ผู้จัดการรายวัน360-บอร์ดขสมก. ปลดล็อก รถเมล์ NGV489คัน ยอมรับราคาประมูลกลุ่ม SCN-CHO แม้เกินราคากลางที่4.02 พันล้านอ้างเหตุมติครม.เดิม อนุมัติงบซื้อรถเมล์แอร์ไว้ที่คันละ 4.5 ล. สั่งขสมก. งัดระเบียบสนับสนุน เตรียมเคาะอนุมัติ 20 ธ.ค.นี้ คาดเซ็นสัญญาก่อนปีใหม่ รับรถล็อตแรก100 คันใน3 เดือน
นายณัฐชาติ จารุจินดา ประธานคณะกรรมการบริหารกิจการ องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ(บอร์ด ขสมก.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมบอร์ดขสมก.วันที่13 ธ.ค. ได้พิจารณาผลการประมูลโครงการจัดซื้อรถโดยสารปรับอากาศใช้เชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติ (NGV) พร้อมซ่อมแซมและบำรุงรักษารถโดยสาร จำนวน 489 คัน ราคากลาง 4,020 ล้านบาท ด้วยวิธีอิเล็กทรอนิกส์ (e-bidding)โดยมีกลุ่มร่วมทำงาน SCN-CHO (Consortium SCN-CHO) ซึ่งมี บริษัท ช ทวี จำกัด (มหาชน) หรือ CHO ร่วม กับบริษัท สแกน อินเตอร์ จํากัด (มหาชน) หรือ SCN ยื่นข้อเสนอรายเดียว ซึ่งเบื้องต้นในส่วนของราคาได้ข้อยุติแล้ว แต่เพื่อความแน่ใจว่าทุกอย่างดำเนินการถูกต้องตามระเบียบ บอร์ดให้ขสมก.ทำข้อมูลเพิ่มเติม ว่ามีเหตุผลใด ระเบียบใดจึงรับราคาดังกล่าว และเอกสารถูกต้องตามระเบียบ เนื่องจากเป็นโครงการที่เป็นที่สนใจของสาธารณะ
โดยในวันที่ 20 ธ.ค.นี้ บอร์ดจะประชุมอีกครั้ง ซึ่งหากรายละเอียดครบถ้วนไม่มีปัญหา คาดว่าจะสามารถอนุมัติ และเดินหน้าลงนามสัญญาได้ เนื่องจากได้ร่างสัญญาไว้แล้ว และตามเงื่อนไง จะต้องส่งมอบรถครบทั้ง 489 คัน ภายใน 180 วันหลังลงนามสัญญา ซึ่งทางกลุ่ม SCN-CHO เสนอส่งมอบรถล็อตแรกจำนวน 100 คัน ภายใน3 เดือน
นายณัฐชาติ กล่าวว่า เอกชนเสนอราคาสูงกว่าราคากลาง แต่ไม่เกินกรอบวงเงินที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้เห็นชอบไว้ คือ รถปรับอากาศราคาคันละ 4.5 ล้านบาท ซึ่งตามระเบียบเขียนว่าเป็นวงเงินในการจัดซื้อ ไม่ได้เขียนว่าต่ำกว่าราคากลาง ซึ่งเป็นราคาที่ตั้งมาจากการสอบถาม ดังนั้นประมูลครั้งนี้ราคาที่เอกชนเสนอไม่เกินกรอบวงเงินจัดซื้อที่ครม.อนุมัติไว้ แม้ว่าจะสูงกว่าราคากลาง ซึ่งได้มีการเจรจาต่อรองราคาต่ำสุดและเห็นว่าเหมาะสมแล้ว ถือว่าใช้ได้
“ที่ผ่านมา เป็นการตีความว่าราคากลางเป็นวงเงินซึ่งไม่ใช่ เพราะวงเงินของงานนี้คือ กรอบราคาที่ครม.อนุมัติ โครงการนี้เป็นที่สนใจของสังคม ทุกอย่างต้องทำให้ถูกต้องตามระเบียบ จะอ้างระเบียบข้อใด ต้องชัดเจน “
ทั้งนี้ กลุ่ม SCN-CHO ได้เสนอที่จะนำเข้ารถโดยสารมาประกอบในประเทศบางส่วน ไม่ใช่การนำเข้าสำเร็จรูป หรือ CBU และไม่ใช่ CKD หรือรถยนต์ที่นำเข้าชิ้นส่วนมาผลิตในประเทศ อาจเป็นการนำรถเข้ามา แล้วติดแอร์ในประเทศก็ได้ อย่างไรก็ตาม ขั้นตอนทางภาษีนำเข้า ก็ต้องดำเนินการให้ถูกต้องตามกฎหมาย
นายณัฐชาติ จารุจินดา ประธานคณะกรรมการบริหารกิจการ องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ(บอร์ด ขสมก.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมบอร์ดขสมก.วันที่13 ธ.ค. ได้พิจารณาผลการประมูลโครงการจัดซื้อรถโดยสารปรับอากาศใช้เชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติ (NGV) พร้อมซ่อมแซมและบำรุงรักษารถโดยสาร จำนวน 489 คัน ราคากลาง 4,020 ล้านบาท ด้วยวิธีอิเล็กทรอนิกส์ (e-bidding)โดยมีกลุ่มร่วมทำงาน SCN-CHO (Consortium SCN-CHO) ซึ่งมี บริษัท ช ทวี จำกัด (มหาชน) หรือ CHO ร่วม กับบริษัท สแกน อินเตอร์ จํากัด (มหาชน) หรือ SCN ยื่นข้อเสนอรายเดียว ซึ่งเบื้องต้นในส่วนของราคาได้ข้อยุติแล้ว แต่เพื่อความแน่ใจว่าทุกอย่างดำเนินการถูกต้องตามระเบียบ บอร์ดให้ขสมก.ทำข้อมูลเพิ่มเติม ว่ามีเหตุผลใด ระเบียบใดจึงรับราคาดังกล่าว และเอกสารถูกต้องตามระเบียบ เนื่องจากเป็นโครงการที่เป็นที่สนใจของสาธารณะ
โดยในวันที่ 20 ธ.ค.นี้ บอร์ดจะประชุมอีกครั้ง ซึ่งหากรายละเอียดครบถ้วนไม่มีปัญหา คาดว่าจะสามารถอนุมัติ และเดินหน้าลงนามสัญญาได้ เนื่องจากได้ร่างสัญญาไว้แล้ว และตามเงื่อนไง จะต้องส่งมอบรถครบทั้ง 489 คัน ภายใน 180 วันหลังลงนามสัญญา ซึ่งทางกลุ่ม SCN-CHO เสนอส่งมอบรถล็อตแรกจำนวน 100 คัน ภายใน3 เดือน
นายณัฐชาติ กล่าวว่า เอกชนเสนอราคาสูงกว่าราคากลาง แต่ไม่เกินกรอบวงเงินที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้เห็นชอบไว้ คือ รถปรับอากาศราคาคันละ 4.5 ล้านบาท ซึ่งตามระเบียบเขียนว่าเป็นวงเงินในการจัดซื้อ ไม่ได้เขียนว่าต่ำกว่าราคากลาง ซึ่งเป็นราคาที่ตั้งมาจากการสอบถาม ดังนั้นประมูลครั้งนี้ราคาที่เอกชนเสนอไม่เกินกรอบวงเงินจัดซื้อที่ครม.อนุมัติไว้ แม้ว่าจะสูงกว่าราคากลาง ซึ่งได้มีการเจรจาต่อรองราคาต่ำสุดและเห็นว่าเหมาะสมแล้ว ถือว่าใช้ได้
“ที่ผ่านมา เป็นการตีความว่าราคากลางเป็นวงเงินซึ่งไม่ใช่ เพราะวงเงินของงานนี้คือ กรอบราคาที่ครม.อนุมัติ โครงการนี้เป็นที่สนใจของสังคม ทุกอย่างต้องทำให้ถูกต้องตามระเบียบ จะอ้างระเบียบข้อใด ต้องชัดเจน “
ทั้งนี้ กลุ่ม SCN-CHO ได้เสนอที่จะนำเข้ารถโดยสารมาประกอบในประเทศบางส่วน ไม่ใช่การนำเข้าสำเร็จรูป หรือ CBU และไม่ใช่ CKD หรือรถยนต์ที่นำเข้าชิ้นส่วนมาผลิตในประเทศ อาจเป็นการนำรถเข้ามา แล้วติดแอร์ในประเทศก็ได้ อย่างไรก็ตาม ขั้นตอนทางภาษีนำเข้า ก็ต้องดำเนินการให้ถูกต้องตามกฎหมาย