xs
xsm
sm
md
lg

คอลเลกชั่นนาฬิกาหรู "เสี่ยป้อม" แล้วไง..ใครแคร์ !!

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

หากนับจนถึงตอนนี้ วันนี้ (3 ม.ค.) ตามที่มีรายการแฉออกมาจากเพจดังเพจหนึ่ง สรุปยอดล่าสุด พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีนาฬิกาหรูหราอยู่ในครอบครองแล้ว จำนวนถึง 15 เรือน ซึ่งตามข้อมูลจากเพจดังกล่าว ระบุว่า แต่ละเรือนมีมูลค่าหลักแสน หลักล้านทั้งสิ้น หรือรวมมูลค่านาฬิการวมกันแล้วนับสิบๆ ล้านบาท
**ก็ต้องอุทานว่า แม่เจ้าโวย ไม่ธรรมดาจริงๆ สำหรับรสนิยมของ "เสี่ยป้อม" คนนี้
ที่ผ่านมา หากสังเกตตั้งแต่เกิดเรื่องที่ไม่คาดหมาย ที่ถูกสังเกตหลังจากวันที่นั่งถ่ายภาพหมู่กับคณะรัฐมนตรี "ประยุทธ์ 5" ที่หน้าตึกไทยคู่ฟ้าวันนั้น ที่สังคมได้รับรู้ถึงยี่ห้อนาฬิกาหรู ราคาเรือนละหลายล้านบาท สร้างความแปลกใจให้กับสังคมตลอดปลายปีที่ผ่านมาว่า เขามีรสนิยมแบบนี้ด้วยหรือ ขณะเดียวกันเมื่อมีทั้งนาฬิกาและแหวนเพชรราคาแพงๆ แบบนี้ก็ต้องถือว่า "รวยจริง"
แต่ถึงอย่างไรอาจจะไม่ใช่ปัญหา หากสามารถชี้แจงที่มาที่ไปของทรัพย์สินดังกล่าว แต่ที่ผ่านมาเหมือนกับว่า เป็นการแก้ปัญหาจากพวก"กุนซือ" รอบตัวที่พยายามให้ออกไปทางที่ว่า "แหวนเพชรแม่-นาฬิกาเพื่อนให้ยืม" แต่ถึงอย่างไรมันก็ไม่เวิร์ก ตรงกันข้ามยิ่งสร้างความโกรธให้กับสังคมมากขึ้นไปอีก เพราะเหมือนกับว่าเป็นการดูถูกสติปัญญาคนอื่นเขาอีก จนเลิกใช้มุกนี้ไปในที่สุด
กระนั้นรายการแฉโพยเรื่องนาฬิกาหรู ก็ยังคงมีออกมาอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดเป็นเรือนที่ 15 ส่วนจะเป็นนาฬิกายี่ห้ออะไร รุ่นอะไรนั้น นาทีนี้คงไม่จำเป็นต้องไปจำแล้ว เอาเป็นว่าราคาเกินกว่า 2 แสนบาทที่กฎหมายป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กำหนดเอาไว้ว่า ต้องแจ้งรายการบัญชีทรัพย์สินก่อน และหลังดำรงตำแหน่งก็แล้วกัน
**ตามข่าวที่ระบุออกมาว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้ส่งเอกสารชี้แจงกับคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)ไปแล้ว ตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว โดยที่ไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดว่า ได้ชี้แจงไปแบบไหน แหวนกี่วง นาฬิกากี่เรือน ยี่ห้อใดบ้าง และรวมมูลค่าเท่าใดกันแน่ และที่สำคัญทรัพย์สินที่ว่านี้ ใครเป็นเจ้าของกันแน่
ดังนั้น หากให้สรุปจากภาพที่เห็นลักษณะที่ออกมาเหมือนกับว่า เป็นการชี้แจงเพื่อ"ลดกระแส" การคาดคั้นของสังคม แต่อีกด้านหนึ่งมันก็เหมือนกับการ "ปิดลับสุดยอด" ว่านั่นคือการส่งเอกสารชี้แจงไปจริงหรือไม่ และชี้แจงได้ครบถ้วนหรือไม่
เพราะสิ่งที่สังคมกำลังจับตามองก็คือ ทั้งตัวผู้นำของสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) คือ พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธานป.ป.ช. เคยเป็น"ลูกน้องเก่า" ของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ จะให้การช่วยเหลือกัน และระแวงว่าไม่ได้ทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมาเท่าที่ควรจะเป็น
กลายเป็นว่าจากกรณีทรัพย์สินของ พล.อ.ประวิตร คราวนี้ยังส่งผลสั่นสะเทือนไปถึงองค์กรตรวจสอบดังกล่าวในเรื่อง"ความน่าเชื่อถือ" ตามมาอีกด้วย เพราะหลังจากนั้นไม่นาน ก็มีการแก้ไขร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยป.ป.ช. ที่ให้กรรมการป.ป.ช.บางคน ที่มีคุณสมบัติขัดรัฐธรรมนูญได้อยู่จนครบวาระ 9 ปี โดยไม่ต้องลาออก ซึ่งกล่าวตรงไปตรงมาก็คือ ต้องการให้ พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ อยู่ในตำแหน่งต่อไปแบบยาวๆ อย่างน้อยก็เป็นการสร้างหลักประกันเอาไว้ในวันหน้า สำหรับทีมคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ทั้งคณะ ไม่ว่าจะพ้นจากอำนาจ หรือไม่ก็ตาม เนื่องจากระยะเวลาที่เหลืออีก 7 ปี(ดำรงตำแหน่งมาแล้ว 2 ปี) หากยังอยู่ ถือว่ายาวนาน
** แต่คำถามก็คือ ความสง่างามและความน่าเชื่อถือขององค์กรตรวจสอบแห่งนี้ จากสังคมจะยังมีเหลืออยู่อีกหรือไม่
วกมาที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ แม้ว่านาทีนี้จะเลือกใช้วิธีนิ่งเงียบ ไม่ยอมชี้แจง หรือตอบคำถามกับสื่อและสังคมโดยหวังว่า เรื่องจะค่อยๆ เงียบไปเองตามที่บรรดา"กุนซือ" นับร้อยแนะนำก็ได้ แต่อีกด้านหนึ่งก็มั่นใจว่า ในช่วงปีนี้ทั้งปี เขาจะกลายเป็นคนที่จะถูกตรวจสอบ ถูกจับจ้องไม่ให้คลาดสายตา และที่สำคัญ ภาพลักษณ์ที่ก่อนหน้านี้เป็น "สีเทา" จะต้องออกมาในโทนสีดำมากขึ้นทุกที และอย่าได้แปลกใจที่เขาจะเป็น "ตัวถ่วง" อย่างแท้จริง
ขณะเดียวกัน สำหรับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หากยังกระเตงอุ้ม "พี่ใหญ่" อยู่แบบนี้ มันก็น่าหนักใจ เพราะลำพังตัวเอง อย่างที่เห็น "กองหนุน" ร่อยหรอลงไปทุกวัน ยิ่งได้เห็นภาพล่าสุดที่แชะภาพหมู่กับ "พี่น้องสะสมทรัพย์" ขาใหญ่แห่งนครปฐม ก็ต้องบอกว่า "หมดเครดิต" สร้างความผิดหวังอย่างแรงกับแฟนๆ ที่ต้องการให้เกิดการปฏิรูปในทุกด้านของประเทศนี้ กลายเป็นว่าทุกอย่าง"โกหกทั้งเพ"
**เพราะในสายตาของชาวบ้านจำนวนมากที่เคยเป็นกองหนุนของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หลังจากได้เห็นภาพดังกล่าว มันก็จบเกม แต่สำหรับ พล.อ.ประยุทธ์ อาจมั่นใจว่า เขาจำเป็นต้องการกำลังหนุนจากกองทัพ จากพี่ใหญ่ พี่รอง เพื่อนพ้องน้องพี่ มากว่ากองหนุนภายนอก เพราะไม่เช่นนั้น กรณีของนาฬิกาหรู ต่อให้แฉออกมาจนถึงเรือนที่ 100 ก็ไร้ความหมาย ไม่งั้นคงไม่ออกมาในแบบ "แล้วไง ใครแคร์" !!


กำลังโหลดความคิดเห็น