ผู้จัดการรายวัน - "ดีเอสไอ" รับสำนวนจากตร.ประสานปปง.เอาผิดคดีค้ามนุษย์-ตรวจสอบเส้นทางการเงินคดี "วิคตอเรีย ซีเครท" ไม่ยืนยัน "เสี่ยกำพล-เมีย" หนีต่างแดน แต่เจ้าหน้าที่พยายามติดตามจับกุมอยู่ ด้าน "ชูวิทย์" ยันเสี่ยกำพลเจ้าของตัวจริงและอิทธิพลอยู่เบื้องหลัง วอนสอบเส้นทางการเงิน
วานนี้ (22 ม.ค.) เวลา 11.30 น. กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีดีเอสไอ เปิดเผยความคืบหน้าคดีสถานบริการอาบอบนวด วิคตอเรีย ซีเครท หลังรับเป็นพิเศษเนื่องจากเข้าข่ายค้ามนุษย์ ว่า เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาได้มีการประชุมกำหนดแนวทางสอบสวนขยายผล และตรวจสอบหลักฐานต่างๆ เช่น กล้องวงจรปิด ธุรกรรมทางการเงิน พร้อมประสาน สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ตรวจสอบเส้นทางการเงินของบุคคลที่เกี่ยวข้อง นอกจากนี้ ยังมีเอกสารสำนวนที่รับโอนจากตำรวจ กว่า 3,000 หน้า แต่ขอยังไม่เปิดเผยข้อมูลที่มีผลกระทบต่อรูปคดี
"ส่วนการตรวจสอบว่ามีเจ้าหน้าที่หน่วยงานใดเกี่ยวข้องกับสถานบริการดังกล่าวนั้น ซึ่งทางสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) เป็นผู้ดำเนินการ ซึ่งจากนี้จะมีการประชุมความคืบหน้าคดีทุกสัปดาห์ต่อไป ทั้งนี้ ดีเอสไอ ได้ประสานขอความร่วมมือจาก ฝ่ายปกครอง ตำรวจ อัยการ ในการร่วมกันเป็นที่ปรึกษาพิเศษในการทำคดีดังกล่าว"
พ.ต.อ.ไพสิฐ กล่าวอีกว่า สำหรับ นายกำพล วิระเทพสุภรณ์ และ นางวิภา วิระเทพสุภรณ์ มีกระแสข่าวว่าหลบหนีออกนอกประเทศโดยช่องทางด่านชายแดน ซึ่งจากการตรวจสอบล่าสุดยังไม่พบข้อมูลดังกล่าว แต่ขอยืนยันว่าเจ้าหน้าที่พยายามติดตามจับกุมผู้ต้องหาที่ถูกออกหมายจับในคดีนี้ทั้งหมด ส่วนจะมีการออกหมายจับบุคคลอื่นเพิ่มเติมหรือไม่อยู่ระหว่างตรวจสอบ
ด้าน นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตเจ้าของอาบอบนวดแห่งนี้ซึ่งขายกิจการต่อให้กับ นายกำพล ได้นำหลักฐานเป็นภาพถ่ายของ นายกำพล และ นางนิภา ที่ถ่ายภายในอาบอบอวดดังกล่าว เพื่อยืนยันว่าทั้งคู่คือเจ้าของที่แท้จริงไม่ใช่เพียง น.ส.ศศิธร วิระเทพสุภรณ์ ที่ถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำในขณะนี้เท่านั้น จึงอยากให้ ดีเอสไอเข้าตรวจสอบเส้นทางการเงินของบุคคลเหล่านี้ ก่อนที่จะมีการยักย้ายถ่ายเททรัพย์สิน และฝากเตือนผู้ที่มีอิทธิพลที่อยู่เบื้องหลังและเกี่ยวข้องกับบุคคลเหล่านี้ว่าอาจจะมีความผิดเช่นเดียวกัน
พ.ต.อ.ไพสิฐ กล่าวภายหลังการประชุม ว่า พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรีและรมว.ยุติธรรม ได้ให้นโยบายว่า ให้ดำเนินคดีเต็มที่เป็นไปตามพยานหลักฐาน อย่างตรงไปตรงมา ขณะนี้พนักงานสอบสวนดีเอสไอ กำลังตรวจสอบสำนวน เอกสาร และหลักฐานทั้งหมด ที่รับมอบจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) โดยจะตรวจสอบความสมบูรณ์ของหลักฐานพยานให้ครบถ้วน เนื่องจากสำนวนคดีกว่า 3,500 แผ่น นอกจากนี้ จะตรวจสอบข้อมูลตามที่สื่อมวลชนนำเสนอข่าวมาพิจารณา
"ส่วนการตรวจสอบเส้นทางการเงินของกลุ่มผู้ต้องหา และกลุ่มรายชื่อเจ้าหน้าที่ ได้ประสานสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) และสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) ดำเนินการแล้ว ส่วนเรื่องตามจับกุมตัวนายกำพล และผู้ต้องหารายอื่นๆ ได้ประสานไปยังสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) แต่ยังไม่พบว่ามีการหลบหนีออกนอกประเทศทางช่องทางปกติ หลังจากนี้จะมีการเชิญตัวแทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการบุกจับกุมสถานอาบอบนวดวิคตอเรียซีเครท อาทิ ฝ่ายปกครอง , กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์(พม.)และพนักงานอัยการ เป็นต้น ให้เข้ามามีส่วนร่วมในคณะพนักงานสอบสวน และจะมีการประชุมหารือกันตลอด หากมีอะไรคืบหน้าจะมีการแถลงข่าวให้ทราบทันที" พ.ต.อ.ไพสิฐ กล่าว
วานนี้ (22 ม.ค.) เวลา 11.30 น. กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีดีเอสไอ เปิดเผยความคืบหน้าคดีสถานบริการอาบอบนวด วิคตอเรีย ซีเครท หลังรับเป็นพิเศษเนื่องจากเข้าข่ายค้ามนุษย์ ว่า เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาได้มีการประชุมกำหนดแนวทางสอบสวนขยายผล และตรวจสอบหลักฐานต่างๆ เช่น กล้องวงจรปิด ธุรกรรมทางการเงิน พร้อมประสาน สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ตรวจสอบเส้นทางการเงินของบุคคลที่เกี่ยวข้อง นอกจากนี้ ยังมีเอกสารสำนวนที่รับโอนจากตำรวจ กว่า 3,000 หน้า แต่ขอยังไม่เปิดเผยข้อมูลที่มีผลกระทบต่อรูปคดี
"ส่วนการตรวจสอบว่ามีเจ้าหน้าที่หน่วยงานใดเกี่ยวข้องกับสถานบริการดังกล่าวนั้น ซึ่งทางสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) เป็นผู้ดำเนินการ ซึ่งจากนี้จะมีการประชุมความคืบหน้าคดีทุกสัปดาห์ต่อไป ทั้งนี้ ดีเอสไอ ได้ประสานขอความร่วมมือจาก ฝ่ายปกครอง ตำรวจ อัยการ ในการร่วมกันเป็นที่ปรึกษาพิเศษในการทำคดีดังกล่าว"
พ.ต.อ.ไพสิฐ กล่าวอีกว่า สำหรับ นายกำพล วิระเทพสุภรณ์ และ นางวิภา วิระเทพสุภรณ์ มีกระแสข่าวว่าหลบหนีออกนอกประเทศโดยช่องทางด่านชายแดน ซึ่งจากการตรวจสอบล่าสุดยังไม่พบข้อมูลดังกล่าว แต่ขอยืนยันว่าเจ้าหน้าที่พยายามติดตามจับกุมผู้ต้องหาที่ถูกออกหมายจับในคดีนี้ทั้งหมด ส่วนจะมีการออกหมายจับบุคคลอื่นเพิ่มเติมหรือไม่อยู่ระหว่างตรวจสอบ
ด้าน นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตเจ้าของอาบอบนวดแห่งนี้ซึ่งขายกิจการต่อให้กับ นายกำพล ได้นำหลักฐานเป็นภาพถ่ายของ นายกำพล และ นางนิภา ที่ถ่ายภายในอาบอบอวดดังกล่าว เพื่อยืนยันว่าทั้งคู่คือเจ้าของที่แท้จริงไม่ใช่เพียง น.ส.ศศิธร วิระเทพสุภรณ์ ที่ถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำในขณะนี้เท่านั้น จึงอยากให้ ดีเอสไอเข้าตรวจสอบเส้นทางการเงินของบุคคลเหล่านี้ ก่อนที่จะมีการยักย้ายถ่ายเททรัพย์สิน และฝากเตือนผู้ที่มีอิทธิพลที่อยู่เบื้องหลังและเกี่ยวข้องกับบุคคลเหล่านี้ว่าอาจจะมีความผิดเช่นเดียวกัน
พ.ต.อ.ไพสิฐ กล่าวภายหลังการประชุม ว่า พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรีและรมว.ยุติธรรม ได้ให้นโยบายว่า ให้ดำเนินคดีเต็มที่เป็นไปตามพยานหลักฐาน อย่างตรงไปตรงมา ขณะนี้พนักงานสอบสวนดีเอสไอ กำลังตรวจสอบสำนวน เอกสาร และหลักฐานทั้งหมด ที่รับมอบจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) โดยจะตรวจสอบความสมบูรณ์ของหลักฐานพยานให้ครบถ้วน เนื่องจากสำนวนคดีกว่า 3,500 แผ่น นอกจากนี้ จะตรวจสอบข้อมูลตามที่สื่อมวลชนนำเสนอข่าวมาพิจารณา
"ส่วนการตรวจสอบเส้นทางการเงินของกลุ่มผู้ต้องหา และกลุ่มรายชื่อเจ้าหน้าที่ ได้ประสานสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) และสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) ดำเนินการแล้ว ส่วนเรื่องตามจับกุมตัวนายกำพล และผู้ต้องหารายอื่นๆ ได้ประสานไปยังสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) แต่ยังไม่พบว่ามีการหลบหนีออกนอกประเทศทางช่องทางปกติ หลังจากนี้จะมีการเชิญตัวแทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการบุกจับกุมสถานอาบอบนวดวิคตอเรียซีเครท อาทิ ฝ่ายปกครอง , กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์(พม.)และพนักงานอัยการ เป็นต้น ให้เข้ามามีส่วนร่วมในคณะพนักงานสอบสวน และจะมีการประชุมหารือกันตลอด หากมีอะไรคืบหน้าจะมีการแถลงข่าวให้ทราบทันที" พ.ต.อ.ไพสิฐ กล่าว