ผู้จัดการรายวัน360 - รักษาราชการแทนเลขาธิการ ป.ป.ช เผยที่ประชุมฟัน 2 อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ และ อดีตรอง ผอ.พศ. ผิดวินัยร้ายแรงคดีทุจริตงบประมาณปี 57 - 58 ชงอัยการสูงสุดดำเนินคดีศาลอาญา แจง ปปป.ตร. ได้ส่งแล้ว 2 ล็อต รวม 35 คดี แถมยังเหลือคดีที่ประชาชนร้องเรียนกรณีทุจริตเงินทอนวัดปีงบฯ57 -58 อีก 62 แห่ง รวมทั้งสิ้น 97 คดี ไต่สวนไปแล้ว 8 คดี ระบุพฤติกรรมการทุจริตลักษณะคล้ายคลึง และตัวละครเดียวกัน
วานนี้ (19 ธ.ค.) นายวรวิทย์ สุขบุญ รักษาราชการแทนเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) แถลงผลการประชุมว่า ตามที่ ป.ป.ช. ได้แต่งตั้งอนุกรรมการไต่สวน กรณีกล่าวหานายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) กับพวก ร่วมกันทุจริตงบประมาณโครงการเงินอุดหนุนการบูรณปฏิสังขรณ์วัด และการพัฒนาวัดของ พศ. ที่อนุมัติให้แก่วัดพนัญเชิงวรวิหาร ต.กระมัง อ.เมือง จ.พระนครศรีอยุธยา ประจำปีงบประมาณ 2557 และประจำปีงบประมาณ 2558 โดยมีนายสุรศักดิ์ คีรีวิเชียร เป็นประธานอนุกรรมการไต่สวนนั้น จากการไต่สวนพบว่า พฤติการณ์ของขบวนการทุจริตเงินทอนวัดได้มีการวางแผนและแบ่งหน้าที่กันกระทำความผิดเป็นขั้นเป็นตอน โดยจะมีกลุ่มบุคคลหน้าทำหน้าที่ติดต่อวัดต่างๆ โดยแจ้งว่า จะมอบเงินอุดหนุนบูรณปฏิสังขรณ์ และการพัฒนาวัด แต่มีเงื่อนไขว่า วัดจะต้องมอบเงินกลับคืนเพื่อนำไปใช้ในกิจการของ พศ. ในการจัดสรรให้แก่วัดต่างๆ
ต่อมากลุ่มบุคคลดังกล่าวจะนำรายชื่อวัดที่เชื่อตามคำกล่าวอ้างไปทำเอกสารการอนุมัติเงินอุดหนุนให้แก่วัด โดยไม่มีคำขอรับเงินอุดหนุนของวัดประกอบการพิจารณาอนุมัติเงินให้แก่วัดตามขั้นตอนและระเบียบแบบแผนของทางราชการ และเมื่อ พศ. ได้โอนเงินอุดหนุนเข้าบัญชีเงินฝากของวัดแล้ว กลุ่มบุคคลดังกล่าวจะแจ้งให้วัดโอนเงินหรือรับเงินกลับคืนมา แล้วนำไปใช้ประโยชน์ส่วนตัว โดยทุจริต กรณีนี้สืบเนื่องจากเมื่อปีงบประมาณ 2557 น.ส.ประนอม คงพิกุล ขณะดำรงตำแหน่งผอ.กองพุทธศาสนสถาน ได้ติดต่อทางวัดพนัญเชิงว่า จะจัดสรรเงินอุดหนุนจำนวน 10 ล้านบาท แต่เมื่อวัดได้รับแล้วจะให้โอนเงินจำนวน 8 ล้านบาท กลับเข้าบัญชีเงินฝากของนางชมพูนุท จันฤาไชย ซึ่งเป็นบุคคลใกล้ชิดของนายนพรัตน์ โดยแจ้งว่า จะนำไปใช้ในกิจการของพศ. ทั้งนี้ น.ส.ประนอม ได้จัดทำเอกสารการอนุมัติเงินจำนวน 10 ล้านบาท เสนอให้นายนพรัตน์ อนุมัติเงินอุดหนุน โดยไม่มีคำขออุดหนุนตามระเบียบของทางราชการ และหลังจากพศ. ได้โอนเงินให้วัดแล้ว ปรากฏว่า ทางวัดได้โอนเงิน 8 ล้านบาท กลับเข้ามายังบัญชีของนางชมพูนุท โดยนำไปใช้ประโยชน์ส่วนตัว
นายวรวิทย์ กล่าวอีกว่า ส่วนการทุจริตในปีงบประมาณ 2558 น.ส.ประนอม ได้ไปติดต่อวัดอีกครั้งแล้วแจ้งว่า จะโอนเงินอุดหนุนให้กับวัด 10 ล้านบาท แต่ในครั้งนี้มีเงื่อนไขว่า วัดจะต้องคืนเงินสดจำนวน 5 ล้านบาท ให้กับน.ส.ประนอม หลังจากนั้นน.ส.ประนอม ได้จัดทำเอกสารหลักฐานการขออนุมัติเงินอุดหนุนให้แก่วัด 10 ล้านบาท เสนอนายพนม ศรศิลป์ ขณะดำรงตำแหน่งรักษาราชการแทนผอ.พศ. พิจารณาอนุมัติเงินอุดหนุน โดยไม่มีคำขอรับเงินอุดหนุนของวัดประกอบการพิจารณาอนุมัติเงินให้แก่วัดตามระเบียบแผนของทางราชการ โดยเมื่อพศ. ได้โอนเงินให้แก่วัด 10 ล้านบาท วัดจึงได้นำเงินสดจำนวน 5 ล้านบาท ไปมอบให้กับน.ส.ประนอม โดยนำไปใช้ประโยชน์ส่วนตัว
ทั้งนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการป.ป.ช.พิจารณาแล้วจึงมีมติว่า การทุจริตในปีงบประมาณ 2557 นายนพรัตน์ และน.ส.ประนอม มีมูลความผิดเป็นตัวการร่วมในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 147, 151 และ157 ประกอบมาตรา 83 และมาตรา 90 และผู้ถูกกล่าวหาทั้งสองรายมีมูลความผิดทางวินัยร้ายแรงตามพ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 มาตรา 82 (1) (2) (3) ประกอบมาตรา 85 (7) และมาตรา 85 (1) และ (4) ส่วนนางชมพูนุท ไม่มีสถานะเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐและพนักงานตามกฎหมาย จึงเป็นผู้สนับสนุนในการกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 147, 151 และ 157 ประกอบมาตรา 86
สำหรับการทุจริตในปีงบประมาณ 2558 นายพนม มีมูลความผิดเป็นตัวการร่วมในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 147, 151 และ157 ประกอบมาตรา 83 และมาตรา 90 ส่วนน.ส.ประนอม มีมูลความผิดฐานเป็นตัวการร่วมในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 147, 151 และ157 ประกอบมาตรา 83, 90 และ91 และมีมูลความผิดฐานตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 162 (1) และ (4) อีกบทหนึ่งด้วย นอกจากนี้ นายพนม และน.ส.ประนอม ยังมีมูลความผิดทางวินัยร้ายแรงตามพ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 มาตรา 82 (1) (2) (3) ประกอบมาตรา 85 (7) และมาตรา 85 (1) และ (4) ทั้งนี้ สำนักงานป.ป.ช. มีความเห็นให้ส่งรายงานและเอกสาร พร้อมทั้งความเห็นไปยังผู้บังคับบัญชาเพื่อพิจารณาโทษทางวินัย และส่งรายงาน เอกสาร และความเห็นไปยังอัยการสูงสุด (อสส.) เพื่อดำเนินคดีอาญาในศาลที่มีเขตอำนาจพิจารณาพิพากษาต่อไป
ผู้สื่อข่าวถามว่า สำนวนการร้องเรียนเกี่ยวกับการทุจริตเงินทอนวัดใน ป.ป.ช. ขณะนี้ยังเหลืออีกกี่สำนวน นายวรวิทย์ กล่าวว่า กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการทุจริตและประพฤติมิชอบ (ปปป.ตร.) ได้ส่งมาจำนวน 2 ล็อต รวม 35 คดี และยังมีที่ประชาชนร้องเรียนกรณีทุจริตเงินทอนวัดปีงบประมาณ 2557 - 2558 อีก 62 แห่ง รวมทั้งสิ้น 97 คดี ไต่สวนไปแล้ว 8 คดี โดยพฤติกรรมการทุจริตมีลักษณะคล้ายคลึงกัน และตัวละครเดียวกัน จึงจะใช้เวลาพิจารณาคดีที่เหลือไม่นาน ซึ่ง ป.ป.ช.จะค่อยๆ ทยอยดำเนินการไปทีละวัด
วานนี้ (19 ธ.ค.) นายวรวิทย์ สุขบุญ รักษาราชการแทนเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) แถลงผลการประชุมว่า ตามที่ ป.ป.ช. ได้แต่งตั้งอนุกรรมการไต่สวน กรณีกล่าวหานายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) กับพวก ร่วมกันทุจริตงบประมาณโครงการเงินอุดหนุนการบูรณปฏิสังขรณ์วัด และการพัฒนาวัดของ พศ. ที่อนุมัติให้แก่วัดพนัญเชิงวรวิหาร ต.กระมัง อ.เมือง จ.พระนครศรีอยุธยา ประจำปีงบประมาณ 2557 และประจำปีงบประมาณ 2558 โดยมีนายสุรศักดิ์ คีรีวิเชียร เป็นประธานอนุกรรมการไต่สวนนั้น จากการไต่สวนพบว่า พฤติการณ์ของขบวนการทุจริตเงินทอนวัดได้มีการวางแผนและแบ่งหน้าที่กันกระทำความผิดเป็นขั้นเป็นตอน โดยจะมีกลุ่มบุคคลหน้าทำหน้าที่ติดต่อวัดต่างๆ โดยแจ้งว่า จะมอบเงินอุดหนุนบูรณปฏิสังขรณ์ และการพัฒนาวัด แต่มีเงื่อนไขว่า วัดจะต้องมอบเงินกลับคืนเพื่อนำไปใช้ในกิจการของ พศ. ในการจัดสรรให้แก่วัดต่างๆ
ต่อมากลุ่มบุคคลดังกล่าวจะนำรายชื่อวัดที่เชื่อตามคำกล่าวอ้างไปทำเอกสารการอนุมัติเงินอุดหนุนให้แก่วัด โดยไม่มีคำขอรับเงินอุดหนุนของวัดประกอบการพิจารณาอนุมัติเงินให้แก่วัดตามขั้นตอนและระเบียบแบบแผนของทางราชการ และเมื่อ พศ. ได้โอนเงินอุดหนุนเข้าบัญชีเงินฝากของวัดแล้ว กลุ่มบุคคลดังกล่าวจะแจ้งให้วัดโอนเงินหรือรับเงินกลับคืนมา แล้วนำไปใช้ประโยชน์ส่วนตัว โดยทุจริต กรณีนี้สืบเนื่องจากเมื่อปีงบประมาณ 2557 น.ส.ประนอม คงพิกุล ขณะดำรงตำแหน่งผอ.กองพุทธศาสนสถาน ได้ติดต่อทางวัดพนัญเชิงว่า จะจัดสรรเงินอุดหนุนจำนวน 10 ล้านบาท แต่เมื่อวัดได้รับแล้วจะให้โอนเงินจำนวน 8 ล้านบาท กลับเข้าบัญชีเงินฝากของนางชมพูนุท จันฤาไชย ซึ่งเป็นบุคคลใกล้ชิดของนายนพรัตน์ โดยแจ้งว่า จะนำไปใช้ในกิจการของพศ. ทั้งนี้ น.ส.ประนอม ได้จัดทำเอกสารการอนุมัติเงินจำนวน 10 ล้านบาท เสนอให้นายนพรัตน์ อนุมัติเงินอุดหนุน โดยไม่มีคำขออุดหนุนตามระเบียบของทางราชการ และหลังจากพศ. ได้โอนเงินให้วัดแล้ว ปรากฏว่า ทางวัดได้โอนเงิน 8 ล้านบาท กลับเข้ามายังบัญชีของนางชมพูนุท โดยนำไปใช้ประโยชน์ส่วนตัว
นายวรวิทย์ กล่าวอีกว่า ส่วนการทุจริตในปีงบประมาณ 2558 น.ส.ประนอม ได้ไปติดต่อวัดอีกครั้งแล้วแจ้งว่า จะโอนเงินอุดหนุนให้กับวัด 10 ล้านบาท แต่ในครั้งนี้มีเงื่อนไขว่า วัดจะต้องคืนเงินสดจำนวน 5 ล้านบาท ให้กับน.ส.ประนอม หลังจากนั้นน.ส.ประนอม ได้จัดทำเอกสารหลักฐานการขออนุมัติเงินอุดหนุนให้แก่วัด 10 ล้านบาท เสนอนายพนม ศรศิลป์ ขณะดำรงตำแหน่งรักษาราชการแทนผอ.พศ. พิจารณาอนุมัติเงินอุดหนุน โดยไม่มีคำขอรับเงินอุดหนุนของวัดประกอบการพิจารณาอนุมัติเงินให้แก่วัดตามระเบียบแผนของทางราชการ โดยเมื่อพศ. ได้โอนเงินให้แก่วัด 10 ล้านบาท วัดจึงได้นำเงินสดจำนวน 5 ล้านบาท ไปมอบให้กับน.ส.ประนอม โดยนำไปใช้ประโยชน์ส่วนตัว
ทั้งนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการป.ป.ช.พิจารณาแล้วจึงมีมติว่า การทุจริตในปีงบประมาณ 2557 นายนพรัตน์ และน.ส.ประนอม มีมูลความผิดเป็นตัวการร่วมในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 147, 151 และ157 ประกอบมาตรา 83 และมาตรา 90 และผู้ถูกกล่าวหาทั้งสองรายมีมูลความผิดทางวินัยร้ายแรงตามพ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 มาตรา 82 (1) (2) (3) ประกอบมาตรา 85 (7) และมาตรา 85 (1) และ (4) ส่วนนางชมพูนุท ไม่มีสถานะเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐและพนักงานตามกฎหมาย จึงเป็นผู้สนับสนุนในการกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 147, 151 และ 157 ประกอบมาตรา 86
สำหรับการทุจริตในปีงบประมาณ 2558 นายพนม มีมูลความผิดเป็นตัวการร่วมในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 147, 151 และ157 ประกอบมาตรา 83 และมาตรา 90 ส่วนน.ส.ประนอม มีมูลความผิดฐานเป็นตัวการร่วมในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 147, 151 และ157 ประกอบมาตรา 83, 90 และ91 และมีมูลความผิดฐานตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 162 (1) และ (4) อีกบทหนึ่งด้วย นอกจากนี้ นายพนม และน.ส.ประนอม ยังมีมูลความผิดทางวินัยร้ายแรงตามพ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 มาตรา 82 (1) (2) (3) ประกอบมาตรา 85 (7) และมาตรา 85 (1) และ (4) ทั้งนี้ สำนักงานป.ป.ช. มีความเห็นให้ส่งรายงานและเอกสาร พร้อมทั้งความเห็นไปยังผู้บังคับบัญชาเพื่อพิจารณาโทษทางวินัย และส่งรายงาน เอกสาร และความเห็นไปยังอัยการสูงสุด (อสส.) เพื่อดำเนินคดีอาญาในศาลที่มีเขตอำนาจพิจารณาพิพากษาต่อไป
ผู้สื่อข่าวถามว่า สำนวนการร้องเรียนเกี่ยวกับการทุจริตเงินทอนวัดใน ป.ป.ช. ขณะนี้ยังเหลืออีกกี่สำนวน นายวรวิทย์ กล่าวว่า กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการทุจริตและประพฤติมิชอบ (ปปป.ตร.) ได้ส่งมาจำนวน 2 ล็อต รวม 35 คดี และยังมีที่ประชาชนร้องเรียนกรณีทุจริตเงินทอนวัดปีงบประมาณ 2557 - 2558 อีก 62 แห่ง รวมทั้งสิ้น 97 คดี ไต่สวนไปแล้ว 8 คดี โดยพฤติกรรมการทุจริตมีลักษณะคล้ายคลึงกัน และตัวละครเดียวกัน จึงจะใช้เวลาพิจารณาคดีที่เหลือไม่นาน ซึ่ง ป.ป.ช.จะค่อยๆ ทยอยดำเนินการไปทีละวัด