สหรัฐฯ โดนเข้าบ้างแล้ว! รัฐบาลรัสเซียกล่าวหาว่าองค์กรของสหรัฐฯ เข้าไปยุ่งเกี่ยวแทรกแซงในการเลือกตั้งของรัสเซียซึ่งจะมีขึ้นในปีนี้ และประธานาธิบดี วลาดิเมียร์ ปูตินยังจะนอนมาอีกสมัย แม้จะมีการเดินขบวนในหลายเมืองทั่วประเทศก็ตาม
เป็นข้อกล่าวหาที่น่าจะมีมูลเพราะที่ผ่านมาสหรัฐฯ ถูกมองว่าเข้าไปยุ่มย่ามในประเทศต่างๆ ที่ตัวเองไม่ชอบ หรือไม่ได้รับผลประโยชน์ หรือได้รับผลกระทบจากการแข่งขันด้านการค้า การเป็นมหาอำนาจด้านอาวุธ และเป็นผู้นำโลก เป็นต้น
รัสเซียยุคปูตินไม่ใช่ย่อย มีแสนยานุภาพก้าวหน้าด้านการผลิตอาวุธ และเทคโนโลยีทันสมัย ที่สำคัญมีผลงานด้านจัดการกับกองทัพไอซิสในซีเรีย ใช้กำลังทางอากาศถล่มไอซิสเกือบสิ้นซาก หลังจากที่ยึดพื้นที่อิรักและซีเรียจนตั้งรัฐใหม่ได้
ทุกวันนี้ไอซิสไม่ได้เป็นภัยระดับกองทัพคุกคามชาติในตะวันออกกลางแล้ว!
ข้อกล่าวหาว่าสหรัฐฯ ได้เข้าแทรกแซง มีอิทธิพลต่อการเลือกตั้งในรัสเซีย ถ้าเป็นจริงก็ไม่แปลก สหรัฐฯ ย่อมไม่ต้องการให้รัสเซียแข็งแกร่งเกินไปจนแซงหน้าสหรัฐฯ โดยเฉพาะในแสนยานุภาพด้านอาวุธยุทโธปกรณ์ และเทคโนโลยีก้าวหน้าใหม่ๆ
ที่ผ่านมา สหรัฐฯ ได้ใช้มาตรการคว่ำบาตรรัสเซีย ตัวเองทำแล้วยังไม่พอ ชักชวนกลุ่มประเทศยุโรปตะวันตกให้ทำตามอีกด้วย ผลที่ตามมาคือชาติยุโรปได้สูญเสียผลประโยชน์และตลาดในการค้าขายกับรัสเซีย และไม่ได้ซื้อพลังงานรัสเซียอีกต่อไป
การแทรกแซงมีในรูปแบบของการออกมาตรการแซงชั่นด้านเศรษฐกิจ ซึ่งส่งผลกระทบต่อการค้า การพาณิชย์ของรัสเซีย และยังจะมีประกาศโดยรัฐบาลสหรัฐฯ ซึ่งจะแซงชั่นนักธุรกิจรัสเซียซึ่งมีความเกี่ยวโยงกับปูติน การค้าธุรกรรมที่น่าสงสัย
ช่วงประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ รณรงค์หาเสียงแข่งกับนางฮิลลารี คลินตัน อย่างหนักนั้นก็มีข่าวว่าหน่วยงานจารกรรมของรัสเซียได้มีส่วนช่วยเหลือทรัมป์ด้วยการเจาะล้วงข้อมูลของพรรคเดโมแครตแล้วเปิดโปงทำให้ฮิลลารีเสียหาย
ทรัมป์ได้ถูกกล่าวหาว่าได้รับประโยชน์จากพฤติกรรมเช่นนั้น ขณะที่หน่วยงานตำรวจเอฟบีไอ และคณะกรรมาธิการของวุฒิสภากำลังอยู่ในขั้นตอนไต่สวนเรื่องนี้ และบทบาทของทรัมป์และสมาชิกครอบครัวว่าเกี่ยวโยงกับเรื่องเจาะข้อมูลหรือไม่
แม้ทรัมป์จะได้ประโยชน์จากความสัมพันธ์ด้านธุรกิจกับเครือข่ายการทำธุรกรรมด้านการเงินกับนักธุรกิจรัสเซียก็ตาม ตัวเองถูกสภาวะการเมืองบังคับให้ต้องทำตัวเป็นปฏิปักษ์กับปูตินและรัฐบาลรัสเซีย ออกมาตรการคว่ำบาตรด้านการค้า
ทรัมป์ยังคุยโวว่ามาตรการดังกล่าวทำให้รัสเซียได้รับผลกระทบมากมายโดยเฉพาะการส่งออกอาวุธไปขายต่างประเทศมีมูลค่าลดลงอย่างมาก การปิดกั้นเส้นทางการเงินธุรกรรม การค้าขายของนักธุรกิจรัสเซียก็ส่งผลเสียหายอย่างมาก
ทำให้สหรัฐฯ และรัสเซียอยู่ในสภาวะที่อาจต้องหวนสู่ยุคสงครามเย็นอีกรอบ!
รัสเซียกำลังจะเข้าสู่กระบวนการเลือกตั้งผู้นำรัฐบาลในเดือนมีนาคม แต่มีกลุ่มคนไม่เอาปูตินเดินขบวนในหลายเมือง ทำให้รัสเซียสงสัยว่าสหรัฐฯ มีส่วนช่วยให้กลุ่มต่อต้านปูตินมีพลังสร้างเครือข่าย เหมือนที่ได้มีบทบาทยุ่งเกี่ยวกับประเทศอื่น
กระทรวงการคลังของสหรัฐฯ มีกำหนดที่จะต้องส่งรายชื่อนักธุรกิจชาวรัสเซียที่มั่งคั่ง และมีความเชื่อมโยงกับปูติน ให้สภาคองเกรสเพื่อออกมาตรการคว่ำบาตรและจำกัดบทบาทด้านการค้า การลงทุน และธุรกรรมต่างๆ กับสถาบันการเงินของสหรัฐฯ
มาตรการครั้งแรกที่ทรัมป์ได้ประกาศออกมาในเดือนสิงหาคมปีที่ผ่านมา ยังมีผลบังคับใช้อยู่ ครั้งนี้จะเป็นการขยายผลซึ่งยังไม่ปรากฏชัดว่าจะมีนักธุรกิจกี่คนที่จะถูกเข้าข่ายว่าเป็นเครือข่ายเดียวกับปูติน และจะถูกวิเคราะห์อย่างจริงจังในรัสเซีย
โฆษกของรัฐบาลรัสเซีย นายดมิทริ เพสคอฟ บอกว่ามาตรการของสหรัฐฯ ถูกมองว่าเป็นการแทรกแซงการเลือกตั้งของรัสเซีย เพราะจะมีผลกระทบอย่างมาก หัวหน้ากลุ่มค้าน นายอเล็กเซ นาวาลนี ถูกจับอีกครั้งและจะถูกนำตัวขึ้นศาล
นายนาวาลนีถือว่าเป็น “ขาประจำ” ในการรณรงค์ต่อต้านปูติน โดนคดีหลายครั้งแต่ยังไม่ยอมเลิกรา กลุ่มฝ่ายค้านต่างๆ ในรัสเซียก็กล่าวหารัฐบาลว่าได้คุกคามปิดกั้นสิทธิเสรีภาพในการเคลื่อนไหวทางการเมืองเพื่อการคงอำนาจยาวของผู้นำรัฐ
นายเพสคอฟบอกว่าตัวเองไม่ได้ประเมินว่านายนาวาลนีเป็นภัยต่อสถานภาพของปูตินเพราะผู้นำรัสเซียยิ่งใหญ่เกินพรมแดนประเทศ แผ่กว้างไปยังภูมิภาคอื่นในโลก ไม่มีใครสงสัยว่าปูตินจะไม่ใช่ผู้นำสูงสุด และยังเป็นผู้ได้รับความนิยมมากมาย
“ไม่มีใครเถียงว่าปูตินไม่ใช่ผู้นำสูงสุดทางการเมืองอย่างแท้จริง และคนโดยทั่วไปก็เข้าใจว่าเป็นเช่นนั้นจริง ในขั้นนี้คงไม่มีใครมีความสามารถและศักยภาพที่จะเป็นคู่แข่งทางการเมืองของปูตินได้ และได้พิสูจน์ความเป็นผู้นำหลายวาระแล้ว”
นายนาวาลนีนับเป็นนักการเมืองฝ่ายตรงข้ามปูติน เป็นผู้มีคนรู้จักมากที่สุด แต่ถูกคณะกรรมการเลือกตั้งห้ามเข้าชิงตำแหน่งผู้นำประเทศเพราะมีคดียักยอกทรัพย์คาอยู่ ซึ่งหลายฝ่ายเชื่อว่าเป็นเรื่องที่กุขึ้นมาเพื่อเตะตัดขาสกัดกั้นนาวาลนี
หัวหน้าฝ่ายต่อต้านปูตินรายนี้ถูกเจ้าหน้าที่จับกุมวันอาทิตย์ที่ผ่านมา หลังจากได้ให้สัมภาษณ์สำนักข่าวซีเอ็นเอ็น ช่วงก่อนที่จะมีการชุมนุมเดินขบวนประท้วงปูตินทั่วประเทศ นาวาลนีได้กล่าวหาว่าปูตินเป็นหัวหน้ารัฐบาลที่เต็มไปด้วยการคอร์รัปชัน
ดูสถานการณ์แล้วปูตินยังจะดำรงความเป็นผู้นำแบบหาคู่แข่งได้ยากอีกนาน