ผู้จัดการรายวัน 360 - ศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต "เล่าต๋า แสนลี่" ราชายาเสพติด ปรับ 5 ล้านบาท รับสารภาพลดโทษเหลือจำคุกตลอดชีวิต ปรับ 2.5 ล้านบาท ภรรยาโดน 25 ปี ปรับ 2.5 ล้านบาท ขณะที่ลูกชาย-ลูกน้องคนสนิท ถูกพิพากษาประหารชีวิต หลังถูกจับกุมข้อหาขายยาไอซ์ 20 กิโลกรัม คาปั๊มน้ำมัน จ.เชียงใหม่ เมื่อปลายปี 59
วานนี้ (13 ธ.ค.) ที่ศาลอาญา ถ.รัชภาภิเษก ศาลนัดฟังคำพิพากษา คดีดำ อย.5907/2559 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดียาเสพติด 10 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้องนายเล่าต๋า แสนลี่อายุ 77 ปี นักค้ายาเสพติดระดับชาติ, นางอาส่าหม่า แสนลี่ อายุ 67 ปี ภรรยา, นางรพีกาญจน์ หรือจันทร์ฉาย หรือไก่ ภพเพชรลักษณ์ หรือทรายมูล อายุ 57 ปี, นายวิจารณ์ แสนลี่ อายุ 41 ปี บุตรชายซึ่งเป็นอดีตกำนัน ต.ท่าตอน อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ และนายบารมี บารมีเกื้อกูล อายุ 38 ปี ทั้งหมดเป็นชาว จ.เชียงใหม่ เป็นจำเลยที่ 1 - 5 ในความผิดฐาน ร่วมกันสมคบและร่วมกันจำหน่าย ยาไอซ์ ยาเสพติดให้โทษประเภท 1 โดยไม่ได้รับอนุญาต , ความผิด พ.ร.บ.อาวุธปืน และเครื่องกระสุนปืน ฯ พ.ศ.2490
โดยคดีดังกล่าว สืบเนื่องเมื่อวันที่ 20 ก.ย. - 11 ต.ค. 59 นายเล่าต๋า , นางอาส่ามา และนางรพีกาญจน์ จำเลยที่ 1-3 ได้มียาไอซ์ 1 ถุง หนัก 994 กรัมเศษ ซึ่งนำมาจำหน่ายให้กับสายลับ ราคา 550,000 บาทที่นายเล่าต๋า จำเลยที่ 1 เป็นผู้ติดต่อเจรจาซื้อขายยา ส่วนนายวิจารณ์ และนายบารมี จำเลยที่ 4-5 เป็นผู้จัดหายาไอซ์ ชนิดผลึกสีขาว จำนวน 20 ถุง หนัก 19 กก.เศษจำหน่ายให้แก่สายลับที่เข้าล่อซื้อราคา 11 ล้านบาท โดยที่นายวิจารณ์ กับนายบารมี ยังทำหน้าที่คุ้มกันให้นายเล่าต๋า ระหว่างส่งมอบยาเสพติดด้วย ซึ่งระหว่างที่ถูกจับกุมนายเล่าต๋า จำเลยที่ 1 มีอาวุธปืนสั้นและปืนยาว รวม 2 กระบอก พร้อมเครื่องกระสุนจำนวนมาก ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต
ส่วนนายวิจารณ์ บุตรชาย จำเลยที่ 4 มีอาวุธปืน ขนาด .45 พร้อมเครื่องกระสุน , โทรศัพท์มือถือ 3 เครื่องที่ใช้ในการติดต่อ และยาเสพติดของกลาง เหตุเกิดที่ปั๊มน้ำมัน “ เล่าต๋า ปิโตรเลียม ” เลขที่ 137 ต.ท่าตอนอ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ และที่อื่นเกี่ยวพันกัน ชั้นสอบสวนนายเล่าต๋า และนางอาส่าหม่า ภรรยา ให้การรับสารภาพเฉพาะข้อหามียาเสพติดไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่ายเท่านั้น ส่วนข้อหาอื่นให้การปฏิเสธ ขณะที่นางรพีกาญจน์ ให้การรับสารภาพโดยตลอด ส่วนนายวิจารณ์ รับสารภาพเฉพาะข้อหากระทำผิด พ.ร.บ อาวุธปืนฯ เท่านั้น และนายบารมี ที่ให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา
ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า จำเลยที่ 1-5 กระทำผิดตามฟ้องทั้ง 2 กรรม พิพากษาให้ลงโทษประหารชีวิตจำคุกจำเลยที่ 1 ปรับ 5 ล้านบาท จำเลยรับสารภาพลดโทษเหลือจำคุกตลาดชีวิต ปรับ 2.5 ล้านบาท จำเลยที่ 2 พิพากษาจำคงตลอดชีวิต ปรับ 5 ล้านบาท รับสารภาพ ลดโทษเหลือจำคุก 25 ปี ปรับ 2.5 ล้านบาท และนางรพีกาญน์ จำเลยที่ 3 พิพากษา จำคุกตลอดชีวิต ปรับ 5 ล้านบาท
ส่วนจำเลยที่ 4 ให้ประหารชีวิต และฐานพาอาวุธปืน ปรับ 1,000 บาท การที่จำเลยที่ 4 เป็นเจ้าพนักงานของรัฐให้บวกโทษจำคุกอีก 3 เท่า เมื่อลงโทษประหารชีวิตแล้ว จึงไม่อาจบวกโทษให้สูงไปกว่านี้ได้ ส่วนจำเลยที่ 5 ให้ประหารชีวิตสถานเดียว หลังฟังคำพิพากษาจำเลยทั้งหมดแสดงความประสงค์ขออุทธรณ์คำพิพากษา และเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ได้นำตัวไปควบคุมต่อที่ทัณฑสถานบำบัดพิเศษกลางต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับนายเล่าต๋า แสนลี่ นั้นเคยได้รับการขนานนามว่า “ ราชายาเสพติด ” และถูกโยงว่าเป็นเลขาฯ คนสนิทของนายจาง ซี ฟู หรือขุนส่า ผู้ค้ายาเสพติดรายใหญ่แห่งสามเหลี่ยมทองคำ ซึ่งนายเลาต๋า เคยถูก ปส. จับกุมเมื่อปี พ.ศ.2546 แต่ภายหลังศาลฎีกา มีคำตัดสินเมื่อปลายปี พ.ศ.2550 พิพากษายืนให้ยกฟ้อง ตามศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ เนื่องจากพยานหลักฐานยังมีข้อพิรุธน่าสงสัย
วานนี้ (13 ธ.ค.) ที่ศาลอาญา ถ.รัชภาภิเษก ศาลนัดฟังคำพิพากษา คดีดำ อย.5907/2559 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดียาเสพติด 10 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้องนายเล่าต๋า แสนลี่อายุ 77 ปี นักค้ายาเสพติดระดับชาติ, นางอาส่าหม่า แสนลี่ อายุ 67 ปี ภรรยา, นางรพีกาญจน์ หรือจันทร์ฉาย หรือไก่ ภพเพชรลักษณ์ หรือทรายมูล อายุ 57 ปี, นายวิจารณ์ แสนลี่ อายุ 41 ปี บุตรชายซึ่งเป็นอดีตกำนัน ต.ท่าตอน อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ และนายบารมี บารมีเกื้อกูล อายุ 38 ปี ทั้งหมดเป็นชาว จ.เชียงใหม่ เป็นจำเลยที่ 1 - 5 ในความผิดฐาน ร่วมกันสมคบและร่วมกันจำหน่าย ยาไอซ์ ยาเสพติดให้โทษประเภท 1 โดยไม่ได้รับอนุญาต , ความผิด พ.ร.บ.อาวุธปืน และเครื่องกระสุนปืน ฯ พ.ศ.2490
โดยคดีดังกล่าว สืบเนื่องเมื่อวันที่ 20 ก.ย. - 11 ต.ค. 59 นายเล่าต๋า , นางอาส่ามา และนางรพีกาญจน์ จำเลยที่ 1-3 ได้มียาไอซ์ 1 ถุง หนัก 994 กรัมเศษ ซึ่งนำมาจำหน่ายให้กับสายลับ ราคา 550,000 บาทที่นายเล่าต๋า จำเลยที่ 1 เป็นผู้ติดต่อเจรจาซื้อขายยา ส่วนนายวิจารณ์ และนายบารมี จำเลยที่ 4-5 เป็นผู้จัดหายาไอซ์ ชนิดผลึกสีขาว จำนวน 20 ถุง หนัก 19 กก.เศษจำหน่ายให้แก่สายลับที่เข้าล่อซื้อราคา 11 ล้านบาท โดยที่นายวิจารณ์ กับนายบารมี ยังทำหน้าที่คุ้มกันให้นายเล่าต๋า ระหว่างส่งมอบยาเสพติดด้วย ซึ่งระหว่างที่ถูกจับกุมนายเล่าต๋า จำเลยที่ 1 มีอาวุธปืนสั้นและปืนยาว รวม 2 กระบอก พร้อมเครื่องกระสุนจำนวนมาก ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต
ส่วนนายวิจารณ์ บุตรชาย จำเลยที่ 4 มีอาวุธปืน ขนาด .45 พร้อมเครื่องกระสุน , โทรศัพท์มือถือ 3 เครื่องที่ใช้ในการติดต่อ และยาเสพติดของกลาง เหตุเกิดที่ปั๊มน้ำมัน “ เล่าต๋า ปิโตรเลียม ” เลขที่ 137 ต.ท่าตอนอ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ และที่อื่นเกี่ยวพันกัน ชั้นสอบสวนนายเล่าต๋า และนางอาส่าหม่า ภรรยา ให้การรับสารภาพเฉพาะข้อหามียาเสพติดไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่ายเท่านั้น ส่วนข้อหาอื่นให้การปฏิเสธ ขณะที่นางรพีกาญจน์ ให้การรับสารภาพโดยตลอด ส่วนนายวิจารณ์ รับสารภาพเฉพาะข้อหากระทำผิด พ.ร.บ อาวุธปืนฯ เท่านั้น และนายบารมี ที่ให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา
ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า จำเลยที่ 1-5 กระทำผิดตามฟ้องทั้ง 2 กรรม พิพากษาให้ลงโทษประหารชีวิตจำคุกจำเลยที่ 1 ปรับ 5 ล้านบาท จำเลยรับสารภาพลดโทษเหลือจำคุกตลาดชีวิต ปรับ 2.5 ล้านบาท จำเลยที่ 2 พิพากษาจำคงตลอดชีวิต ปรับ 5 ล้านบาท รับสารภาพ ลดโทษเหลือจำคุก 25 ปี ปรับ 2.5 ล้านบาท และนางรพีกาญน์ จำเลยที่ 3 พิพากษา จำคุกตลอดชีวิต ปรับ 5 ล้านบาท
ส่วนจำเลยที่ 4 ให้ประหารชีวิต และฐานพาอาวุธปืน ปรับ 1,000 บาท การที่จำเลยที่ 4 เป็นเจ้าพนักงานของรัฐให้บวกโทษจำคุกอีก 3 เท่า เมื่อลงโทษประหารชีวิตแล้ว จึงไม่อาจบวกโทษให้สูงไปกว่านี้ได้ ส่วนจำเลยที่ 5 ให้ประหารชีวิตสถานเดียว หลังฟังคำพิพากษาจำเลยทั้งหมดแสดงความประสงค์ขออุทธรณ์คำพิพากษา และเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ได้นำตัวไปควบคุมต่อที่ทัณฑสถานบำบัดพิเศษกลางต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับนายเล่าต๋า แสนลี่ นั้นเคยได้รับการขนานนามว่า “ ราชายาเสพติด ” และถูกโยงว่าเป็นเลขาฯ คนสนิทของนายจาง ซี ฟู หรือขุนส่า ผู้ค้ายาเสพติดรายใหญ่แห่งสามเหลี่ยมทองคำ ซึ่งนายเลาต๋า เคยถูก ปส. จับกุมเมื่อปี พ.ศ.2546 แต่ภายหลังศาลฎีกา มีคำตัดสินเมื่อปลายปี พ.ศ.2550 พิพากษายืนให้ยกฟ้อง ตามศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ เนื่องจากพยานหลักฐานยังมีข้อพิรุธน่าสงสัย