xs
xsm
sm
md
lg

ย้อนกลับมาเปิดเล้าไก่กันอีกรอบ

เผยแพร่:   โดย: ทับทิม พญาไท

กลุ่มผู้ชุมนุมเรียกร้องให้รัฐบาลจัดการเลือกตั้ง
วันนี้...เห็นทีคงต้องบินกลับมาเปิดเล้าไก่ สำรวจตรวจสอบอะไรต่อมิอะไรในบ้านเรากันดูอีกซักรอบ เพราะโดยแนวโน้มความเป็นไปของเหตุการณ์บ้านเมือง ดูๆน่าจะหนักขึ้นไปตามลำดับ ตามภาวะ “ขาลง” ของรัฐบาล ที่ออกจะลงแรงและลงเร็วเอามากๆ เรียกว่า...แค่ปรื๊ดเดียว คะแนนนิยมตั้ง 50 กว่าๆ แต่เพียงไม่กี่เดือนเท่านั้นเอง ไหลลงมาเหลือ 30 นิดๆ แถมเผลอๆ อาจลบลงไปกว่านั้นอีก โดยเฉพาะเมื่อพิจารณาจากทีท่าปฏิกิริยาของผู้คนในรัฐบาล ที่ยังไม่ถึงกับรู้ร้อน รู้หนาวมากมายซักเท่าไหร่นัก...

สิ่งที่น่าสนใจยิ่งกว่าการไปนั่งแยกแยะ ว่ารัฐบาลแย่แค่ไหน ห่วยแตกแค่ไหน ก็น่าจะเป็นการมองไปถึงความเป็นไปของฉากสถานการณ์ ที่มันอาจอุบัติขึ้นมานับจากนี้เป็นต้นไป การกำหนด “ซีเนริโอ” ให้เห็นชัดเจนกันไปเป็นฉากๆ ตั้งแต่ฉากที่เลวสุด ฉากที่เป็นไปในลักษณะกลางๆ ไปจนถึงฉากที่ดีสุด แล้วนำมาใคร่ครวญหวนคิด ว่าแต่ละฉากๆ นั้น มันมีความเป็นไปได้ ความเป็นไปไม่ได้มากน้อยขนาดไหน อันนี้นี่แหละ...ที่น่าจะเป็นสิ่งที่ทุกฝ่าย คงต้องเริ่มต้นประเมิน ทบทวน ความเป็นไปของสถานการณ์ ก่อนที่จะลงมือจิกตีใครต่อใคร ไปตาม “รสนิยม” หรืออารมณ์ ความรู้สึก ที่มันอาจวูบๆ ไหวๆ ไปๆ-มาๆ เป็นพักๆ อันไม่น่าจะนำเอามาเป็นมาตรฐานในการกำหนดความเป็นมิตร-เป็นศัตรูกับใครๆ ได้มากมายซักเท่าไหร่

สำหรับฉากสถานการณ์เลวร้ายสุดๆ ว่าไปแล้ว...แค่ลองหลับตานึกภาพช่วงภาวะเหตุการณ์ที่เรียกๆ กันว่า “พฤษภาทมิฬ” ก็น่าจะพอนึกภาพออกได้ไม่ยาก แม้ว่าโดยกาล สถานที่ โดยตัวละครจะแตกต่างกันไปบ้างก็ตาม แต่โดยเนื้อหาสถานการณ์มันคงไม่ถึงกับห่างไกลกันไปมากนัก คือเมื่อรัฐบาลอันประกอบไปด้วยบรรดาทหาร ข้าราชการพลเรือน รวมไปถึงการได้รับแรงสนับสนุนจากนักธุรกิจจำนวนไม่น้อย เกิดขาด “ความชอบธรรม” พอที่จะดำรงรักษาอำนาจ หรือสืบทอดอำนาจต่อไปตามที่หวัง ที่คาด จนนำไปสู่การปะทะขัดแย้งขั้นแตกหักกับบรรดามวลชนในแต่ละกลุ่ม แต่ละฝ่าย แม้ไม่ถึงขั้นเลือดนองท้องช้าง แต่ก็ไหลพลั่กๆ อยู่ตามถนนรนแคมเป็นจำนวนไม่น้อย...

ไม่ว่าใครถูก-ใครผิดก็แล้วแต่...แต่การหน่วงรั้ง การฉุดดึงให้สถานการณ์อันเลวร้ายสุดๆ กลับมาเป็น “ปกติ” อีกครั้งหนึ่งได้ ต้องเรียกว่า...เป็นอะไรที่ยากซ์ซ์ซ์ลำบากมิใช่น้อย คือถ้าหากไม่มี “พลัง” ที่มี “บารมี” มากพอ ในการนำเอาคู่ขัดแย้งในแต่ละฝ่าย มานั่งพับเพียบอยู่ต่อหน้าผู้ที่เพียรพยายามทำให้บ้านเมืองกลับคืนมาสู่ความปกติได้ จังหวะนั้น...ก็ไม่รู้ว่าจะต้องฆ่ากันตายอีกกี่สิบ กี่ร้อยศพ จะต้องเกิดรอยร้าวลึกระหว่าง “ทหาร” กับ “พลเรือน” ชนิดแทบไม่อาจปรองดองสมานฉันท์กันได้ง่ายๆ ไปอีกกี่ต่อกี่ทศวรรษ รวมทั้งการหาทางคลี่คลายสถานการณ์หลังการปะทะขัดแย้งขั้นแตกหักสามารถยุติลงไปได้ ก็ยังกลายเป็น “การบ้าน” อีกจำนวนมิใช่น้อย ที่จะต้องอาศัยจังหวะและโอกาส รวมทั้งอาศัย “บารมี” ที่ว่าอีกด้วย ถึงจะทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างเริ่มเข้าที่-เข้าทาง เข้าสู่ “ครรลองตามปกติ” ได้อย่างเท่าที่ควรจะเป็น...

ส่วนฉากสถานการณ์ในอนาคตข้างหน้า...มันจะมีสิทธิกลับไปเลวร้ายแบบสุดๆ เหมือนครั้ง “พฤษภาทมิฬ” หรือไม่ เพียงใดก็แล้วแต่ แต่สิ่งที่พึงต้องคิด ต้องตระหนัก เอาไว้ให้มากๆ ก็คือว่า เรายังคงหลงเหลือ “พลัง” ที่มี “บารมี” มากพอ ในการช่วยถ่วง ช่วงรั้ง ฉากสถานการณ์ที่อาจเป็นไปในรูปนี้ ได้มากหรือน้อยขนาดไหน??? และถ้าหากพลังที่ว่า ไม่อาจช่วยประคับประคองสถานการณ์ได้อย่างหนักแน่น มีประสิทธิภาพเหมือนอย่างเท่าที่เคยเป็นมาในอดีต การยกระดับพัฒนาสถานการณ์ไปถึงขั้นแตกหักนั้น ควรจะเป็นไปในรูปไหน แบบไหน ถึงจะทำให้บ้านเมืองไม่ถึงกับต้องกลายเป็น “ซากปรักหักพัง” หรือทำให้เกิด “การพ่ายแพ้ไปด้วยกันทุกฝ่าย”...

อันนี้นี่แหละ...ที่คงต้องคิดๆ เอาไว้ก่อนล่วงหน้า ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายไหนต่อฝ่ายไหนก็แล้วแต่ ที่กำลังเริ่ม “หัวร้อน” ไปด้วยกันทั้งสิ้น หรือกำลังเริ่มเกิดอารมณ์ ความรู้สึก จนทำให้ไม่อยากจะสนใจเหตุผล หรือ “ผลลัพธ์” ใดๆ ต่อไปอีกแล้ว และนั่นเองที่มันมักทำให้ “แรงกิริยา” กับ “แรงปฏิกิริยา” มันเกิดการ “ปฏิสัมพัทธ์” ซึ่งกันและกัน จนทำให้เรื่องเล็กกลายเป็นเรื่องใหญ่ เรื่องที่ไม่เป็นเรื่องกลายเป็นเรื่องขึ้นมาจนได้ ชนิดที่ “นาฬิกาบิ๊กป้อม” ไม่ว่าจะมีซักกี่เรือนต่อกี่เรือน กลายเป็นนาฬิกาที่ต้องตั้งเวลา “นับถอยหลัง” ไปด้วยกันทั้งสิ้น...

ส่วนอะไรที่มันจะทำให้ฉากสถานการณ์เป็นไปแบบกลางๆ หรือเป็นฉากสถานการณ์ที่ดีที่สุด ไม่ต้องเกิดความปั่นป่วนวุ่นวายใดๆ ขึ้นมาในบ้านเมือง อันนั้น...คงต้องเก็บไปคิดๆ กันเอาเอง และผู้ที่คงต้องคิดให้หนักๆ เข้าไว้ ก็คงหนีไม่พ้นไปจากผู้ซึ่งมีอำนาจหน้าที่ในการบริหารจัดการบ้านเมือง ไม่ว่าอำนาจนั้นๆ จะมาจากรูปไหน แบบไหนก็แล้วแต่ แต่เมื่อตัดสินใจแบกประเทศทั้งประเทศเอาไว้บนบ่าตัวเองแล้ว สิ่งที่ควบคู่ไปกับ “อำนาจ” นั่นก็คือ “ความรับผิดชอบ” ย่อมเป็นสิ่งซึ่งมิอาจปฏิเสธได้โดยเด็ดขาด!!!


กำลังโหลดความคิดเห็น