นายสมศักดิ์ เทพสุทิน อดีต ส.ส.สุโขทัย แกนนำกลุ่มมัชฌิมาธิปไตย กล่าวถึง แนวทางการสร้างความปรองดองว่า ในการเลือกตั้งที่จะมีขึ้น ควรเปิดโอกาสให้ผู้ที่จะลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.ไม่ต้องสังกัดพรรค และให้เวลา 1 ปี เข้าไปเพื่อแก้ไขกม.พรรคการเมือง ปฏิรูประบบเลือกตั้ง เพราะในฐานะที่ตนอยู่ในสภามา 20 ปี รู้ว่าระบบพรรคการเมืองเป็นสิ่งทีดี แต่ไม่อยากให้มติพรรค มาบีบบังคับการตัดสินใจของ ส.ส. เพื่อให้ผู้ที่เข้าไปเป็นส.ส. แก้ปัญหาได้โดยอิสระ
เมื่อถามว่าจะทำได้หรือไม่ เนื่องจากรธน. มีผลบังคับใช้แล้ว นายสมศักดิ์ กล่าวว่า รธน.ไม่ได้ห้ามแก้ไข หรือ รัฐบาลอาจใช้อำนาจพิเศษ (มาตรา 44) ดำเนินการ ก็ได้
"การสังกัดพรรค เป็นเรื่องที่ดี แต่วิกฤติแบ่งพรรคแบ่งพวก หากเราใช้เวลาในช่วงเปลี่ยนผ่าน ก็จะเป็นโอกาสที่ดีในการแก้ปัญหาความแตกแยก ที่ผ่านมาการปรองดอง ก็ไม่ได้พัฒนาไปเท่าไร หากให้ ส.ส.อิสระ เข้าไปเพื่อออกแบบพรรคการเมืองเสียใหม่ ให้ถูกใจผู้คน ซึ่งเขาจะออกแบบโดยไม่กดดัน ไม่มีสี"
นายสมศักดิ์ กล่าวด้วยว่า การที่ตนเสนอเรื่องนี้ ไม่มีเบื้องหลังอะไร และไม่เกี่ยวข้องกับใครทั้งสิ้น ซึ่งอนาคตทางการเมืองของตน ในขณะนี้ ยังไม่สังกัดพรรคการเมืองใด แต่จะดูพรรคที่มีนโยบายแก้ไขปัญหาความยากจนเป็นหลัก
เมื่อถามว่า แนวทางนี้จะเข้าทางทหาร หรือไม่ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ที่เป็นอยู่ก็ไม่ได้เป็นเรื่องที่ดีกว่า แต่ตนเสนอเพราะมองเรื่องแก้ปัญหาความปรองดอง และแนวทางนี้ ก็ไม่ใช่แนวทางของรัฐบาลแห่งชาติ
ด้านนายสมชาย แสวงการ ในฐานะวิป สนช. เปิดเผยว่า ได้มีการหารือกับ นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธานสนช. คนที่ 1 ถึงข้อเสนอของนายไพบูลย์ นิติตะวัน ประธานเครือข่ายประชาชนปฏิรูป และ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ แกนนำ กปปส. ที่ขอให้แก้ไข พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง โดยผลการหารือ สรุปว่า จะยังไม่มีการเสนอแก้ไข พ.ร.ป.ดังกล่าว เนื่องจากในบทเฉพาะกาล ยังเปิดโอกาสให้พรรคการเมืองสามารถยื่นเรื่องต่อนายทะเบียนพรรคการเมือง คือ เลขาธิการกกต. เพื่อขอให้ขยายเวลาเกี่ยวกับการปฏิบัติของพรรคการเมืองออกไปได้ แม้จะครบกำหนด 90 วัน ในวันที่ 5 ม.ค.61 ก็ตาม
นายสมชาย กล่าวอีกว่า กมธ. วิสามัญพิจารณาศึกษา เสนอแนะ และรวบรวมความเห็น เพื่อประกอบการพิจารณาจัดทำร่างกม. จะเชิญ นายสุเทพ นายไพบูลย์ และ พล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม ในฐานะอดีตประธาน กมธ.วิสามัญพิจารณา ร่าง พ.ร.ป.ดังกล่าวมาชี้แจงถึงปัญหาที่มีการอ้างว่า ร่างกม.ดังกล่าวไม่เป็นธรรม ในวันที่ 22 ธ.ค.นี้ เวลา 13.00 น. ที่รัฐสภา ส่วนมีความเป็นไปได้หรือไม่ที่ สนช.จะเสนอแก้กม.ดังกล่าว ด้วยตัวเองนั้น นายสมชาย กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่มีความจำเป็น เพราะบทบัญญัติของกม.ฉบับปัจจุบัน ยังมีทางออกสำหรับเรื่องดังกล่าวอยู่ ซึ่งหากมีการแก้ไขกม.ลูก จะมีขั้นตอนค่อนข้างมาก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลาในการแก้ไข ภายใน 180 วัน อีกทั้งยังต้องส่งให้ศาลรธน. วินิจฉัยอีก ซึ่งจะทำให้ไม่ทันกรอบเวลาในวันที่ 5 ม.ค.61
ส่วนกรณีที่ นายสมศักดิ์ เสนอให้ผู้สมัคร ส.ส.ไม่ต้องสังกัดพรรคการเมืองในการเลือกตั้งครั้งหน้า นายสมชาย กล่าวว่า เวลานี้การแก้ไขรธน. ยังไม่มีความจำเป็น เนื่องจากเป็น รธน. ที่ผ่านการทำประชามติ ถ้าจะแก้ ต้องมีเหตุผล และความจำเป็น เพื่อประโยชน์สาธารณะเท่านั้น แต่หากมีอะไรติดขัดขึ้นมาจริงๆ เช่น ติดขัดที่การปฏิบัติ ก็ต้องแก้ที่ตัวกม. แต่ถ้ากม.ติดขัดแค่คำอธิบาย เราก็ต้องอธิบายให้เข้าใจ
นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธาน กรธ. กล่าวถึง กรณีที่มีข้อเสนอให้แก้ไข พ.ร.ป.พรรคการเมือง ว่า การจะแก้กฎหมาย เหตุอาจจะแก้เพราะใช้ไม่ได้ หรือเวลาไม่พอ ถ้าเวลาไม่พอ ก็แก้เพื่อขยายเวลาได้ หรือแก้เพราะสถานการณ์เปลี่ยนแปลงไป หรือถ้าอยากจะเซตซีโร แล้วกฎหมายไม่ได้บัญญัติไว้ ก็ไปแก้ให้เซตซีโรได้ ไม่เป็นไร แต่ตอนที่ ยกร่าง ไม่มีข้อเสนอนี้ เมื่อคนที่เกี่ยวข้องเปลี่ยนใจ ก็ไม่เป็นไร แต่ในขณะนั้น กรธ.ทำในสิ่งที่คิดว่าทำดีที่สุด เมื่อคนที่จะใช้ บอกว่าไม่เอา จะเอาอีกอย่าง ก็จะไม่โต้เถียง ส่วนจะถูกวิจารณ์ว่าร่างไม่ดีจนต้องแก้ ก็ไม่ขอตอบโต้
เมื่อถามว่าจะทำได้หรือไม่ เนื่องจากรธน. มีผลบังคับใช้แล้ว นายสมศักดิ์ กล่าวว่า รธน.ไม่ได้ห้ามแก้ไข หรือ รัฐบาลอาจใช้อำนาจพิเศษ (มาตรา 44) ดำเนินการ ก็ได้
"การสังกัดพรรค เป็นเรื่องที่ดี แต่วิกฤติแบ่งพรรคแบ่งพวก หากเราใช้เวลาในช่วงเปลี่ยนผ่าน ก็จะเป็นโอกาสที่ดีในการแก้ปัญหาความแตกแยก ที่ผ่านมาการปรองดอง ก็ไม่ได้พัฒนาไปเท่าไร หากให้ ส.ส.อิสระ เข้าไปเพื่อออกแบบพรรคการเมืองเสียใหม่ ให้ถูกใจผู้คน ซึ่งเขาจะออกแบบโดยไม่กดดัน ไม่มีสี"
นายสมศักดิ์ กล่าวด้วยว่า การที่ตนเสนอเรื่องนี้ ไม่มีเบื้องหลังอะไร และไม่เกี่ยวข้องกับใครทั้งสิ้น ซึ่งอนาคตทางการเมืองของตน ในขณะนี้ ยังไม่สังกัดพรรคการเมืองใด แต่จะดูพรรคที่มีนโยบายแก้ไขปัญหาความยากจนเป็นหลัก
เมื่อถามว่า แนวทางนี้จะเข้าทางทหาร หรือไม่ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ที่เป็นอยู่ก็ไม่ได้เป็นเรื่องที่ดีกว่า แต่ตนเสนอเพราะมองเรื่องแก้ปัญหาความปรองดอง และแนวทางนี้ ก็ไม่ใช่แนวทางของรัฐบาลแห่งชาติ
ด้านนายสมชาย แสวงการ ในฐานะวิป สนช. เปิดเผยว่า ได้มีการหารือกับ นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธานสนช. คนที่ 1 ถึงข้อเสนอของนายไพบูลย์ นิติตะวัน ประธานเครือข่ายประชาชนปฏิรูป และ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ แกนนำ กปปส. ที่ขอให้แก้ไข พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง โดยผลการหารือ สรุปว่า จะยังไม่มีการเสนอแก้ไข พ.ร.ป.ดังกล่าว เนื่องจากในบทเฉพาะกาล ยังเปิดโอกาสให้พรรคการเมืองสามารถยื่นเรื่องต่อนายทะเบียนพรรคการเมือง คือ เลขาธิการกกต. เพื่อขอให้ขยายเวลาเกี่ยวกับการปฏิบัติของพรรคการเมืองออกไปได้ แม้จะครบกำหนด 90 วัน ในวันที่ 5 ม.ค.61 ก็ตาม
นายสมชาย กล่าวอีกว่า กมธ. วิสามัญพิจารณาศึกษา เสนอแนะ และรวบรวมความเห็น เพื่อประกอบการพิจารณาจัดทำร่างกม. จะเชิญ นายสุเทพ นายไพบูลย์ และ พล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม ในฐานะอดีตประธาน กมธ.วิสามัญพิจารณา ร่าง พ.ร.ป.ดังกล่าวมาชี้แจงถึงปัญหาที่มีการอ้างว่า ร่างกม.ดังกล่าวไม่เป็นธรรม ในวันที่ 22 ธ.ค.นี้ เวลา 13.00 น. ที่รัฐสภา ส่วนมีความเป็นไปได้หรือไม่ที่ สนช.จะเสนอแก้กม.ดังกล่าว ด้วยตัวเองนั้น นายสมชาย กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่มีความจำเป็น เพราะบทบัญญัติของกม.ฉบับปัจจุบัน ยังมีทางออกสำหรับเรื่องดังกล่าวอยู่ ซึ่งหากมีการแก้ไขกม.ลูก จะมีขั้นตอนค่อนข้างมาก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลาในการแก้ไข ภายใน 180 วัน อีกทั้งยังต้องส่งให้ศาลรธน. วินิจฉัยอีก ซึ่งจะทำให้ไม่ทันกรอบเวลาในวันที่ 5 ม.ค.61
ส่วนกรณีที่ นายสมศักดิ์ เสนอให้ผู้สมัคร ส.ส.ไม่ต้องสังกัดพรรคการเมืองในการเลือกตั้งครั้งหน้า นายสมชาย กล่าวว่า เวลานี้การแก้ไขรธน. ยังไม่มีความจำเป็น เนื่องจากเป็น รธน. ที่ผ่านการทำประชามติ ถ้าจะแก้ ต้องมีเหตุผล และความจำเป็น เพื่อประโยชน์สาธารณะเท่านั้น แต่หากมีอะไรติดขัดขึ้นมาจริงๆ เช่น ติดขัดที่การปฏิบัติ ก็ต้องแก้ที่ตัวกม. แต่ถ้ากม.ติดขัดแค่คำอธิบาย เราก็ต้องอธิบายให้เข้าใจ
นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธาน กรธ. กล่าวถึง กรณีที่มีข้อเสนอให้แก้ไข พ.ร.ป.พรรคการเมือง ว่า การจะแก้กฎหมาย เหตุอาจจะแก้เพราะใช้ไม่ได้ หรือเวลาไม่พอ ถ้าเวลาไม่พอ ก็แก้เพื่อขยายเวลาได้ หรือแก้เพราะสถานการณ์เปลี่ยนแปลงไป หรือถ้าอยากจะเซตซีโร แล้วกฎหมายไม่ได้บัญญัติไว้ ก็ไปแก้ให้เซตซีโรได้ ไม่เป็นไร แต่ตอนที่ ยกร่าง ไม่มีข้อเสนอนี้ เมื่อคนที่เกี่ยวข้องเปลี่ยนใจ ก็ไม่เป็นไร แต่ในขณะนั้น กรธ.ทำในสิ่งที่คิดว่าทำดีที่สุด เมื่อคนที่จะใช้ บอกว่าไม่เอา จะเอาอีกอย่าง ก็จะไม่โต้เถียง ส่วนจะถูกวิจารณ์ว่าร่างไม่ดีจนต้องแก้ ก็ไม่ขอตอบโต้