ผู้จัดการรายวัน 360 - ผอ.โรงเรียนดังยันข่าวครูสาวมีเพศสัมพันธ์กับนักเรียนชายไม่มีมูล เผยไม่ใช่เด็กม.ปลาย เป็นเพียงเด็กม.2 อายุ 14 ปี ส่วน ผอ.โรงเรียนหื่นกินเด็กหญิง ม.2ปฏิเสธทุกข้อหา ขอสู้ในชั้นศาล หลังเข้ารับทราบข้อหาพรากผู้เยาว์เด็กหญิงไม่เกิน 15 ปีเพื่อการอนาจาร และหมิ่นประมาท ตำรวจนัดสอบอีก 5 มี.ค.นี้ ด้าน สพฐ.จี้ทุก ร.ร.สกัดครูคุกคามทางเพศ น.ร.
จากกรณีเกิดเรื่องอื้อฉาวภายในโรงเรียนกีฬาจังหวัดนครศรีธรรมราช ที่เกิดขึ้นระหว่าง ครูสาววัย 24 ปี กับนักเรียนชายที่เป็นลูกศิษย์ แอบลักลอบมีเพศสัมพันธ์กันในโรงอาหารช่วงยามค่ำคืน จนบังเอิญมีเพื่อนนักเรียนชายมาเห็นแล้วนำไปบอกเล่าให้เพื่อนฟังแล้วบอกต่อๆ กัน ทำให้เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวางนั้น
วานนี้ (31 ม.ค.) นางละออศรี ทิพย์แก้ว ผู้อำนวยการโรงเรียนกีฬาจังหวัดนครศรีธรรมราช ได้เรียกประชุมผู้บริหารและครูอาจารย์ตรวจสอบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งผลการตรวจสอบข้อมูลยังไม่พบมีหลักฐาน หรือพยานใดๆ ที่ระบุได้อย่างชัดเจน เชื่อว่าน่าจะเป็นพฤติการณ์ของนักเรียนวัยรุ่นเช่นปกติทั่วไปที่กำลังคึกคะนองแล้วทำให้เกิดการพูดต่อๆ กันอย่างสนุกปากมากกว่าจะเป็นเรื่องจริง ส่วนโรงอาหารที่ระบุว่าเป็นที่เกิดเหตุนั้นไม่น่าจะเกิดเหตุการณ์ขึ้นได้เนื่องจากมีสภาพเปิดโล่งใต้อาคารเรียนไม่สอดคล้องกับข้อมูลที่กลายเป็นข่าว
พร้อมกันนี้ นางละออศรี ได้เชิญผู้สื่อข่าวเข้าทำการตรวจสอบบริเวณโรงอาหารและภายในโรงเรียน ซึ่งมีการเปิดห้องต่างๆ เพื่อให้ตรวจสอบเกือบทุกแห่งที่เป็นจุดที่มีการลือกัน
"ข่าวออกมาว่าในคืนวันที่ 23 ม.ค.61 เวลาประมาณ3ทุ่มเศษ แต่ในความเป็นจริงขณะนั้น มีนักกีฬากรีฑาประชุมกันอยู่ข้างโรงอาหาร ซึ่งเป็นที่โล่งแจ้ง พอมีข่าวออกมาทางรองฝ่ายวิชาการได้เรียกทุกฝ่ายมาพูดคุย ก็ไม่มีข้อมูลว่ามีความสัมพันธ์อะไรกันได้เลย" นางละออศรี ระบุ
นอกจากนี้ ยังได้สอบถามข้อมูลจากนักเรียน และคนที่อยู่ใกล้โรงอาหาร ก็ไม่มีใครยืนยันว่าเป็นเรื่องจริง ซึ่งหลังเกิดเรื่องก็ทำให้เกิดความเสียหายต่อโรงเรียนแล้วใครจะมารับผิดชอบกับความเสียหายครั้งนี้ ขอเรียกร้องให้ผู้ที่ทำเรื่องนี้ให้เป็นข่าวออกมารับผิดชอบเพื่อเรียกศักดิ์ศรีโรงเรียนคืนมา
"ไม่ใช่เอาแต่สนุกปากโดยไร้ข้อเท็จจริง ส่วนครูหญิงได้ลาออกไปแล้วโดยให้เหตุผลว่าไม่ต้องการเป็นข่าวทำลายชื่อเสียงโรงเรียน"ผอ.กล่าว.
รายงานข่าวแจ้งว่า มีการยืนยันตัวนักเรียนชายที่มีสัมพันธ์กับครูสาวนั้น ไม่ใช่เด็กม.ปลาย เป็นนักกีฬา แต่ความจริงยังเรียนอยู่ชั้น ม.2 อายุเพียง 14 ปี ตามกฎหมายสามารถดำเนินการเอาผิดครูสาวได้ทันที ในข้อหากระทำชำเราเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี ไม่ว่าเด็กจะยินยอมหรือไม่ หากผลพบว่ากระทำการแอบลักลอบมีเพศสัมพันธ์จริง
***ผอ.ฉาว ปฏิเสธข้อหาพรากผู้เยาว์-หมิ่นประมาท
ส่วนความคืบหน้าคดีผอ.โรงเรียน มีพฤติกรรมชู้สาวกับเด็กนักเรียนหญิง ม.2 นั้น วานนี้ (31 ม.ค.) นายณฐาภพ บุญทองโท ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านป่าตองท่าเนินสามัคคี พร้อมด้วยทนายความ ได้เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน สภ.บัวใหญ่ จ.นครราชสีมา เพื่อรับทราบข้อหาตามหมายเรียกใน 2 คดี ประกอบด้วย ข้อหาพรากผู้เยาว์เด็กอายุไม่เกิน 15 ปี เพื่อการอนาจาร และข้อหาหมิ่นประมาท ส่วนความผิดฐานกระทำชำเราเด็กหญิงนั้น ต้องรอสอบปากคำนร.หญิง ชั้น ม. 2 และหาหลักฐานเพิ่มเติมก่อน หากมีพยานหลักฐานเพียงพอจึงจะสามารถแจ้งข้อหากระทำชำเราเด็กหญิงอายุไม่เกิน 15 ปีเพิ่มเติม
นายณฐาภพ ได้เดินหลบผู้สื่อข่าวออกทางประตูหลัง หลังจากให้ปากคำนานกว่า 2 ชั่วโมง พร้อมปฏิเสธให้สัมภาษณ์ กล่าวเพียงสั้นๆ ว่า "ไม่มีอะไรครับพอดีไม่สบายด้วยจะขอให้การในชั้นศาลเท่านั้นและขึ้นรถยนต์กระบะยี่ห้อโตโยต้าออกไปทันที"
ด้านทนายความ กล่าวว่า นายณฐาภพ ได้มารับทราบข้อกล่าวหา และปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา โดยจะขอให้การในชั้นศาล ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะนัดสอบปากคำอีกครั้งในช่วงต้นเดือนมี.ค.นี้
พ.ต.อ.คารม บุญสด ผู้กำกับการ สภ.บัวใหญ่ กล่าวว่า ผู้ต้องหาได้มาพบพนักงานสอบสวนตามหมายเรียก เพื่อรับทราบข้อกล่าวหา 2 ข้อกล่าวหา คือ พรากผู้เยาว์ที่มีอายุไม่เกิน 15 ปี และข้อหาหมิ่นประมาท ซึ่งผู้ถูกกล่าวหาให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ส่วนข้อหากระทำชำเราเด็กหญิง ต้องใช้เวลารวบรวมพยานหลักฐาน เพิ่มเติม หากมีหลักฐานเพียงพอจึงจะแจ้งข้อหากระทำชำเราเด็กหญิงเพิ่มเติม โดยทางพนักงานสอบสวนได้นัดสอบปากคำ นายณฐาภพ อีกครั้ง ในวันที่ 5 มี.ค. 2561 นี้
นายสุวิทย์ ศรีฉาย รักษาราชการแทนศึกษาธิการจังหวัดนครราชสีมา กล่าวถึง ความคืบหน้าการสอบสวนวินัยร้ายแรงกับนายณฐาภพ ว่า ขณะนี้ทางคณะกรรมการฯ ได้ลงพื้นที่เร่งดำเนินการรวบรวมข้อมูลให้รอบด้าน ทำงานด้วยความโปร่งใส บริสุทธิ์ใจ ตรงไปตรงมา ซึ่งคงต้องให้เวลาเขาได้ทำงานก่อน โดยตนเองได้เซ็นคำสั่งลงนามสั่งพักราชการ นายณฐาภพ บุญทองโท ตั้งแต่ช่วงเย็นของวันที่ 30 ม.ค. 61 โดยให้มีผลทันที
*** สพฐ.จี้ทุกร.ร.สกัดครูคุกคามทางเพศ น.ร.
นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) กล่าวถึง กรณีมีข่าวการล่วงละเมิดทางเพศนักเรียนของผอ.โรงเรียน และครูสาว ว่า ตนได้รับทราบเรื่องแล้ว ครูที่ทำแบบนี้ถือว่าผิดจรรยาบรรณ ผิดมาตรฐานวิชาชีพ ผิดความเป็นมนุษย์ ที่สำคัญถือว่าผิดกฎหมาย ต้องจัดการให้เด็ดขาด ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) รู้นโยบายของตนดีอยู่แล้ว
อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญที่ต้องคำนึงถึงคือ การปกป้องเด็ก โดยระบบที่ดีที่สุดคือ การไม่ให้คนเหล่านี้ลอยนวล ในต่างประเทศคนที่ทำกับเด็ก จะถูกอยู่ให้ในบัญชีรายชื่อผู้ที่ล่วงละเมิดเด็ก นอกจากจะเป็นครูไม่ได้แล้ว ยังไม่สามารถเข้าใกล้เด็กได้อีกด้วย
“กรณีล่าสุดที่เกิดขึ้นกับครูสาวแอบมีเพศสัมพันธ์กับนักเรียนในโรงเรียนที่ อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช นั้น ครูสาวก็เป็นมนุษย์ เมื่อเกิดเรื่องนี้ขึ้น ครูสาวอาจจะน่าอายกว่า แต่ผมไม่อยากพูดเรื่องเพศ ซึ่งผมยังไม่ทราบในเรื่องข้อกฎหมายนิยามว่าอย่างไร แต่อย่างไรเรื่องนี้ก็ไม่ถูก เท่าที่ทราบคงต้องถูกถอนใบประกอบวิชาชีพครูแน่นอน” นพ.ธีระเกียรติ กล่าว
นายบุญรักษ์ ยอดเพชร เลขาธิการ กพฐ. กล่าวถึง แนวทางการแก้ไขปัญหาในอนาคต ว่า จะสั่งการไปยังทุกโรงเรียน ต้องมีมาตรการในการป้องกันภัยคุกคามทางเพศ ต้องมีระเบียบ และแนวทางปฏิบัติให้ชัดเจน ขณะที่สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา (สพท.) ต้องมีมาตรการในการกำกับดูแลที่เหมาะสม โดยจะต้องยึดกฎระเบียบทางด้านวินัยเป็นสำคัญ ถ้าผิดก็ลงโทษโดยเด็ดขาดทั้งทางวินัย และอาญา เราอาจจะต้องลงไปดำเนินการตรวจสอบร่วมกับผู้ปกครองผู้เสียหาย เพื่อปกป้องเด็ก
จากกรณีเกิดเรื่องอื้อฉาวภายในโรงเรียนกีฬาจังหวัดนครศรีธรรมราช ที่เกิดขึ้นระหว่าง ครูสาววัย 24 ปี กับนักเรียนชายที่เป็นลูกศิษย์ แอบลักลอบมีเพศสัมพันธ์กันในโรงอาหารช่วงยามค่ำคืน จนบังเอิญมีเพื่อนนักเรียนชายมาเห็นแล้วนำไปบอกเล่าให้เพื่อนฟังแล้วบอกต่อๆ กัน ทำให้เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวางนั้น
วานนี้ (31 ม.ค.) นางละออศรี ทิพย์แก้ว ผู้อำนวยการโรงเรียนกีฬาจังหวัดนครศรีธรรมราช ได้เรียกประชุมผู้บริหารและครูอาจารย์ตรวจสอบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งผลการตรวจสอบข้อมูลยังไม่พบมีหลักฐาน หรือพยานใดๆ ที่ระบุได้อย่างชัดเจน เชื่อว่าน่าจะเป็นพฤติการณ์ของนักเรียนวัยรุ่นเช่นปกติทั่วไปที่กำลังคึกคะนองแล้วทำให้เกิดการพูดต่อๆ กันอย่างสนุกปากมากกว่าจะเป็นเรื่องจริง ส่วนโรงอาหารที่ระบุว่าเป็นที่เกิดเหตุนั้นไม่น่าจะเกิดเหตุการณ์ขึ้นได้เนื่องจากมีสภาพเปิดโล่งใต้อาคารเรียนไม่สอดคล้องกับข้อมูลที่กลายเป็นข่าว
พร้อมกันนี้ นางละออศรี ได้เชิญผู้สื่อข่าวเข้าทำการตรวจสอบบริเวณโรงอาหารและภายในโรงเรียน ซึ่งมีการเปิดห้องต่างๆ เพื่อให้ตรวจสอบเกือบทุกแห่งที่เป็นจุดที่มีการลือกัน
"ข่าวออกมาว่าในคืนวันที่ 23 ม.ค.61 เวลาประมาณ3ทุ่มเศษ แต่ในความเป็นจริงขณะนั้น มีนักกีฬากรีฑาประชุมกันอยู่ข้างโรงอาหาร ซึ่งเป็นที่โล่งแจ้ง พอมีข่าวออกมาทางรองฝ่ายวิชาการได้เรียกทุกฝ่ายมาพูดคุย ก็ไม่มีข้อมูลว่ามีความสัมพันธ์อะไรกันได้เลย" นางละออศรี ระบุ
นอกจากนี้ ยังได้สอบถามข้อมูลจากนักเรียน และคนที่อยู่ใกล้โรงอาหาร ก็ไม่มีใครยืนยันว่าเป็นเรื่องจริง ซึ่งหลังเกิดเรื่องก็ทำให้เกิดความเสียหายต่อโรงเรียนแล้วใครจะมารับผิดชอบกับความเสียหายครั้งนี้ ขอเรียกร้องให้ผู้ที่ทำเรื่องนี้ให้เป็นข่าวออกมารับผิดชอบเพื่อเรียกศักดิ์ศรีโรงเรียนคืนมา
"ไม่ใช่เอาแต่สนุกปากโดยไร้ข้อเท็จจริง ส่วนครูหญิงได้ลาออกไปแล้วโดยให้เหตุผลว่าไม่ต้องการเป็นข่าวทำลายชื่อเสียงโรงเรียน"ผอ.กล่าว.
รายงานข่าวแจ้งว่า มีการยืนยันตัวนักเรียนชายที่มีสัมพันธ์กับครูสาวนั้น ไม่ใช่เด็กม.ปลาย เป็นนักกีฬา แต่ความจริงยังเรียนอยู่ชั้น ม.2 อายุเพียง 14 ปี ตามกฎหมายสามารถดำเนินการเอาผิดครูสาวได้ทันที ในข้อหากระทำชำเราเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี ไม่ว่าเด็กจะยินยอมหรือไม่ หากผลพบว่ากระทำการแอบลักลอบมีเพศสัมพันธ์จริง
***ผอ.ฉาว ปฏิเสธข้อหาพรากผู้เยาว์-หมิ่นประมาท
ส่วนความคืบหน้าคดีผอ.โรงเรียน มีพฤติกรรมชู้สาวกับเด็กนักเรียนหญิง ม.2 นั้น วานนี้ (31 ม.ค.) นายณฐาภพ บุญทองโท ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านป่าตองท่าเนินสามัคคี พร้อมด้วยทนายความ ได้เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน สภ.บัวใหญ่ จ.นครราชสีมา เพื่อรับทราบข้อหาตามหมายเรียกใน 2 คดี ประกอบด้วย ข้อหาพรากผู้เยาว์เด็กอายุไม่เกิน 15 ปี เพื่อการอนาจาร และข้อหาหมิ่นประมาท ส่วนความผิดฐานกระทำชำเราเด็กหญิงนั้น ต้องรอสอบปากคำนร.หญิง ชั้น ม. 2 และหาหลักฐานเพิ่มเติมก่อน หากมีพยานหลักฐานเพียงพอจึงจะสามารถแจ้งข้อหากระทำชำเราเด็กหญิงอายุไม่เกิน 15 ปีเพิ่มเติม
นายณฐาภพ ได้เดินหลบผู้สื่อข่าวออกทางประตูหลัง หลังจากให้ปากคำนานกว่า 2 ชั่วโมง พร้อมปฏิเสธให้สัมภาษณ์ กล่าวเพียงสั้นๆ ว่า "ไม่มีอะไรครับพอดีไม่สบายด้วยจะขอให้การในชั้นศาลเท่านั้นและขึ้นรถยนต์กระบะยี่ห้อโตโยต้าออกไปทันที"
ด้านทนายความ กล่าวว่า นายณฐาภพ ได้มารับทราบข้อกล่าวหา และปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา โดยจะขอให้การในชั้นศาล ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะนัดสอบปากคำอีกครั้งในช่วงต้นเดือนมี.ค.นี้
พ.ต.อ.คารม บุญสด ผู้กำกับการ สภ.บัวใหญ่ กล่าวว่า ผู้ต้องหาได้มาพบพนักงานสอบสวนตามหมายเรียก เพื่อรับทราบข้อกล่าวหา 2 ข้อกล่าวหา คือ พรากผู้เยาว์ที่มีอายุไม่เกิน 15 ปี และข้อหาหมิ่นประมาท ซึ่งผู้ถูกกล่าวหาให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ส่วนข้อหากระทำชำเราเด็กหญิง ต้องใช้เวลารวบรวมพยานหลักฐาน เพิ่มเติม หากมีหลักฐานเพียงพอจึงจะแจ้งข้อหากระทำชำเราเด็กหญิงเพิ่มเติม โดยทางพนักงานสอบสวนได้นัดสอบปากคำ นายณฐาภพ อีกครั้ง ในวันที่ 5 มี.ค. 2561 นี้
นายสุวิทย์ ศรีฉาย รักษาราชการแทนศึกษาธิการจังหวัดนครราชสีมา กล่าวถึง ความคืบหน้าการสอบสวนวินัยร้ายแรงกับนายณฐาภพ ว่า ขณะนี้ทางคณะกรรมการฯ ได้ลงพื้นที่เร่งดำเนินการรวบรวมข้อมูลให้รอบด้าน ทำงานด้วยความโปร่งใส บริสุทธิ์ใจ ตรงไปตรงมา ซึ่งคงต้องให้เวลาเขาได้ทำงานก่อน โดยตนเองได้เซ็นคำสั่งลงนามสั่งพักราชการ นายณฐาภพ บุญทองโท ตั้งแต่ช่วงเย็นของวันที่ 30 ม.ค. 61 โดยให้มีผลทันที
*** สพฐ.จี้ทุกร.ร.สกัดครูคุกคามทางเพศ น.ร.
นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) กล่าวถึง กรณีมีข่าวการล่วงละเมิดทางเพศนักเรียนของผอ.โรงเรียน และครูสาว ว่า ตนได้รับทราบเรื่องแล้ว ครูที่ทำแบบนี้ถือว่าผิดจรรยาบรรณ ผิดมาตรฐานวิชาชีพ ผิดความเป็นมนุษย์ ที่สำคัญถือว่าผิดกฎหมาย ต้องจัดการให้เด็ดขาด ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) รู้นโยบายของตนดีอยู่แล้ว
อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญที่ต้องคำนึงถึงคือ การปกป้องเด็ก โดยระบบที่ดีที่สุดคือ การไม่ให้คนเหล่านี้ลอยนวล ในต่างประเทศคนที่ทำกับเด็ก จะถูกอยู่ให้ในบัญชีรายชื่อผู้ที่ล่วงละเมิดเด็ก นอกจากจะเป็นครูไม่ได้แล้ว ยังไม่สามารถเข้าใกล้เด็กได้อีกด้วย
“กรณีล่าสุดที่เกิดขึ้นกับครูสาวแอบมีเพศสัมพันธ์กับนักเรียนในโรงเรียนที่ อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช นั้น ครูสาวก็เป็นมนุษย์ เมื่อเกิดเรื่องนี้ขึ้น ครูสาวอาจจะน่าอายกว่า แต่ผมไม่อยากพูดเรื่องเพศ ซึ่งผมยังไม่ทราบในเรื่องข้อกฎหมายนิยามว่าอย่างไร แต่อย่างไรเรื่องนี้ก็ไม่ถูก เท่าที่ทราบคงต้องถูกถอนใบประกอบวิชาชีพครูแน่นอน” นพ.ธีระเกียรติ กล่าว
นายบุญรักษ์ ยอดเพชร เลขาธิการ กพฐ. กล่าวถึง แนวทางการแก้ไขปัญหาในอนาคต ว่า จะสั่งการไปยังทุกโรงเรียน ต้องมีมาตรการในการป้องกันภัยคุกคามทางเพศ ต้องมีระเบียบ และแนวทางปฏิบัติให้ชัดเจน ขณะที่สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา (สพท.) ต้องมีมาตรการในการกำกับดูแลที่เหมาะสม โดยจะต้องยึดกฎระเบียบทางด้านวินัยเป็นสำคัญ ถ้าผิดก็ลงโทษโดยเด็ดขาดทั้งทางวินัย และอาญา เราอาจจะต้องลงไปดำเนินการตรวจสอบร่วมกับผู้ปกครองผู้เสียหาย เพื่อปกป้องเด็ก