ผู้จัดการรายวัน360- สนช. ติดดาบ ป.ป.ช. เพิ่มอำนาจล้วงข้อมูลทุจริตทุกรูปแบบ บังคับนักการเมืองเปิดทรัพย์สิน ปล่อย 9 ป.ป.ช. ทำงานจนครบวาระ "อภิสิทธิ์" แนะคสช. ตีกรอบให้ชัดก่อนใช้ ม. 44 แก้กม. เพื่อความเสมอภาคทุกพรรค อย่าใช้อำนาจเพื่อความได้เปรียบ ด้านรองปธ.สนช.ระบุหาก "บิ๊กตู่"ใช้ ม.44 แล้วแก้ปัญหาได้ไม่หมด ก็ต้องแก้กม.พรรคการเมือง แต่คงไม่เสร็จเร็ว "บิ๊กจิ๋ว" จี้ "บิ๊กตู่" เร่งแก้ปัญหาปากท้อง ทำงานเพื่อประชาชนก่อน ชี้เวลานี้คนจะอดตาย ลำบากกันทั้งประเทศ
การประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) วันนี้( 21 ธ.ค.) มีวาระการพิจารณา ร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.... ซึ่งกมธ.วิสามัญของสนช. ที่มี พล.ต.อ.ชัชวาลย์ สุขสมจิตร เป็นประธานกมธ.วิสามัญฯ ได้พิจารณาเสร็จแล้ว โดยมีทั้งสิ้น 193 มาตรา
ทั้งนี้ กมธ.วิสามัญฯได้แก้ไขเนื้อหาในร่าง พ.ร.ป.ฯ ด้วยการเพิ่มมาตราที่สำคัญ คือ มาตรา 37/1 ว่าด้วยการให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) สามารถเข้าถึงข้อมูลทุกช่องทางที่มีเหตุอันควรเชื่อได้ว่าจะเกี่ยวข้องกับการทุจริต
โดยมาตรา 37/1 บัญญัติว่า "ในกรณีที่มีเหตุอันควรเชื่อได้ว่าเอกสารหรือข้อมูลข่าวสารอื่นใดที่ส่งทางไปรษณีย์ โทรเลข โทรศัพท์ คอมพิวเตอร์ เครื่องมือ หรืออุปกรณ์ในการสื่อสาร สื่ออิเล็กทรอนิกส์ หรือสื่อทางเทคโนโลยีสารสนเทศใด ถูกใช้ หรืออาจถูกใจเพื่อประโยชน์ในการกระทำความผิดที่เป็นความผิดฐานร่ำรวยผิดปกติ ทุจริตต่อหน้าที่ ความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ ความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ในการยุติธรรม หรือความผิดอื่นที่ พ.ร.ป.นี้กำหนด ซึ่งการกระทำควาผิดดังกล่าว เป็นเรื่องสำคัญมีผลกระทบอย่างกว้างขวาง พนักงานเจ้าหน้าที่ ผู้ซึ่งได้รับการอนุมัติจากป.ป.ช. เป็นหนังสือจะยื่นคำขอฝ่ายเดียวต่ออธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ เพื่อมีคำสั่งอนุญาตให้พนักงานเจ้าหน้าที่ได้มา ซึ่งข้อมูลข่าวสารดังกล่าวก็ได้
การอนุญาตให้อธิบดีผู้พิพากษาฯ พิจารณาถึงผลกระทบต่อสิทธิส่วนบุคคลหรือสิทธิอื่นใดประกอบกับเหตุผล และความจำเป็น และสั่งอนุญาตได้คราวละไม่เกิน 90 วัน โดยกำหนดเงื่อนไขใดๆ ก็ได้ และให้ผู้เกี่ยวข้องกับข้อมูลข่าวสาร ให้สิ่งสื่อสารตามคำสั่งดังกล่าว ให้ความร่วมมือเพื่อให้เป็นไปตามความในมาตรานี้"
เช่นเดียวกับ มาตรา 104 ว่าด้วยการแสดงบัญชีรายการทรัพย์สินของผู้ดำรงตำแหนงทางการเมือง กมธ.วิสามัญฯได้แก้ไขในสาระสำคัญเช่นกัน โดยกำหนดว่า "เพื่อประโยชน์ในการมีส่วนร่วมของประชาชนในการตรวจสอบทรัพย์สินและหนี้สิน ให้ป.ป.ช.เปิดเผยบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน และเอกสารประกอบเฉพาะของนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี ส.ส. และส.ว. รวมทั้งของคู่สมรสและบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะให้ประชาชนทราบเป็นการทั่วไปโดยเร็ว แต่ต้องไม่เกิน 30 วัน นับแต่วันที่ครบกำหนดต้องยื่นบัญชีดังกล่าวโดยบัญชีรายการทรัพย์สินและหนี้สิน และเอกสารประกอบต้องไม่ระบุถึงรายละเอียดทางทะเบียนทรัพย์สิน และภาพถ่ายทรัพย์สิน โดยการแพร่ให้กำหนดช่วงระยะเวลาในการดำเนินการที่ชัดเจน"
นอกจากนี้ ในมาตรา 178 คณะกมธ. ยังแก้ไขใหม่ โดยกำหนดให้ประธานป.ป.ช. และกรรมการป.ป.ช. ที่ดำรงตำแหน่งอยู่ในวันก่อนที่ พ.ร.ป.นี้ใช้บังคับ ยังคงอยู่ในตำแหน่งต่อไปจนกว่าจะครบวาระ ตามที่กำหนดใน พ.ร.ป.นี้
พล.อ.สิงห์ศึก สิงห์ไพร กมธ.วิสามัญ กล่าวว่า ป.ป.ช.เป็นผู้เสนอเรื่องขอดักฟังมา โดยให้เหตุผลว่าเป็นเรื่องสากล ซึ่งป.ป.ช.ก็ทำตามข้อตกลงที่ประเทศไทยเราเข้าเป็นภาคีในต่างประเทศ ซึ่งหลายประเทศก็ให้อำนาจป.ป.ช.ทำได้ และในประเทศไทยก็มีองค์กร เช่น กรมสอบสวนพิเศษ หรือ ดีเอสไอ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) สามารถที่จะสืบค้นข้อมูลได้ ซึ่ง ป.ป.ช. มีอำนาจในการสอบสวนการทุจริต การร่ำรวยผิดปกติ และบางคดีก็โยงใยการฟอกเงิน ก็น่าจะให้อำนาจ ป.ป.ช. ในเรื่องนี้ได้ อีกทั้งขณะนี้ป.ป.ช.มีคดีจำนวนมากยังไม่สามารถปิดคดีได้ การให้ป.ป.ช.สามารถดักฟังข้อมูลได้ ก็จะช่วยให้งานของป.ป.ช.เดินเร็วขึ้น
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงเรื่องให้ ป.ป.ช.ดักฟังได้ ว่า ยังไม่ทราบว่าจะนำมาใช้กับลักษณะใด ซึ่งยังไม่มีความชัดเจน จึงขอให้มองถึงความจำเป็น เพราะกรณีดังกล่าว ถือเป็นการละเมิดเสรีภาพ สิทธิส่วนบุคคลขั้นพื้นฐาน และจะต้องระบุเงื่อนไขที่ชัดเจนว่า กรณีไหนสามารถทำได้ หรือไม่ได้ รวมทั้งจะต้องสามารถตรวจสอบและถ่วงดุลได้ และจะต้องมีการขอหมายศาลตามเงื่อนไขที่ชัดเจน
*** 'มาร์ค'แนะตีกรอบให้ชัดก่อนใช้ม.44
พร้อมกันนี้ นายอภิสิทธิ์ ได้กล่าวถึงกรณีคสช. เตรียมใช้ มาตรา 44 ปลดล็อกพรรคการเมือง ให้ดำเนินกิจกรรมทางธุรการได้ แต่ยังไม่ปลดล็อกทั้งหมด ว่า อยากให้คสช.ระบุขอบเขต และกม.ที่ชัดเจนว่า พรรคการเมืองสามารถทำอะไรได้บ้าง ซึ่งภายใต้กม.ที่ออกมา ต้องสอดรับกับพรรคการเมืองที่ปฏิบัติตามได้ อย่างไรก็ตาม การให้สามารถทำการตรวจสอบฐานข้อมูลสมาชิกพรรค ที่ทุกพรรคสามารถทำได้อยู่แล้วนั้น ไม่ใช่ข้อสำคัญในการปลดล็อกดังกล่าว
"อยากให้ คสช.พิจารณาถึงปัญหาที่แท้จริง และต้องวางกติกาข้อกำหนดให้ชัดเจน หากพรรคมีหน้าที่ ที่จะสามารถปฏิบัติได้ตามกฎหมาย แต่ปัจจุบันยังไม่สามารถปฏิบัติได้ คสช.จะมีแนวทางในการแก้ไขปัญหาอย่างไร เพราะทั้งหมด คือกติกาที่คสช.ได้เขียนขึ้นมาเอง ซึ่งผมอยากให้มีความชัดเจนในตัวคำสั่ง เพื่อให้ทุกพรรคสามารถปฏิบัติ หรือดำเนินกิจกรรมตามกฎหมายได้"
ทั้งนี้ สิ่งสำคัญที่ คสช.จะต้องคำนึงถึงคือ การเปิดโอกาสให้ทุกคนสามารถดำเนินกิจกรรมทางการเมืองได้ด้วยความเสมอภาค เท่าเทียมกัน เพราะไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์การใช้อำนาจรัฐ เพื่อสร้างความได้เปรียบหรือเสียเปรียบอย่างเช่นในอดีตที่ผ่านมา ส่วนการปลดล็อกช้า จะกระทบต่อโรดแมปการเลือกตั้งหรือไม่นั้น ตนเห็นว่ายังไม่มีเหตุผลอะไรที่จะกระทบต่อโรดแมปที่วางไว้ เพราะเป็นเพียงขั้นตอนแรก ของการตรวจสอบสมาชิก และเชื่อว่าไม่ใช่เป็นการประวิงเวลาเพื่อรอจัดตั้งพรรคการเมืองใหม่ เพราะทุกพรรค ก็ต้องทำงานตามเงื่อนไข และกรอบเวลาที่มี
เมื่อถามว่าการปลดล็อกดังกล่าวจะสอดคล้องกับกระแสข่าวการจัดตั้งพรรคประชารัฐ หรือ พรรคทหาร หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ส่วนตัวไม่ได้กังวลใดๆ เพราะการเลือกตั้งแต่ละครั้ง ก็มีพรรคการเมืองใหม่เกิดขึ้นอยู่แล้ว แต่ขอให้เข้ามาตามระบบ และแข่งขันกันบนความเสมอภาค
** หากให้สนช.แก้กม.จะไม่เสร็จเร็ว
นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธาน สนช. คนที่ 1 ในฐานะประธาน กมธ.วิสามัญพิจารณาศึกษาเสนอแนะและรวบรวมความเห็น เพื่อประกอบการพิจารณาจัดทำ ร่างรธน. กล่าวว่า ขณะนี้มีกลุ่มการเมืองที่ตอบรับเข้าร่วมประชุม ในวันที่ 22 ธ.ค. เวลา 13.30 น. เพื่อนำเสนอข้อเสนอแนะเกี่ยวกับ พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง คือ นายไพบูลย์ นิติตะวัน ประธานเครือข่ายประชาชนปฏิรูป และคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) แต่สำหรับ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตเลขาธิการ กปปส. ไม่สามารถเข้าร่วมเสนอความเห็นได้ เนื่องจากติดภารกิจในพื้นที่ จ.สุราษฎร์ธานี ทั้งนี้ กมธ.จะรับฟังเห็นรอบด้าน เพื่อนำข้อสรุปทั้งหมดมาพิจารณา
ส่วนกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จะใช้ มาตรา 44 คลายปมในการปลดล็อกพรรคการเมืองนั้น เห็นว่าถ้าใช้ มาตรา 44 แล้วสามารถคลี่คลายปัญหาได้ทั้งหมด สนช.ก็คงไม่ต้องทำอะไร แต่หากใช้มาตรา 44 แล้ว แก้ปัญหาได้เพียงบางส่วน แต่บางส่วนยังไม่ได้รับการแก้ไข ตรงนี้ถึงจะนำไปสู่ขั้นตอนการแก้ไขกม.พรรคการเมือง ซึ่งจะเป็นเช่นนั้นหรือไม่ เราก็ต้องดูกันไปก่อน
"สนช. ยังไม่ได้คิดถึงขั้นตอนนั้น หน้าที่ตอนนี้มีเพียงคิดว่าเราจะต้องแก้ไขอะไร ก็จะต้องทำ แต่หาก มีความจำเป็นที่จะต้องแก้ไขกม.พรรคการเมือง การเลือกตั้งก็ต้องเดินตามโรดแมป ตามที่รธน.กำหนดไว้ จะเลยกำหนดเดือนพ.ย.61 ไม่ได้ แต่หากต้องมีการแก้ไขกม.พรรคการเมืองจริงๆ ถ้าให้ สนช.ทำ ก็คงต้องใช้เวลา คือไม่เสร็จเร็วอย่างแน่นอน เพราะยังมีข้อกำหนดใน มาตรา 77 ของรธน. ที่เป็นกระบวนการที่สนช. จะต้องทำด้วย " นายสุรชัย กล่าว
*** "บิ๊กจิ๋ว" จี้ "บิ๊กตู่" แก้ปัญหาปากท้อง
วานนี้ (20 ธ.ค.) ที่บ้านปิ่นประภาคม จ.นนทบุรี พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวระหว่างรับเรื่องร้องเรียนจากประชาชน และตัวแทน ผบ.ทบ.ที่เข้าอวยพร โดยได้ฝากให้กำลังใจทหาร ให้มีความมั่นคง อย่าท้อแท้ เพราะหากไม่มีความมั่นคง ประเทศก็ไปไม่ได้
พร้อมกันนี้ ได้ฝากถึงพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ว่า เมื่อรับหน้าที่เข้ามาเป็นรัฐบาลแล้ว ต้องทำให้ประชาชนก่อน วันนี้คนกำลังจะอดตายกันหมดแล้ว ปีหน้าระบบเศรษฐกิจพังแน่ ปัญหาปากท้องประชาชนรอไม่ได้ ส่วนปีหน้าจะได้เลือกตั้งหรือไม่ ยังไม่มีใครรู้ ขอให้ทำเพื่อประชาชนมีความเป็นอยู่มั่นคงก่อน แล้วอย่างอื่นจะตามมาเอง
พล.อ.ชวลิต กล่าวด้วยว่า ปีหน้า น่าห่วงมาก วันนี้ก็เห็นกันแล้วว่า ไปไม่ได้แล้ว ปี 61 อาจจะพังทั้งประเทศ ระบบเศรษฐกิจพังชัดเจน นายกฯประยุทธ์ ต้องทำงานให้มากขึ้น ไปวิ่งทำงานเลย อย่าหลับ อย่าบ่นมาก อย่าด่ามาก คิดทำงานให้ประชาชนก่อน แล้วฟังประชาชน ชาวบ้านเขาลำบากกันขนาดไหนแล้ว ไปหาคนดีๆ คนทำงานเป็นเข้ามา ส่วนท่าทีก็ต้องปรับให้มีความสขุม เยือกเย็น หนักแน่น ส่วนจะเหมาะสมเป็นนายกฯต่อไปหรือไม่นั้น ไม่สามารถตอบได้ และไม่ทราบข่าวว่าทหารตั้งพรรคการเมือง ซึ่งในส่วนของตน ยืนยันวางมือ ไม่เล่นการเมืองแล้ว แต่ก็ยังมีคนมาติดต่อ บางพรรคก็เอาชื่อไปแอบอ้างว่าเป็นที่ปรึกษา
"หาก พล.อ.ประยุทธ์ จะหาคนดี คนเก่งมาทำงานในสถานการณ์ปัจจุบัน ไม่ว่ามาจากทหาร หรือการเมือง ใครมีความสามารถ ออกมาแสดงพูดนิดเดียวก็รู้แล้ว และทำงานได้ไหม เวลานี้คนยากคนจนเต็มประเทศ ซึ่งปัญหาใหญของชาติ คือรัฐบาลไม่ทำเพื่อประชาชน รัฐบาลอย่าลืมว่า ต้องใช้เวลาทำประชาชนให้มั่นคงก่อน ซี่งมองถึงความตั้งใจของ พล.อ.ประยุทธ์ ก็สอบผ่าน ยังมีความเข้มแข็ง มีพยายามทำอย่างตั้งอกตั้งใจเพื่อบ้านเมือง ต้องให้กำลังใจกันแต่ท่านต้องหาคนทำงานเป็นมาช่วยให้มากขึ้น" พล.อ.ชวลิต กล่าว
การประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) วันนี้( 21 ธ.ค.) มีวาระการพิจารณา ร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.... ซึ่งกมธ.วิสามัญของสนช. ที่มี พล.ต.อ.ชัชวาลย์ สุขสมจิตร เป็นประธานกมธ.วิสามัญฯ ได้พิจารณาเสร็จแล้ว โดยมีทั้งสิ้น 193 มาตรา
ทั้งนี้ กมธ.วิสามัญฯได้แก้ไขเนื้อหาในร่าง พ.ร.ป.ฯ ด้วยการเพิ่มมาตราที่สำคัญ คือ มาตรา 37/1 ว่าด้วยการให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) สามารถเข้าถึงข้อมูลทุกช่องทางที่มีเหตุอันควรเชื่อได้ว่าจะเกี่ยวข้องกับการทุจริต
โดยมาตรา 37/1 บัญญัติว่า "ในกรณีที่มีเหตุอันควรเชื่อได้ว่าเอกสารหรือข้อมูลข่าวสารอื่นใดที่ส่งทางไปรษณีย์ โทรเลข โทรศัพท์ คอมพิวเตอร์ เครื่องมือ หรืออุปกรณ์ในการสื่อสาร สื่ออิเล็กทรอนิกส์ หรือสื่อทางเทคโนโลยีสารสนเทศใด ถูกใช้ หรืออาจถูกใจเพื่อประโยชน์ในการกระทำความผิดที่เป็นความผิดฐานร่ำรวยผิดปกติ ทุจริตต่อหน้าที่ ความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ ความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ในการยุติธรรม หรือความผิดอื่นที่ พ.ร.ป.นี้กำหนด ซึ่งการกระทำควาผิดดังกล่าว เป็นเรื่องสำคัญมีผลกระทบอย่างกว้างขวาง พนักงานเจ้าหน้าที่ ผู้ซึ่งได้รับการอนุมัติจากป.ป.ช. เป็นหนังสือจะยื่นคำขอฝ่ายเดียวต่ออธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ เพื่อมีคำสั่งอนุญาตให้พนักงานเจ้าหน้าที่ได้มา ซึ่งข้อมูลข่าวสารดังกล่าวก็ได้
การอนุญาตให้อธิบดีผู้พิพากษาฯ พิจารณาถึงผลกระทบต่อสิทธิส่วนบุคคลหรือสิทธิอื่นใดประกอบกับเหตุผล และความจำเป็น และสั่งอนุญาตได้คราวละไม่เกิน 90 วัน โดยกำหนดเงื่อนไขใดๆ ก็ได้ และให้ผู้เกี่ยวข้องกับข้อมูลข่าวสาร ให้สิ่งสื่อสารตามคำสั่งดังกล่าว ให้ความร่วมมือเพื่อให้เป็นไปตามความในมาตรานี้"
เช่นเดียวกับ มาตรา 104 ว่าด้วยการแสดงบัญชีรายการทรัพย์สินของผู้ดำรงตำแหนงทางการเมือง กมธ.วิสามัญฯได้แก้ไขในสาระสำคัญเช่นกัน โดยกำหนดว่า "เพื่อประโยชน์ในการมีส่วนร่วมของประชาชนในการตรวจสอบทรัพย์สินและหนี้สิน ให้ป.ป.ช.เปิดเผยบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน และเอกสารประกอบเฉพาะของนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี ส.ส. และส.ว. รวมทั้งของคู่สมรสและบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะให้ประชาชนทราบเป็นการทั่วไปโดยเร็ว แต่ต้องไม่เกิน 30 วัน นับแต่วันที่ครบกำหนดต้องยื่นบัญชีดังกล่าวโดยบัญชีรายการทรัพย์สินและหนี้สิน และเอกสารประกอบต้องไม่ระบุถึงรายละเอียดทางทะเบียนทรัพย์สิน และภาพถ่ายทรัพย์สิน โดยการแพร่ให้กำหนดช่วงระยะเวลาในการดำเนินการที่ชัดเจน"
นอกจากนี้ ในมาตรา 178 คณะกมธ. ยังแก้ไขใหม่ โดยกำหนดให้ประธานป.ป.ช. และกรรมการป.ป.ช. ที่ดำรงตำแหน่งอยู่ในวันก่อนที่ พ.ร.ป.นี้ใช้บังคับ ยังคงอยู่ในตำแหน่งต่อไปจนกว่าจะครบวาระ ตามที่กำหนดใน พ.ร.ป.นี้
พล.อ.สิงห์ศึก สิงห์ไพร กมธ.วิสามัญ กล่าวว่า ป.ป.ช.เป็นผู้เสนอเรื่องขอดักฟังมา โดยให้เหตุผลว่าเป็นเรื่องสากล ซึ่งป.ป.ช.ก็ทำตามข้อตกลงที่ประเทศไทยเราเข้าเป็นภาคีในต่างประเทศ ซึ่งหลายประเทศก็ให้อำนาจป.ป.ช.ทำได้ และในประเทศไทยก็มีองค์กร เช่น กรมสอบสวนพิเศษ หรือ ดีเอสไอ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) สามารถที่จะสืบค้นข้อมูลได้ ซึ่ง ป.ป.ช. มีอำนาจในการสอบสวนการทุจริต การร่ำรวยผิดปกติ และบางคดีก็โยงใยการฟอกเงิน ก็น่าจะให้อำนาจ ป.ป.ช. ในเรื่องนี้ได้ อีกทั้งขณะนี้ป.ป.ช.มีคดีจำนวนมากยังไม่สามารถปิดคดีได้ การให้ป.ป.ช.สามารถดักฟังข้อมูลได้ ก็จะช่วยให้งานของป.ป.ช.เดินเร็วขึ้น
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงเรื่องให้ ป.ป.ช.ดักฟังได้ ว่า ยังไม่ทราบว่าจะนำมาใช้กับลักษณะใด ซึ่งยังไม่มีความชัดเจน จึงขอให้มองถึงความจำเป็น เพราะกรณีดังกล่าว ถือเป็นการละเมิดเสรีภาพ สิทธิส่วนบุคคลขั้นพื้นฐาน และจะต้องระบุเงื่อนไขที่ชัดเจนว่า กรณีไหนสามารถทำได้ หรือไม่ได้ รวมทั้งจะต้องสามารถตรวจสอบและถ่วงดุลได้ และจะต้องมีการขอหมายศาลตามเงื่อนไขที่ชัดเจน
*** 'มาร์ค'แนะตีกรอบให้ชัดก่อนใช้ม.44
พร้อมกันนี้ นายอภิสิทธิ์ ได้กล่าวถึงกรณีคสช. เตรียมใช้ มาตรา 44 ปลดล็อกพรรคการเมือง ให้ดำเนินกิจกรรมทางธุรการได้ แต่ยังไม่ปลดล็อกทั้งหมด ว่า อยากให้คสช.ระบุขอบเขต และกม.ที่ชัดเจนว่า พรรคการเมืองสามารถทำอะไรได้บ้าง ซึ่งภายใต้กม.ที่ออกมา ต้องสอดรับกับพรรคการเมืองที่ปฏิบัติตามได้ อย่างไรก็ตาม การให้สามารถทำการตรวจสอบฐานข้อมูลสมาชิกพรรค ที่ทุกพรรคสามารถทำได้อยู่แล้วนั้น ไม่ใช่ข้อสำคัญในการปลดล็อกดังกล่าว
"อยากให้ คสช.พิจารณาถึงปัญหาที่แท้จริง และต้องวางกติกาข้อกำหนดให้ชัดเจน หากพรรคมีหน้าที่ ที่จะสามารถปฏิบัติได้ตามกฎหมาย แต่ปัจจุบันยังไม่สามารถปฏิบัติได้ คสช.จะมีแนวทางในการแก้ไขปัญหาอย่างไร เพราะทั้งหมด คือกติกาที่คสช.ได้เขียนขึ้นมาเอง ซึ่งผมอยากให้มีความชัดเจนในตัวคำสั่ง เพื่อให้ทุกพรรคสามารถปฏิบัติ หรือดำเนินกิจกรรมตามกฎหมายได้"
ทั้งนี้ สิ่งสำคัญที่ คสช.จะต้องคำนึงถึงคือ การเปิดโอกาสให้ทุกคนสามารถดำเนินกิจกรรมทางการเมืองได้ด้วยความเสมอภาค เท่าเทียมกัน เพราะไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์การใช้อำนาจรัฐ เพื่อสร้างความได้เปรียบหรือเสียเปรียบอย่างเช่นในอดีตที่ผ่านมา ส่วนการปลดล็อกช้า จะกระทบต่อโรดแมปการเลือกตั้งหรือไม่นั้น ตนเห็นว่ายังไม่มีเหตุผลอะไรที่จะกระทบต่อโรดแมปที่วางไว้ เพราะเป็นเพียงขั้นตอนแรก ของการตรวจสอบสมาชิก และเชื่อว่าไม่ใช่เป็นการประวิงเวลาเพื่อรอจัดตั้งพรรคการเมืองใหม่ เพราะทุกพรรค ก็ต้องทำงานตามเงื่อนไข และกรอบเวลาที่มี
เมื่อถามว่าการปลดล็อกดังกล่าวจะสอดคล้องกับกระแสข่าวการจัดตั้งพรรคประชารัฐ หรือ พรรคทหาร หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ส่วนตัวไม่ได้กังวลใดๆ เพราะการเลือกตั้งแต่ละครั้ง ก็มีพรรคการเมืองใหม่เกิดขึ้นอยู่แล้ว แต่ขอให้เข้ามาตามระบบ และแข่งขันกันบนความเสมอภาค
** หากให้สนช.แก้กม.จะไม่เสร็จเร็ว
นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธาน สนช. คนที่ 1 ในฐานะประธาน กมธ.วิสามัญพิจารณาศึกษาเสนอแนะและรวบรวมความเห็น เพื่อประกอบการพิจารณาจัดทำ ร่างรธน. กล่าวว่า ขณะนี้มีกลุ่มการเมืองที่ตอบรับเข้าร่วมประชุม ในวันที่ 22 ธ.ค. เวลา 13.30 น. เพื่อนำเสนอข้อเสนอแนะเกี่ยวกับ พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง คือ นายไพบูลย์ นิติตะวัน ประธานเครือข่ายประชาชนปฏิรูป และคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) แต่สำหรับ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตเลขาธิการ กปปส. ไม่สามารถเข้าร่วมเสนอความเห็นได้ เนื่องจากติดภารกิจในพื้นที่ จ.สุราษฎร์ธานี ทั้งนี้ กมธ.จะรับฟังเห็นรอบด้าน เพื่อนำข้อสรุปทั้งหมดมาพิจารณา
ส่วนกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จะใช้ มาตรา 44 คลายปมในการปลดล็อกพรรคการเมืองนั้น เห็นว่าถ้าใช้ มาตรา 44 แล้วสามารถคลี่คลายปัญหาได้ทั้งหมด สนช.ก็คงไม่ต้องทำอะไร แต่หากใช้มาตรา 44 แล้ว แก้ปัญหาได้เพียงบางส่วน แต่บางส่วนยังไม่ได้รับการแก้ไข ตรงนี้ถึงจะนำไปสู่ขั้นตอนการแก้ไขกม.พรรคการเมือง ซึ่งจะเป็นเช่นนั้นหรือไม่ เราก็ต้องดูกันไปก่อน
"สนช. ยังไม่ได้คิดถึงขั้นตอนนั้น หน้าที่ตอนนี้มีเพียงคิดว่าเราจะต้องแก้ไขอะไร ก็จะต้องทำ แต่หาก มีความจำเป็นที่จะต้องแก้ไขกม.พรรคการเมือง การเลือกตั้งก็ต้องเดินตามโรดแมป ตามที่รธน.กำหนดไว้ จะเลยกำหนดเดือนพ.ย.61 ไม่ได้ แต่หากต้องมีการแก้ไขกม.พรรคการเมืองจริงๆ ถ้าให้ สนช.ทำ ก็คงต้องใช้เวลา คือไม่เสร็จเร็วอย่างแน่นอน เพราะยังมีข้อกำหนดใน มาตรา 77 ของรธน. ที่เป็นกระบวนการที่สนช. จะต้องทำด้วย " นายสุรชัย กล่าว
*** "บิ๊กจิ๋ว" จี้ "บิ๊กตู่" แก้ปัญหาปากท้อง
วานนี้ (20 ธ.ค.) ที่บ้านปิ่นประภาคม จ.นนทบุรี พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวระหว่างรับเรื่องร้องเรียนจากประชาชน และตัวแทน ผบ.ทบ.ที่เข้าอวยพร โดยได้ฝากให้กำลังใจทหาร ให้มีความมั่นคง อย่าท้อแท้ เพราะหากไม่มีความมั่นคง ประเทศก็ไปไม่ได้
พร้อมกันนี้ ได้ฝากถึงพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ว่า เมื่อรับหน้าที่เข้ามาเป็นรัฐบาลแล้ว ต้องทำให้ประชาชนก่อน วันนี้คนกำลังจะอดตายกันหมดแล้ว ปีหน้าระบบเศรษฐกิจพังแน่ ปัญหาปากท้องประชาชนรอไม่ได้ ส่วนปีหน้าจะได้เลือกตั้งหรือไม่ ยังไม่มีใครรู้ ขอให้ทำเพื่อประชาชนมีความเป็นอยู่มั่นคงก่อน แล้วอย่างอื่นจะตามมาเอง
พล.อ.ชวลิต กล่าวด้วยว่า ปีหน้า น่าห่วงมาก วันนี้ก็เห็นกันแล้วว่า ไปไม่ได้แล้ว ปี 61 อาจจะพังทั้งประเทศ ระบบเศรษฐกิจพังชัดเจน นายกฯประยุทธ์ ต้องทำงานให้มากขึ้น ไปวิ่งทำงานเลย อย่าหลับ อย่าบ่นมาก อย่าด่ามาก คิดทำงานให้ประชาชนก่อน แล้วฟังประชาชน ชาวบ้านเขาลำบากกันขนาดไหนแล้ว ไปหาคนดีๆ คนทำงานเป็นเข้ามา ส่วนท่าทีก็ต้องปรับให้มีความสขุม เยือกเย็น หนักแน่น ส่วนจะเหมาะสมเป็นนายกฯต่อไปหรือไม่นั้น ไม่สามารถตอบได้ และไม่ทราบข่าวว่าทหารตั้งพรรคการเมือง ซึ่งในส่วนของตน ยืนยันวางมือ ไม่เล่นการเมืองแล้ว แต่ก็ยังมีคนมาติดต่อ บางพรรคก็เอาชื่อไปแอบอ้างว่าเป็นที่ปรึกษา
"หาก พล.อ.ประยุทธ์ จะหาคนดี คนเก่งมาทำงานในสถานการณ์ปัจจุบัน ไม่ว่ามาจากทหาร หรือการเมือง ใครมีความสามารถ ออกมาแสดงพูดนิดเดียวก็รู้แล้ว และทำงานได้ไหม เวลานี้คนยากคนจนเต็มประเทศ ซึ่งปัญหาใหญของชาติ คือรัฐบาลไม่ทำเพื่อประชาชน รัฐบาลอย่าลืมว่า ต้องใช้เวลาทำประชาชนให้มั่นคงก่อน ซี่งมองถึงความตั้งใจของ พล.อ.ประยุทธ์ ก็สอบผ่าน ยังมีความเข้มแข็ง มีพยายามทำอย่างตั้งอกตั้งใจเพื่อบ้านเมือง ต้องให้กำลังใจกันแต่ท่านต้องหาคนทำงานเป็นมาช่วยให้มากขึ้น" พล.อ.ชวลิต กล่าว