้ส่งข้อความทางไลน์มาถึงสื่อมวลชนภายหลังคณะของ พล.อ.ประวิตร เดินทางถึงประเทศสิงคโปร์ โดยมีข้อความยืนยันว่า “พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ยังคงปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหมต่อไปโดยไม่ลาออกตามที่เป็นข่าว และจะทำงานด้วยความมุ่งมั่นเพื่อประเทศชาติและประชาชนต่อไปจนกว่าจะจบภารกิจ”

โดยก่อนหน้านั้นโฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าวกับผู้สื่อข่าวมาแล้วว่า ขอให้เชื่อมั่นร่วมกันว่ากองทัพยังเป็นเอกภาพและมีความเป็นหนึ่งเดียวกันที่จะทำหน้าที่หลักประกันความมั่นคงของประเทศเคียงข้างประชาชน พร้อมทั้งขอยืนยันว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และรมว.กลาโหมยังมีกำลังใจ และสุขภาพแข็งแรงดี มีจิตใจเข้มแข็ง หนักแน่นและมั่นคงที่จะทุ่มเทปฏิบัติหน้าที่เป็นแกนหลักในการดูแลความมั่นคงของประเทศและรักษาความปลอดภัยของสังคมต่อไป

ด้านหนึ่งพล.อ.ประยุทธ์มีท่าทีชัดเจนว่า ออกมาปกป้องพล.อ.ประวิตร ยืนยันชัดเจนว่า ถ้าขาดพล.อ.ประวิตรคงอยู่ไม่ได้ เหมือนที่เคยบอกว่าจะอยู่กันไปตลอดชาติ

ด้านหนึ่งกองทัพออกมาสนับสนุนพล.อ.ประวิตรเต็มตัวว่า จะต้องอยู่เพื่อปฏิบัติภารกิจให้จบก่อน โดยยืนยันว่ากองทัพเป็นเอกภาพและมีความมั่นคง ซึ่งตีความได้โดยไม่ต้องอ้อมค้อมว่า กองทัพพร้อมยืนเคียงข้างกับพล.อ.ประวิตรให้อยู่ในตำแหน่งต่อไป

แม้ว่าวันนี้พล.อ.ประยุทธ์ จะมีสถานะเป็นผู้บังคับบัญชาของพล.อ.ประวิตรในทางกฎหมาย แต่เราคงต้องยอมรับความผิดว่า แท้จริงแล้วพล.อ.ประวิตรนั้นมีฐานะที่เหนือกว่าพล.อ.ประยุทธ์มาก ทั้งเคยเป็นอดีตผู้บังคับบัญชากันมา และเป็นคนที่ลิขิตขีดเส้นทางเดินให้พล.อ.ประยุทธ์เดินมาถึงวันนี้

ขุมเครือข่ายอำนาจในกองทัพ ในทางการเมืองและธุรกิจ ก็ล้วนแล้วแต่เป็นคอนเนกชั่นของพล.อ.ประวิตรทั้งสิ้น มีคนบอกว่า ถ้าพล.อ.ประยุทธ์เป็นแมว พล.อ.ประวิตรก็เป็นหนวดแมว

พล.อ.ประวิตร ขึ้นเป็นผู้บัญชาการทหารบกได้ในสมัยที่ทักษิณเรืองอำนาจ มีข่าวว่าจะเข้ามาเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมหลายครั้งในสมัยรัฐบาลนอมินีเครือข่ายของระบอบทักษิณ แต่มาได้เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมในสมัยรัฐบาลอภิสิทธิ์ เพราะเป็นคนดึงปีกเนวินพลิกขั้วมาสนับสนุนอภิสิทธิ์ จนโหวตชนะพรรคพลังประชาชนที่ส่งพล.ต.อ.ประชา พรหมนอก มาท้าชิง

พล.อ.ประวิตรจึงเป็นคนที่ฝักใฝ่อำนาจทางการเมืองมาโดยตลอด แต่แม้วันที่พล.อ.ประยุทธ์ ประกาศสถานะตัวเองเป็นนักการเมือง นักข่าวไปถามพล.อ.ประวิตรก็ยังยืนยันว่า ตนเองไม่ได้เป็นนักการเมือง แค่เข้ามาทำงานการเมือง ไม่เคยคิดจะลงเลือกตั้ง แต่หากพล.อ.ประยุทธ์จะลงเล่นการเมืองก็จะสนับสนุน

พล.อ.ประวิตรน่าจะรู้ตัวดีว่า ตัวเองนั้นเป็นคนไม่มีความนิยมในหมู่ประชาชน ซึ่งถ้าพูดกันตามตรงพล.อ.ประวิตรนั้นมีภาพที่เป็นลบมาก ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มสีการเมืองฝ่ายไหน ไม่มีความน่าเชื่อถือเลยก็ว่าได้ ถ้าคนทั่วไปอย่างเราๆ รู้พล.อ.ประยุทธ์ก็น่าจะรู้ แต่ด้วยบุญคุณที่ทดแทนกันมาและจำเป็นต้องอาศัยคอนเนกชั่นของพล.อ.ประวิตร พล.อ.ประยุทธ์ต้องอ้อนวอนให้คนที่รักตัวเองรักพล.อ.ประวิตรด้วย

ความสัมพันธ์ของสองคนนั้นเป็นเงาอดีตที่ไม่อาจลบไปได้ สังคมทหารนั้นมีอมตะวาจาที่พล.อ.สุนทร คงสมพงษ์ กล่าวไว้ว่า “ไม่ฆ่าน้อง ไม่ฟ้องนาย ไม่ขายเพื่อน” แต่อย่างที่บอกไว้ว่าพล.อ.ประยุทธ์เองก็น่าจะรู้ว่า ภาพของพล.อ.ประวิตรเป็นลบ รู้ว่าหากพล.อ.ประวิตรยังฝืนกระแสอยู่ต่อจะส่งผลกระทบต่อรัฐบาลอย่างไร แต่ถ้าเราเป็นพล.อ.ประยุทธ์ก็คงเป็นเรื่องยากเหมือนกันที่จะจัดการอย่างไรกับเรื่องของพล.อ.ประวิตร

ความผูกพันกันมาและการต้องพึ่งพาอาศัยกันมาของ 3ป.รวมถึงพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ที่เป็นอดีตผู้บังคับบัญชาที่ส่งไม้ต่อให้พล.อ.ประยุทธ์ขึ้นมามีอำนาจในกองทัพด้วย ทำให้เป็นเรื่องยากที่จะตัดรอน

การแสดงออกต่อสาธารณะกับความรู้สึกในใจของพล.อ.ประยุทธ์นั้น แม้ภายนอกจะมีท่าทีปกป้องพล.อ.ประวิตร แต่เราไม่มีวันรู้ว่า ภายในใจลึกๆ นั้นเหมือนหรือต่างกันอย่างไร แต่เชื่อว่าต้องมีความลำบากใจและหนักใจอยู่ไม่น้อย

ถามว่า ตอนนี้พล.อ.ประยุทธ์ยังจะต้องพึ่งพาพล.อ.ประวิตรอีกไหม ผมคิดว่าไม่แล้วนะครับ เพราะเกือบ 4 ปีมานี้ พล.อ.ประยุทธ์สร้างบารมี คอนเนกชั่น และความนิยมส่วนตัวได้ในระดับหนึ่ง แม้กองหนุนจะลดลงไปบ้างตามที่พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ บอก แต่ถ้าช่วงเวลาที่เหลือได้แสดงออกมาให้เห็นถึงความมุ่งมั่นที่จะเข้ามาแก้ปัญหาบ้านเมือง มุ่งมั่นที่จะปฏิรูปด้านต่างๆ ที่ประชาชนเรียกร้อง และทำให้ชนชั้นล่างและชนชั้นกลางได้อานิสงส์จากภาวะเศรษฐกิจไม่ใช่อวดตัวเลขสวยอย่างเดียว กองหนุนก็อาจจะฟื้นกลับมาซึ่งเป็นสิ่งที่ป๋าเปรมพูดไว้แล้ว

ที่สำคัญการวางบทบาทและสถานะของพล.อ.ประยุทธ์ ตอนนี้นั้นมีเป้าหมายที่จะไปต่อหลังเลือกตั้งแน่ ปัญหาและอุปสรรคตามรัฐธรรมนูญที่กำหนดให้การเปิดทางไปสู่นายกฯ คนนอกต้องใช้เสียงสองสภา 2 ใน 3 หรือ 500 เสียงอาจจะเป็นเรื่องยากที่จะฟันฝ่าอยู่แล้วเพราะพรรคการเมืองใหญ่ 2 พรรค 2 ขั้วประกาศไม่เอาด้วย อุปสรรคต่อมาก็คือ พล.อ.ประวิตรนี่แหละ

พล.อ.ประยุทธ์ก็ย่อมรู้ดีว่า ถ้าไม่มีพล.อ.ประวิตรอยู่ข้างๆ เป็นตัวตัดคะแนนก็น่าจะดีกว่า แต่จะทำอย่างไรได้เล่า
ถ้าถามว่าหากพล.อ.ประวิตรเองก็รู้ว่าตัวเองนั้นเป็นอุปสรรคของรัฐบาลและอนาคตของพล.อ.ประยุทธ์ มีโอกาสไหมที่พล.อ.ประวิตรจะเป็นคนเปิดประตูไปสู่ทางออกเสียเอง ผมว่ามันเป็นไปได้ถ้ามีทางออกเรื่องนาฬิกาให้จบลงอย่างที่พล.อ.ประวิตรไม่เจ็บตัว วันนี้พล.อ.ประวิตรอาจขอแค่ทางลงสวยๆ และเฟสตัวเองออกไปอยู่หลังฉากโดยยังมีอิทธิพลต่อรัฐบาลอยู่

เพราะวันนี้มีเสียงสะท้อนออกมาเหมือนกันจากคนในว่า พล.อ.ประวิตรต้องการทางลงที่ซอฟท์แลนดิ้งเท่านั้นเอง

แล้วทางออกเรื่องนาฬิกาจะจบลงสวยๆ ได้ไหม ผมว่ามันยากนะ เพราะเรื่องนี้สังคมทั้งสังคมฟันธงไปหมดแล้ว ยังนึกไม่ออกเลยเมื่อมองเจตนารมณ์ของการจัดตั้ง ป.ป.ช.ว่า คณะกรรมการ ป.ป.ช.จะเขียนอย่างไรโดยไม่ระคายผิวของพล.อ.ประวิตรเลยโดยที่สามารถรักษาความน่าเชื่อขององค์กร ป.ป.ช.ต่อสังคมเอาไว้ได้ด้วย

แต่ถ้าเรื่องนี้ถูกปล่อยยืดยาวออกไปผลร้ายก็จะตกกับรัฐบาลและมีผลกระทบต่อพล.อ.ประยุทธ์ไปด้วย

วันนี้ไม่ได้พูดเรื่องพล.อ.ประยุทธ์ดีหรือไม่ดีเพราะพูดไปเยอะแล้ว แต่กับสถานการณ์ตอนนี้กลับรู้สึกสงสารและเห็นใจพล.อ.ประยุทธ์ แม้จะมีอำนาจเบ็ดเสร็จอยู่ในมือ มีอำนาจแค่ไหนก็แก้ปัญหาเรื่องนี้ให้ตัวเองไม่ได้

ติดตามผู้เขียนได้ที่ https://www.facebook.com/surawich.verawan


กำลังโหลดความคิดเห็น