“สอดแนมการเมือง”
“ชัชวาลย์ ชาติสุทธิชัย”
เรื่องราวการเมืองไทยและโลก..มีเรื่องไม่น่าเชื่อถือมากมาย..!
โซเชียลมีเดียทำให้โลกแทบไม่เหลือ“ความลับ” เพราะมนุษย์แทบทุกคนกลายเป็น“นักข่าว” ที่มีทั้งเปิดเผยและไม่เปิดเผยตัวตน ดังนั้น เรื่องราวสรรพสิ่งบนโลก จึงถูกเสนอผ่านสารพัดสื่อในโลกดิจิตอลอย่างมหาศาล มีทั้งเรื่องจริง-เรื่องลวงหลอก-เรื่องโกหกตลกร้าย ฯลฯ
“นายกฯตู่”พูดถูกที่ว่า ไม่อ่านข่าวในโซเชียลฯ-ก็โง่! อ่านแล้วเชื่อทั้งหมด-ยิ่งโง่กว่า!
เรื่องเกี่ยวกับประธานาธิบดี“โดนัลด์ ทรัมป์”นั้น ชาวมะกันและชาวโลกมักมองว่า “ทรัมป์”เพี้ยนบ้าง-บ๊องบ้าง-ไม่เต็มเต็งบ้าง ฯลฯ โดย“คอการเมืองมะกันและโลก”สรุปตรงกันว่า
“ทรัมป์! ยูไม่มีวุฒิภาวะพอจะเป็นเบอร์หนึ่งมหาอำนาจโลก(ว่ะ)..”
แต่“ลุงทรัมป์”ผมทองทรงทรมานใจแม่หม้าย ก็เถียงคอเป็นเกาเหลาเอ็นว่า “ไอ..เป็นมนุษย์อัจฉริยะว้อย! ไอจึงรวยและชนะเลือกตั้ง คว่ำ‘เจ๊ฮิล’เมีย‘ลุงบิล คลินตัน’ได้ไงล่ะ”
เรื่อง“อินทรีทรัมป์”ฉลาดมาก-ฉลาดน้อย วุฒิภาวะบกพร่องมาก-บกพร่องน้อย ไม่ใช่เรื่องที่เราจะมาเสียเวลาถกแถลงกันตรงนี้ ให้ชาวมะกันเขาวิจารณ์กันเอง แต่เรื่อง“โกหกตลกร้าย”นั้นน่าสนใจมิใช่น้อย เพราะมันสะท้อนให้เห็นชัดแจ้งว่า “ชาวโลก”กำลังมอง“ประธานาธิบดีทรัมป์”เป็นตัวตลกไปแล้ว..
เรื่อง“โกหกตลกร้าย”ที่แพร่หลายอยู่ในโลกโซเชียลฯห้วงนี้ ระบุว่า..
..ท่านประธานาธิบดี“มะกันทรัมป์”ได้ออกแถลงการณ์ด่วนว่า..
..ในอีก 1 เดือนข้างหน้า เศรษฐกิจประเทศจีนจะตกต่ำ แบบที่เคยเกิดขึ้นในประเทศตะวันตก โรงงานจะหยุดการผลิต บริษัทห้างร้านจะปิด สถานที่ราชการจะหยุดทำการ ตลาดหุ้นจะไม่มีการซื้อขาย คนมีเงินจะหอบลูกจูงหลานออกนอกประเทศ ประชาชนคนธรรมดาจะเอาเงินไปแลกเป็นอาหาร หน้าบ้านของหลายครอบครัวจะติดแผ่นกระดาษขอพร ตามท้องถนนจะเต็มไปด้วยร่องรอยของวัตถุระเบิดและกลิ่นดินปืน ผู้คนจะไม่ทำงานเอาแต่กินเหล้าเมายาเล่นไพ่ ฯลฯ
โซเชียลมีเดียนี้สรุปปิดท้ายเรื่อง“โกหกตลกร้าย”นี้ว่า “จีน”ได้สวนกลับด้วยคำพูดสั้นๆว่า..
“..เฮ้ยทรัมป์!..ยูนี่ทึ่มจริงๆ! นั่นมันเหตุการณ์วันตรุษจีนว้อย!..”
แต่ที่เป็นเรื่องจริงมิใช่อิงนิยาย คือ รัฐบาล“ทรัมป์”ถูก“ชัตดาวน์”เข้าเต็มเปา ด้วยรัฐสภามะกันไม่ผ่านงบประมาณแผ่นดินให้ แต่ยังโชคดีที่วุฒิสมาชิกมะกันใจอ่อน จึงยอมให้รัฐบาล“ทรัมป์” ใช้เงินงบประมาณฯชั่วคราวไปก่อน ทำให้“อินทรีทรัมป์”ไม่ถึงกับร่วงจากฟ้าลงมาแหงแก๋คาดิน..
จะว่าไปแล้ว..สถานการณ์ร้อนแรงของโลกในวันนี้ แค่เรื่อง“มะกันทรัมป์“กับ“โสมแดงคิม”ขู่ฟ่อๆผ่านสื่อ จะยิงขีปนาวุธฯถล่มใส่กัน ก็ทำเอาโลกปั่นป่วนวุ่นวายอย่างหนักแล้ว..
เท่านั้นยังไม่พอ “มะกันทรัมป์”ยังทะลึ่งทำตัวบ้าอำนาจเป็น“เผด็จการโลก” ด้วยการประกาศโดยพลการ ยก“กรุงเยรูซาเล็ม”ให้เป็นเมืองหลวงของอิสราเอลแทน“เทลลาวีฟ” โดย“ทรัมป์”ไม่ฟังเสียงคัดค้านของชาวโลกแม้แต่น้อย ยังผลให้ชาวอาหรับและชาวโลก ต่างรุมประณามสาปแช่ง“ทรัมป์”กันยกใหญ่
ความดื้อด้านของ“ทรัมป์” ในเรื่องยก“กรุงเยรูซาเล็ม”ให้เป็นเมืองหลวงอิสราเอลนั้น คงบานปลายจนกลายเป็น“ชนวนสงคราม”ทั้งใหญ่น้อย ในดินแดนตะวันออกกลางอย่างแน่นอน
ที่สำคัญ “อินทรีทรัมป์”ยังคงขยายความขัดแย้งของชาวโลก ในวันนี้ตราบวันหน้า ให้สาหัสยิ่งขึ้น เพราะมะกันได้ประกาศว่า ทั้ง“มังกรจีน-หมีขาวรัสเซีย”เป็น“ศัตรูหมายเลขหนึ่ง” ซึ่ง“อินทรีทรัมป์”จะต้องกำหราบให้อยู่ในกรงเล็บโดยไว..!!!
แต่“คอการทหารทั้งหลาย”ยังเชื่อว่า เมื่อชาติมหาอำนาจต่างฝ่ายต่างมีอาวุธมหาประลัยไว้ในครอบครอง ดังนั้นการจะยิงขีปนาวุธเข้าใส่กันนั้น ยังไม่น่าจะเกิดขึ้นง่ายๆอย่างแน่นอน
ทว่า..เรื่องที่“ชาติมหาอำนาจ”จะห้ำหั่นกันแบบเอาเป็นเอาตาย ก่อนจะถล่มกันด้วยขีปนาวุธก็คือ “สงครามเศรษฐกิจ”!!!
แน่นอน..ชาติมหาอำนาจทั้งหลาย จะต้องใช้ทุกวิถีทางเพื่อเอาชนะกันและกัน ในการแสวงหาและกอบโกยผลประโยชน์ ทั้งทางด้านเศรษฐกิจ-เทคโนโลยี-การเมือง ฯลฯ โดยชาติที่ด้อยกว่าและอ่อนแอกว่าจะถูกเอารัดเอาเปรียบสารพัดรูปแบบ แม้กระทั่งถูกกองกำลังอาวุธอันเกรียงไกรปล้นเอาดื้อๆ
เมื่อหันมา“ส่องกล้องมองเมืองไทย”ยามนี้ “รัฐนาวา”รัฐประหาร“บิ๊กตู่” กำลังเผชิญกับมรสุมมากมาย บางเรื่องไม่เป็นปัญหาที่“เรือแป๊ะตู่”จะฝ่าไป แต่คลื่นลมประเภทโถมมาแบบไม่คาดคิด กรมอุตุฯ ไม่เตือน แถมกระหน่ำชนิดไม่หยุดไม่หย่อน เช่นเรื่อง“แหวนแม่ นาฬิกาเพื่อน”ของ“บิ๊กป้อม” แม้“นายกฯตู่”จะออกมาขอร้องและปรามด้วยตนเองสองสามครา แต่เรื่อง“นาฬิกาเพื่อน”ดูจะยังบานปลายไม่หยุด
จะว่าไปแล้ว..ที่“บิ๊กตู่”ขอให้ทุกฝ่าย รอให้ผู้ที่เกี่ยวข้อง (หมายถึง“ปปช.”) ตรวจสอบเรื่อง“นาฬิกาเพื่อน”ของ“บิ๊กป้อม”เสียก่อน อย่าเพิ่งระบุว่า“ป้อมผิด”หรือ“ป้อมถูก” ในขณะที่“บิ๊กป้อม”เงียบกริ๊บไปพักใหญ่ ก่อนจะออกมาบอกกับผู้สื่อข่าวว่า ..จะไม่พูดกับสื่อ..แต่จะส่งข้อมูลเรื่องนาฬิกาให้ ปปช.เท่านั้น..
แถม“บิ๊กป้อม”ยังประกาศว่า “..หาก ปปช.บอกว่าผิด พร้อมจะลาออกทันที..”
แต่เรื่องก็ไม่หยุดลงดั่งที่“บิ๊กตู่-บิ๊กป้อม”คาดหวัง เพราะ“บิ๊กตู่-บิ๊กป้อม”ไม่รู้หรือแกล้งไม่รู้หรือจงใจมองข้ามประเด็นที่สำคัญอย่างยิ่ง นั่นคือ
“วัชรพล-ประธาน ปปช.”คนนี้ เป็น“ลูกน้องเก่า”ทั้งของ“น้องบิ๊กป้อม” แถมยังมาเป็น“รองเลขาฯ”ของรองนายกฯ“บิ๊กป้อม-ผู้พี่” ในรัฐบาลของ“นายกฯตู่”อีกด้วย การได้เข้าไปเป็นกรรมการ ปปช.ของ“วัชรพล” รวมทั้งยัง“ค้ำถ่อข้ามหัว”ใครบางคน ขึ้นไปเป็นถึง“ประธาน ปปช.”
ใครจะเชื่อล่ะว่า รองนายกฯ“บิ๊กป้อม”ที่“นายกฯตู่”เกรงใจ ไม่ได้สนับสนุนส่งเสริมให้“บิ๊กกุ้ย-วัชรพล” เจริญรุ่งเรือง“ก้าวกระโดด” ข้ามห้วยหนองคลองบึงราวอภินิหาริย์เช่นนี้..?
เท่านั้นยัง“กระเตง”กันไม่หนำใจ ยังมีการต่ออายุให้ ปปช.ชุดนี้อยู่ต่อจนครบ 9 ปี ทั้งๆที่สมาชิกส่วนใหญ่และประธาน ขาดคุณสมบัติและมีลักษณะต้องห้าม ขัดกับรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน แต่ สนช.ที่เคยรับรองรัฐธรรมนูญฉบับนี้ กลับยกมือสลอนราวฝักถั่ว ผ่านกฎหมาย“ลูกฆ่าแม่”หน้าตาเฉย!
ดังนั้น ผู้คนที่รู้จักไตร่ตรองอย่างเที่ยงธรรมสักหน่อย ย่อมอดคิดไม่ได้ว่า ประธานและ ปปช. ต่ออายุแบบผิดปกติชุดนี้ ยังเป็นองค์กรอิสระอย่างแท้จริงอยู่อีกหรือไม่?
ล่าสุด แม้ว่า“ประธาน ปปช.” จะประกาศถอนตัวจากการตรวจสอบคดี “นาฬิกาเพื่อน” แล้วก็ตาม..
ใครหน้าไหนจะกล้าเชื่อและไว้ใจว่า ปปช. ชุดนี้ ภายใต้การนำของ“ประธาน ปปช.”คนนี้ จะตรวจสอบ“นายเก่า”ผู้มีพระคุณอย่างท่วมท้นล้นเหลือ อย่างชัดเจน รวดเร็ว ตรงไปตรงมาล่ะ? เพราะประชาชนมีบทเรียนจากเรื่อง“เหตุการณ์ 7 ตุลาคม” ที่“นายเก่าผู้น้องบิ๊กป้อม”พัวพันเกี่ยวข้อง แต่“ปปช.”ชุดนี้กลับชี้ถูก-ผิดแบบ“ดำเป็นขาว-ขาวเป็นดำ” ชนิด“ค้านสายตาคนดู”ทั้งสนามหน้าตาเฉยเลย
ฉะนั้นเรื่อง“นาฬิกาเพื่อน” เหล่าคนดูวิเคราะห์แล้ว ฟันธงว่า ไม่แคล้วจบแบบเดิมๆ..
ในขณะที่ขบวนการ“ไก่เห็นตีนงู-งูเห็นนมไก่” อย่าง“หม่อมอุ๋ย-ม.ร.ว.ปรีดียาธร เทวกุล” ทนอยู่นิ่งไม่ได้ ออกมาชี้ทางสวรรค์ให้“บิ๊กตู่”และ“บิ๊กป้อม” อย่างตรงไปตรงมาในทำนองว่า
เรื่อง“นาฬิกาเพื่อน”ของ“บิ๊กป้อม”นั้น ถ้า“อุ๋ย-เป็น-ป้อม! อุ๋ย-ลาออกแว้ว!”
แต่เรื่องจริงมิใช่อิงนิยาย “ป้อม-ไม่ใช่-อุ๋ย”และ“อุ๋ย-ก็ไม่ใช่-ป้อม” เรื่อง“นาฬิกาเพื่อน”เป็นเรื่องที่“ป้อม”ต้องเคลียร์ เมื่อยังเคลียร์ไม่ได้ก็ยังเป็นเรื่อง“ก้อนกรวดในรองเท้าน้องตู่” แทนที่“น้องตู่”จะเดินไปข้างหน้าอย่างคล่องแคล่วสง่าผ่าเผย “น้องตู่”กลับต้องเดินกระเผลกหน้าเหยเก..
เฮ้อ..ก็แหม“กรวด(นาฬิกา)ยี่สิบห้าเม็ดในรองเท้า” ถ้า“น้องตู่”ไม่ทำอะไรสักอย่าง มีโอกาสที่“น้องตู่”อาจจำต้องหยุดเดินก็ได้นะ!
“หม่อมอุ๋ย”อีกนั่นแหละที่ส่งเสียงบอกตรงไปตรงมาว่า “นายกฯตู่”ควรศึกษาและเอาเยี่ยง“นายกฯป๋าเปรม” ที่จัดการกับรัฐมนตรีที่มีเรื่องไม่ถูกต้องทันที
เอ๊ะ..ดูเหมือนผู้คนมากมายพร้อมใจตะโกน คำพูดของ“เติ้งเสี่ยวผิง” ดังกระหึ่มว่า..
..เฮ้ย!..อย่าเอาผลประโยชน์ชาติ ไปตอบแทนบุญคุณส่วนตัวนะว้อย..
เรื่อง“เดอะทรัมป์”แอนด์“เดอะตู่” อยู่ในอาการ“น่าเป็นห่วง” ทั้งคู่ว่ะ...