xs
xsm
sm
md
lg

“บิ๊กตู่”ขู่ไม่มี“บิ๊กป้อม”อยู่ด้วย-จะดุกว่าเดิม-ใช้อำนาจเต็มที่

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ผู้จัดการรายวัน360 - "บิ๊กตู่" บอก"บิ๊กป้อม" เป็นทหารต้องเข้มแข็งพอ หลังตกเป็นเป้าโจมตีปมแหวนเพชร-นาฬิกาหรู แฉมีพวกจ้องเล่นงาน หวังตีให้แตก ขู่ถ้าไม่มีบิ๊กป้อมอยู่ด้วย จะดุกว่าเดิม ด้าน"บิ๊กป้อม" ชิ่งสื่อ!! บอกแค่ยังไม่ได้ชี้แจง ป.ป.ช. "อภิสิทธิ์" เตือน "บิ๊กกุ้ย" ทำตรงไปตรงมา ด้านเลขาฯ คปต.แฉ “ประวิตร” ไม่ได้ใส่แค่นาฬิการิชาร์ด มิลล์ ชี้ยังเห็นอีกหลายเรือน ทั้งแหวนเพชร ทับทิม เพียบ แต่ไม่แจ้ง ป.ป.ช. นายกฯโว 3 ปี รัฐบาลฟื้นความสัมพันธ์ “อียู” ยันรัฐบาลยินดีแก้ไขทุกเรื่องตามข้อเสนอแนะ ลั่นไม่เคยฝืนโรดแมป "ดอน" เผยกระแสการเมืองระหว่างประเทศ ทำให้ อียู หันหน้าคุยกับไทย ส่วน ไอยูยู พ้นใบเหลืองหรือไม่ ยังต้องลุ้น

วานนี้ (12 ธ.ค.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช. กล่าวถึง ประเด็นการตวจสอบ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม เรื่องแหวนเพชรและนาฬิกาหรูว่า ไม่ต้องให้กำลังใจอะไร ท่านเข้มแข็งพอ ท่านเป็นทหาร สามารถดูแลตัวเองได้ เราไม่ใช่เด็กๆ กันแล้ว ขอร้องสื่อให้ลดราวาศอกกันบ้าง กฎหมายว่าอย่างไร ก็ไปว่ากันตามขั้นตอน อย่ามองในทางที่แย่ทั้งหมด แต่ให้ไปดูกฎหมายก่อน

“ กรณีที่ อ.ประวิตร ตกเป็นเป้าถูกร้องเรียนหลายเรื่องนั้นยอมรับว่า ใช่ เพราะสื่อ และหลายคนก็จ้องอยู่เช่นกัน เขาต้องการตีให้แตกออกจากตน ก็รู้อยู่ "ผมเองก็แข็งแรงเยอะ ถ้ายิ่งไม่มีคนอยู่ด้วย ก็จะยิ่งดุกว่าเดิม จะใช้อำนาจอย่างเต็มที่"

ด้านพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม กล่าวถึงการชี้แจงคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช. ) กรณี ป.ป.ช.มีหนังสือให้ พล.อ.ประวิตร ชี้แจงเรื่อง นาฬิกาหรู และแหวนเพชร ที่ไม่ได้แจงในบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน ต่อป.ป.ช. ว่า "ยังไม่ได้ชี้แจง" และเมื่อถามว่าในกรณีที่มีแหล่งข่าวออกมาระบุว่า แหวนเป็นของคุณแม่ และนาฬิกาเป็นของเพื่อน พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า "ยังไม่รู้" เมื่อถามว่า นอกจากแหวน และนาฬิกา จะชี้แจงเรื่องอื่นอีกหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า "เดี๋ยวก่อน" จากนั้น ก็รีบเดินไปขึ้นรถทันที

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการทำหน้าที่ของป.ป.ช. ในการตรวจสอบ แหวนเพชร และนาฬิกา ของ พล.อ.ประวิตร ว่า เมื่อป.ป.ช. ทำหนังสือขอให้พล.อ.ประวิตร ไปชี้แจงแล้ว ก็ต้องรอให้พล.อ.ประวิตร ชี้แจงก่อน ซึ่งป.ป.ช. ต้องมีความโปร่งใสในการพิจารณา จะวินิจฉัยอย่างไร ต้องมีเหตุผลและข้อเท็จจริงรองรับ คงไปคิดล่วงหน้าไม่ได้ว่า ป.ป.ช.จะทำอย่างนั้น อย่างนี้ ต้องรอให้ป.ป.ช.ตรวจสอบก่อน แล้วค่อยมาดูว่าการทำหน้าที่ของเขามีปัญหาหรือไม่

ส่วนกรณีที่มีการตั้งข้อสังเกตถึงสายสัมพันธ์ระหว่าง พล.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธานป.ป.ช. มีความใกล้ชิดกับพล.อ.ประวิตร ว่าอาจทำให้การตรวจสอบไม่ได้รับความเชื่อถือนั้น ตนเห็นว่าผู้ที่ดำรงตำแหน่ง ต้องทำหน้าที่ตรงไปตรงมา

***แฉ “บิ๊กป้อม”ใส่นาฬิกาหรู แหวนเพชร ทับทิมเพียบ

เครือข่ายสังคมออนไลน์เฟซบุ๊ก Veera Somkwamkid ของนายวีระ สมความคิด เลขาธิการเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชัน ระบุว่า มีหลักฐานว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ใส่นาฬิการาคาแพงเกินล้านบาทอยู่หลายเรือน ใส่แหวนเพชร แหวนทับทิม ราคาแพงอยู่หลายวง แต่กลับไม่มีการแจ้งต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) หลักฐานเหล่านี้ ป.ป.ช.ต้องให้ พล.อ.ประวิตร ชี้แจงมาให้หมดด้วยว่าทำไมจึงไม่แจ้งต่อ ป.ป.ช. และหากได้มาภายหลังจากการเข้าดำรงตำแหน่งในปี 2557 ต้องตรวจสอบว่าใช้เงินจากที่ใดไปซื้อ ซื้อมาเมื่อใด ซื้อมาด้วยวิธีใด อย่างไร และ ป.ป.ช.ต้องตรวจสอบย้อนหลังไปตั้งแต่เมื่อครั้ง พล.อ.ประวิตร เข้าร่วมรัฐบาลอภิสิทธิ์ในปี 2552 ว่ามีการแจ้งบัญชีทรัพย์สินฯ เหล่านี้ต่อ ป.ป.ช.หรือไม่ อย่างไร

ด้าน น.ส.รสนา โตสิตระกูล อดีตสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ ระบุผ่านเครือข่ายสังคมออนไลน์เฟซบุ๊ก รสนา โตสิตระกูล ว่าเรื่องนาฬิการิชาร์ด มิลล์ อาจจะเป็นประเด็นเล็กก็ได้ว่า พล.อ.ประวิตรได้มาเมื่อไหร่ เพราะ พล.อ.ประวิตรใส่นาฬิกาหลายเรือนในหลายโอกาส และแหวน แต่ไม่ปรากฏว่ามีการแจ้ง ป.ป.ช.ถึงรายการทรัพย์สินเหล่านี้

“เพื่อนที่เป็นนักสะสมนาฬิกาหรู ได้ประเมินยี่ห้อนาฬิกาจากภาพที่เห็น ระบุว่าน่าจะมีทั้ง Rolex และ Patex ดูสนนราคาน่าจะเกินเรือนละ 2 แสนบาท แต่ปัญหาคือท่านไม่ได้แจ้งบัญชีทรัพย์สินเหล่านี้ต่อ ป.ป.ช.เหมือนรัฐมนตรีท่านอื่นน่ะสิ” น.ส.รสนา ระบุ

***นายกฯโว 3 ปีฟื้นความสัมพันธ์“อียู”

นายกรัฐมนตรี กล่าวถึง กรณี คณะมนตรีต่างประเทศสหภาพยุโรป (อียู) มีมติฟื้นฟูความสัมพันธ์ทางการเมืองกับประเทศไทย ว่า เป็นเรื่องที่น่ายินดี เพราะเป็นสิ่งที่พยายามทำมาตลอดระยะ3 ปีที่ผ่านมา ทั้งในส่วนของกระทรวงต่างๆ เวลาไปพบปะพูดคุยกับประเทศสมาชิก อียู และให้ความสำคัญกับอียู ในฐานะที่เป็นตลาดการส่งออกของไทย ทั้งการค้า การลงทุน ซึ่งมีทั้งที่ อียู มาลงทุนในไทยและไทยไปลงทุนใน อียู ฉะนั้นสิ่งที่รัฐบาลพยายามทำคือ ให้อียูเข้าใจการบริหารราชการของเราในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา

วันนี้เขาเห็นว่ามุ่งมั่น ความตั้งใจ และเจตนารมณ์ของรัฐบาลในการเดินหน้าประเทศ และเขาก็ไม่ได้กำหนดเป็นเงื่อนไขอะไรออกมา ว่าต้องอย่างนั้น อย่างนี้ เขาเพียงแต่ทราบว่า เรามีโรดแมปการเลือกตั้ง ในเดือน พ.ย. 61 ที่ได้ประกาศไป และตนไม่เคยฝืนโรดแมป

"ถือเป็นเรื่องที่ดี ที่อียู มีมติเช่นนี้ ส่วนกรณีที่ อียู ตั้งเงื่อนไข14ข้อนั้น ถือว่าไม่ใช่เงื่อนไข เพียงแต่เขาอยากเห็นไทยกลับสู่ประชาธิปไตย ผ่านการเลือกตั้งที่น่าเชื่อถือ ประชาชนมีส่วนร่วม มีเสถียรภาพ เสรีภาพ ซึ่งรัฐบาลพยายามเดินหน้าไปสู่ตรงนั้น " พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

*** "สมคิด" แนะเร่งขันน็อตพีอาร์รับโหมดการเมือง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในที่ประชุมครม. นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ชี้แจงในช่วงวาระ รองนายกฯ ว่า ขณะนี้กำลังเข้าสู่โหมดการเมือง ดังนั้นการประชาสัมพันธ์หรือ พีอาร์ ของรัฐบาล ต้องปรับลง โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่มีข่าวดีกับรัฐบาล เช่น ธนาคารโลก(เวิลด์แบงก์) จัดอันดับความยากจนของคนไทยลดลง และ สหภาพยุโรป (อียู) ที่ปรับความสัมพันธ์ทางการเมืองกับไทย งานพีอาร์ต้องเร่งทำให้สังคมเห็นว่า สิ่งที่รัฐบาลทำมานั้น เดินมาถูกทางแล้ว นอกจากนี้ ต้องมีการปรับกลยุทธ์งานประชาสัมพันธ์ให้เท่าทันกับฝ่ายที่อยู่ตรงข้ามรัฐบาล ที่พยายามดิสเครดิตมาตลอด

*** “ดอน”ชี้กระแสการเมืองระหว่างประเทศ ทำให้ อียู หันหน้าคุยกับไทย

นายดอน ปรมัตถ์วินัย รมว.ต่างประเทศ กล่าวถึงกรณี อียูมีมติฟื้นระดับความสัมพันธ์ทางการเมืองกับไทย โดยมีเงื่อนไข ว่า ต้องมีการเลือกตั้งในปี 61 และไม่ให้เอาผิดในคดี ม.112 ว่า ตรงนี้ไม่ได้เป็นเงื่อนไขที่รุนแรง เป็นท่าทีปกติ แต่ใจความสำคัญ คือ พัฒนาการทางการเมืองกับ อียู ที่ดีอีกขั้นหนึ่ง เป็นขั้นที่ผ่อนคลายท่าทีของอียูลง จะทำให้การติดต่อกันในทุกระดับที่เป็นทางการดีขึ้น โดยเฉพาะทางการเมืองเดินหน้าไปได้ การแลกเปลี่ยนการเยือนเกิดขึ้นได้ หากเราเชิญเขามาไทย ถ้าเขาสนใจ ก็มาได้เลย ไม่มีข้อจำกัดใดๆ เช่นเดียวกันประเทศใดในอียู อยากจะเชิญไทยไปเยือน ก็ทำได้เลย ต่างจากก่อนหน้าที่ทำไม่ได้ โดยเฉพาะในระดับผู้นำทางการเมือง

"ตรงนี้ถือเป็นจุดสำคัญที่สุด ที่เห็นอย่างชัดเจนจากแถลงการณ์ของอียู ทั้ง 14 ข้อ แต่ท่าทีในข้อ 1 เป็นการนำร่องให้เห็นว่า เราเองมีพัฒนาการที่ดีตลอดเวลา 3 ปีครึ่งที่ผ่านมา ขณะเดียวกันไทยก็ได้ช่วยเหลือ อียู ฐานะเป็นผู้ประสานงานอาเซียน ที่สามารถสร้างความพอใจในอียูหลายด้าน รวมไปถึงกระแสการเมืองระหว่างประเทศ ก็เป็นเหตุที่ทำให้เขาเองเห็นว่า ควรจะเข้ามาคุยกับเรา เป็นการผสมผสานหลายปัจจัย เราก็ต้อนรับด้วยความยินดีกับพัฒนาการครั้งนี้ จากนี้ไปคงเห็นการติดต่อกันมากขึ้น ความผ่อนคลายตรงนี้ จะมีผลต่อด้านจิตใจนักลงทุนมากขึ้น ถือว่าเป็นข่าวดี" รมว.ต่างประเทศ กล่าว

ส่วนความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมาย หรือ ไอยูยู ภายหลังสหภาพยุโรป (อียู) มีท่าทีที่ดีต่อไทย คิดว่ามีความคืบหน้าสูงทีเดียว ได้รับสัญญาณอยู่บ้าง เพียงแต่ยังไม่ได้มีผลออกมาว่าไทยพ้นจากใบเหลือง หรือไม่ และจะออกมาเมื่อไร เหตุที่ยังไม่ออก เนื่องจากอียู เคยบอกกับไทยว่า เพราะไทยทำได้ดีมาก จนต้องขอเก็บเป็นตัวอย่างให้ประเทศต่างๆได้รับรู้
กำลังโหลดความคิดเห็น