xs
xsm
sm
md
lg

ป้อมลั่นไขก๊อก…หากประชาชนไม่ต้องการ-ซัดกรมศุลฯยื้อสอบภาษีนาฬิกา

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ผู้จัดการรายวัน360- "บิ๊กป้อม" ลั่น หากประชาชนไม่ต้องการ พร้อมลาออก ชี้ 50 ปี รับราชการไม่เคยเจอเรื่องหนักๆ ขอสื่อพิจารณาว่า เคยทำประโยชน์อะไรบ้าง ด้าน “รสนา” ตอกหน้า “อธิบดีกรมศุลกากร” ยื้อสอบภาษีนาฬิกา “ป้อม” โดยอ้างหวั่นทำงานซ้ำซ้อน ป.ป.ช. ฟังไม่ขึ้น หากยังเพิกเฉยเจอฟ้องข้อหาละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ

วานนี้ (31 ม.ค.) ที่กระทรวงกลาโหม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม จัดงานเลี้ยงอาหารกลางวัน แก่หน่วยขึ้นตรงกระทรวงกลาโหม ผบ.เหล่าทัพ และข้าราชการกระทรวงกลาโหม รวมถึงสื่อมวลชนสายทหาร เนื่องในโอกาส วันขึ้นปีใหม่ 2561

พล.อ.ประวิตร กล่าวตอนหนึ่งว่า กระทรวงกลาโหมได้สนับสนุนรัฐบาลมาโดยตลอด ในเวลา 3 ปี 8 เดือน ที่ผ่านมา ทุกคนในกระทรวงฯ ได้ทำงานให้เกิดความมั่นคงแก่รัฐบาล และประเทศชาติ โดยดูจากงานด้านความมั่นคง จะเห็นอย่างชัดเจนในเรื่องของความสงบเรียบร้อยของประเทศ เราได้ทำงานด้วยความซื่อสัตย์ สุจริต และทำทุกอย่างเพื่อให้ประชาชนได้อยู่กันด้วยความสงบ

เราได้ร่วมกันพัฒนาในเรื่องของความมั่นคง และอยู่ร่วมกันอย่างสันติ ไม่มีแบ่งสี แบ่งฝ่าย ซึ่งยอมรับว่าทำงานด้วยความยากลำบาก แต่ได้รับการสนับสนุนจากสื่อมวลชนมาด้วยดี โดยตลอดระยะเวลาเกือบ 4 ปี ที่ผ่านมา เราได้ใช้ความพยายามประคับประคองบ้านเมือง ให้คลี่คลายปัญหาด้านความขัดแย้งในสังคม ควบคู่ไปกับบทบาท และภารกิจในการรักษาเสถียรภาพด้านความมั่นคงของประเทศ

ขณะเดียวกัน ยังต้องสนับสนุนรัฐบาลในการเป็นกลไกการบริหารราชการแผ่นดิน และการขับเคลื่อนประเทศให้เดินหน้าต่อไป แม้จะมีความยากลำบาก และแรงเสียดทานก็ตาม แต่ในแรงเสียดทานนั้น จะเห็นว่ามีคนจำพวกหนึ่ง พยายามกล่าวหาว่า รัฐบาลทำงานไม่ได้ผล และไม่ได้สมความมุ่งหมายของประชาชน ซึ่งขอยืนยันว่า รัฐบาลทำทุกอย่างเพื่อประชาชน ทั้งงานด้านความมั่นคงเศรษฐกิจ สังคม จิตวิทยา รัฐบาลได้ทำ และทุ่มเทตลอดเวลา

แรงเสียดทานที่ดำเนินการอยู่ขณะนี้ เราก็พยายามที่จะต่อสู้ไป เพื่อให้เป็นไปตามกฎหมาย ทุกอย่างที่รัฐบาลทำ เราทำตามกฎหมาย ระเบียบแบบแผน ทุกอย่าง ไม่มีนอกลู่นอกทาง และกองทัพยังมีจุดยืนที่เป็นกลไกของรัฐบาล ทำหน้าที่เป็นแกนหลักด้านความมั่นคง เคียงข้างกับประชาชน ยึดประโยชน์ส่วนรวมของประเทศชาติเป็นสำคัญ ฉะนั้น สิ่งต่างๆ รอบนี้อยากจะฝากกับสื่อ ได้พิจารณาว่า เราตั้งใจทำงานเพื่อประเทศชาติ เพื่อให้เดินหน้า

พล.อ.ประวิตร ย้ำว่า การดำเนินงานด้านความมั่นคงกับกองทัพ มีความจำเป็นที่จะต้องสร้างการรับรู้ ความเข้าใจต่อประชาชนว่า รัฐบาลทำอะไรไปบ้าง การที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ลงพื้นที่ต่างๆ ไม่ได้ไปหาเสียง แต่ไปสร้างการรับรู้ ไปดูแลประชาชน อะไรที่ยังไม่ถึงรากหญ้า ก็ต้องดำเนินการเพื่อลดความเหลื่อมล้ำให้กับประชาชน ลดความยากจน นายกฯ ไม่ได้ลงสมัครรับเลือกตั้งอยู่แล้ว ก็อย่าไปเล่นในลักษณะการเมือง

"ทหารไม่ได้มีความขัดแย้งกับสื่อ และการที่สื่อนำเสนอข่าวตรงไป ตรงมา น่าจะเป็นสิ่งที่พวกเราทุกคนต้องการ ที่จะให้เป็นเช่นนั้น ผมไม่ได้มาขอร้องว่า จะต้องทำอย่างนั้น อย่างนี้ แต่อยากจะบอกสื่อสายทหาร ว่า ผมรับราชการมาตั้งแต่ปี 11 จนถึงขณะนี้ผ่านมา 50 ปีแล้ว ไม่เคยมีเรื่องอะไรหนักๆ ก็ดูเอาแล้วกัน ว่าผมได้ทำอะไรที่เสียหายกับประเทศชาติบ้านเมืองหรือไม่ ผมเข้ามาเพราะอยากจะช่วยเหลือบ้านเมือง อยากทำงานให้บ้านเมือง ถ้าประชาชนไม่ต้องการ ผมก็พร้อมที่จะไปจากตำแหน่งนี้ เพราะฉะนั้นอยากจะฝากกับสื่อว่า อยากให้ดูว่าผมทำงานมาตลอด 50 ปี ได้ทำอะไรไว้บ้าง " พล.อ.ประวิตร กล่าว

*** “รสนา” ซัดกรมศุลฯ ยื้อสอบภาษีนาฬิกา
น.ส.รสนา โตสิตระกูล อดีตสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) กรุงเทพมหานคร ได้โพสต์เฟซบุ๊กถึงการทำหน้าที่ของ นายกุลิศ สมบัติศิริ อธิบดีกรมศุลกากร ในการตรวจสอบภาษีนาฬิกา 25 เรือนของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ว่า ...

“การตรวจภาษีนำเข้านาฬิกา 25 เรือน เป็นอำนาจหน้าที่ของกรมศุลกากรอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

นายกุลิศ สมบัติศิริ อธิบดีกรมศุลกากร ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนเมื่อวันที่ 29 ม.ค. 2561 ถึงกรณีที่ดิฉันเรียกร้องให้กรมศุลกากรตรวจสอบการเสียภาษีนำเข้านาฬิกาหรูของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ว่ามีการเสียภาษีถูกต้องหรือไม่ว่า “ทางกรมศุลกากรจะดำเนินตามกระบวนการตอนนี้ยังไม่ได้รับหนังสือร้องเรียน และการตรวจสอบจะต้องไม่ไปซ้ำซ้อนกับการดำเนินงานของสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และต้องดูว่ากฎหมายของกรมศุลกากรสามารถตรวจสอบได้ลงไปลึกขนาดไหน”

ท่านอธิบดีสมควรรู้ว่ากรมศุลกากรมีหน้าที่และอำนาจตรวจสอบนาฬิกาจำนวนไม่น้อยกว่า 25 เรือนที่ พล.อ.ประวิตรสวมใส่ว่ามีการยื่นใบขนสินค้านำเข้าและสำแดงและเสียภาษีอากรขาเข้าโดยถูกต้องตาม พ.ร.บ.ศุลกากรฯ หรือไม่ ส่วน ป.ป.ช.มีหน้าที่และอำนาจตรวจสอบว่านาฬิกาที่พลเอกประวิตรใส่จำนวนไม่น้อยกว่า 25 เรือนนั้นได้มาจากการทุจริตคอร์รัปชั่นตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบหรือไม่ ซึ่งเป็นหน้าที่และอำนาจคนละส่วนกัน ข้ออ้างของท่านอธิบดีที่ว่าต้องพิจารณาก่อนว่าอยู่ในหน้าที่และอำนาจของหน่วยงานอื่นหรือไม่ จึงฟังไม่ขึ้น!!!

กรมศุลกากรไม่อาจปฏิเสธการตรวจสอบภาษีรายนี้ การตรวจภาษีนาฬิกา 25 เรือนนี้เป็นอำนาจหน้าที่ของกรมศุลกากรโดยเฉพาะ และเมื่อพบว่าบุคคลที่ถูกร้องเรียนนั้นมีการกระทำผิดกฎหมายตาม พ.ร.บ.ศุลกากรฯ และโดยเฉพาะถ้าเป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง อธิบดีกรมศุลกากรเป็นผู้มีหน้าที่ต้องแจ้ง ป.ป.ช.ถึงการทำผิดในกรณีนี้ การทำงานในส่วนนี้จึงไม่ซ้ำซ้อนกัน

ในเมื่อดิฉันส่งหนังสือร้องเรียนถึงท่านอธิบดีแล้วตั้งแต่วันที่ 22 ม.ค. 2561 และเอกสารไปถึงกรมศุลกากรแล้วตั้งแต่วันที่23 ม.ค. 2561 โดยในข้อร้องเรียนนั้นขอให้มีการตรวจสอบว่านาฬิกาทั้ง 25 เรือนอาจไม่มีการดำเนินการตามพิธีการทางศุลกากรและการเสียภาษีในการนำเข้าโดยถูกต้องตามกฎหมาย ท่านอธิบดีจึงต้องดำเนินการตรวจสอบโดยรวดเร็ว ให้สมกับเป็นข้าราชการในรัฐบาล คสช.ยุค 4.0

หากท่านเพิกเฉยย่อมเป็นความผิดฐานไม่จัดเก็บภาษีให้ถูกต้องตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 154 และปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ซึ่งเป็นหน้าที่และอำนาจของ ป.ป.ช.ที่จะดำนินคดีตามกฎหมายกับท่านอธิบดีกรมศุลกากรและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด

หากท่านอธิบดีกรมศุลกากรยังไม่ให้คำตอบว่าจะดำเนินการตรวจสอบคดีนาฬิกาหรู 25 เรือนนี้หรือไม่ อย่างไร ภายในเวลาอันสมควร เพื่อไม่ให้มีการถ่วงเวลาให้เนิ่นช้า ดิฉันจึงจำเป็นต้องทำหน้าที่ของพลเมืองผู้เสียภาษี โดยจะใช้สิทธิไปยื่นหนังสือร้องเรียนต่อคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน (คตง.) และผู้ว่าตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ที่มีอำนาจหน้าที่ที่จะแจ้งให้กรมศุลกากรดำเนินการตรวจสอบภาษีดังกล่าวต่อไป”


กำลังโหลดความคิดเห็น