ทุกครั้งที่ผู้ใหญ่ผู้โตในรัฐบาลประกาศร่วมมือร่วมใจกับองค์กรต่างๆ เพื่อรณรงค์ต่อต้าน ปราบปรามการทุจริต คอร์รัปชัน มีทั้งมาดเข้มขึงขังเอาจริงเอาจังอย่างยิ่ง หรือบางปีมีผู้นำเป็นสตรีก็ส่งเสียงเจื้อยแจ้ว ยิ้มหวานประกอบพิธีกรรมสร้างค่าตัว
ไม่กี่วันก่อนก็เช่นกัน คุณท่านผู้นำเสียงดังขึ้นเวทีร่วมกับตัวแทนองค์กรต่างๆ มีทั้งคนไทยและชาวต่างประเทศ ประกาศรณรงค์อีกแล้ว เพราะเป็นวันต่อต้านคอร์รัปชันสากล ยืนไขว้แขนกลางหน้าอก เสมือนหนึ่งว่าครั้งนี้เอาจริงแน่ ไม่จัดฉาก
ชาวบ้านดูแล้วก็รู้สึกเฉยๆ เพราะการแสดงบนเวทีให้ทีวีบันทึกภาพไปออกรายการข่าวถือว่าเป็นปรากฏการณ์ธรรมดามาก ไม่ต่างจากการรณรงค์เมาไม่ขับ ดื่มไม่ขับ โครงการฝากบ้านไว้กับตำรวจเมื่อถึงฤดูเทศกาลการท่องเที่ยวนับศพผู้ตาย
รณรงค์ดื่มไม่ขับ ตั้งด่านจุดตรวจ ผลสุดท้าย ตัวเลขผู้ท้าความตาย และเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายแต่ละปีถ้าจะมีลดบ้างก็ไม่น่าประทับใจ ผู้ใหญ่ผู้โตอยากให้ลด เป็นใช้ได้ มองว่าการรณรงค์นั้นดีแน่ ดีกว่าไม่ทำอะไรเลย ปล่อยเลยตามเลย นั่นเลย!
การประกาศรณรงค์ต่อต้านการทุจริต คอร์รัปชัน ดูเหมือนดี แต่ทางปฏิบัติแล้วเป็นเพียงการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์แหกตาคนบ้องตื้นมากกว่า ถ้าประกาศแล้วทำงานจริง ได้ผลจริง ก็ไม่ต้องประกาศทุกปีเมื่อถึงวันต่อต้านคอร์รัปชันสากล แม่นบ่?
ดังนั้น การรณรงค์ต่อต้านคอร์รัปชันจึงเป็นพิธีกรรม ธรรมเนียมปฏิบัติทุกปี! ยิ่งระดับของพฤติกรรมกังฉินกินเมืองทำให้เมืองไทยติดอันดับโลกการโกงด้วยแล้ว ถ้าไม่ทำอะไร จะถูกมองว่าไม่เห็นความสำคัญ แต่กระนั้นก็ไม่มีใครรู้สึกว่าต้องอาย
ก็มันโกงกินกันเหลือเกิน ถึงขั้นพูดกันว่า ถ้าเมืองไทยไม่มีการโกง ถนนหนทางปูด้วยทองคำก็ยังได้ และที่โกงกันมาถึงระดับ 30-40 เปอร์เซ็นต์ บ้านเมืองยังอยู่ได้ แสดงว่าแผ่นดินไทยมีความอุดมสมบูรณ์ด้วยทรัพยากร โกงกินหลายชั่วโคตรก็ยังได้
การโกงจึงเป็นส่วนหนึ่งของสังคมไทย คอร์รัปชันชุกชุม คุณท่านผู้ใหญ่ผู้โตกุมอำนาจบ้านเมืองนานกว่า 3 ปี มีกฎหมายอำนาจพิเศษ ไม่มีนักการเมือง ไม่มีฝ่ายค้าน กลุ่มเคลื่อนไหวต่างๆ ถูกสยบเงียบด้วยกฎหมายควบคุมการชุมนุม ประท้วง
ยิ่งมีมาตรา 44 ให้อำนาจเต็มที่ ใครจะหืออืออะไรก็ถูกเรียกไปปรับทัศนคติ บรรดาข้าราชการทุกหมู่เหล่าต่างผู้ภายใต้กฎเข้ม แต่ทำไมการทุจริต คอร์รัปชันทุกรูปแบบยังคงเป็นอย่างเต็มบ้องถึง 30-40 เปอร์เซ็นต์หรือมากกว่านั้น มหัศจรรย์แท้
พ่อค้ายังมีโอกาสแบ่งรายได้ กระจายความมั่งคั่งไปให้คนมีอำนาจภาครัฐ แม้กระทั่งการประมูล อี-อ็อกชั่น ก็ยังมีการฮั้ว ขบวนการใต้โต๊ะ ตามน้ำ ทวนน้ำ หักดิบ เรียกรับสินบนยังมีอยู่! ทำไมเป็นเช่นนั้น ก็ไม่มีใครอธิบายอย่างเป็นทางการได้
แต่มีเสียงซุบซิบนินทาร่ำลืออย่างไม่เป็นทางการว่า การจ่ายเงินสินบนต่างๆ นั้นเป็นการให้ “ผู้มาใหม่” พร้อมกับความหิวโหย ท้องว่าง อดอยากปากแห้งมานาน เมื่อได้โอกาสจึงแย่งจาก “ผู้อยู่แต่เดิม” จนกระทั่งมีเรี่ยวแรงจึงยอมแบ่งให้ “ผู้อยู่เก่า”
คราวนี้ “ผู้จ่าย” ต้องรับภาระหนักกว่าเดิม ทั้ง 2-3 ต่อ เพื่อความราบรื่นในการเดินเรื่อง ขณะที่ผู้มาใหม่ กับผู้อยู่เก่าต่างเริ่มทำงานเข้าขากันมากขึ้น การประสานเพื่อแบ่งสันปันส่วนผลประโยชน์จึงเป็นความจำเป็น ดีกว่าหักล้างกัน ทุบหม้อข้าวกัน
ดังนั้นการที่คุณท่านผู้นำประกาศบนเวทีด้วยมาดซื่อตาใสบริสุทธิ์ รณรงค์ให้ชาวบ้านต่อต้านคอร์รัปชัน อ้างว่าเป็นมะเร็งร้ายในสังคมประเทศ นั่นนี่โน่น แล้วแต่จะสรรหาถ้อยคำเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือในกลุ่มคนบ้องตื้นมองโลกสวย ก็มีคำถาม
ในความคิดและสายตาของคุณท่านนั้น “ใคร” คือตัวปัญหาในการทุจริต คอร์รัปชันในบ้านเมือง ทั้งที่ผ่านมาและยังมีอยู่ในปัจจุบัน เพราะนักการเมืองซึ่งมักตกเป็นผู้ถูกกล่าวหาไม่ได้กุมอำนาจรัฐมานานกว่า 3 ปีแล้ว หน้าไหนคือตัวโกงแท้?
ที่ผ่านมา นับตั้งแต่คุณท่านและคณะผู้กุมอำนาจรัฐบาล แสดงว่ายังมีการทุจริต คอร์รัปชันอย่างมากใช่มั้ย ไม่อย่างนั้นจะมีการรณรงค์แข็งขันอีกทำไม แสดงให้เห็นว่าเมื่อมีการทุจริต ก็ไม่มีการปราบปรามจริงจังใช่หรือไม่ ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น?
หรือว่าพอจับได้บ้าง เป็นพวกปลาซิวปลาสร้อย ปลาเล็กปลาน้อย ส่วนปลาตัวใหญ่ไม่มีใครกล้าเล่นงาน ทั้งๆ ที่ชาวบ้านก็รู้ว่าเป็นใครโดยพฤติกรรมเขมือบหนัก ชาวบ้านอยากจับเข่าคุณท่านถามดังๆ ว่า “ท่านรู้มั้ยว่า มีใครเป็นไอ้ตัวโกงยุคนี้?”
จะว่าไม่รู้ ก็ไม่น่าเชื่อ ท่านเป็นคนรู้ดี รู้ทุกเรื่อง พูดได้ทุกเรื่อง ชาวบ้านเห็นกันทั่วทุกคืนวันศุกร์ หรือคุณท่านผู้นำก็รู้ว่ามีการทุจริต แต่จนปัญญาไม่รู้จะทำอย่างไร?
มีอำนาจขนาดนี้ เหนือกว่าใครในประวัติศาสตร์ผู้นำรัฐไทย การไม่ใช้อำนาจจัดการสิ่งชั่วร้ายในบ้านเมือง ถือว่าเป็นความล้มเหลว เสียความไว้เนื้อเชื่อใจของประชาชนคนเสียภาษี ซึ่งเป็นเหยื่อของขบวนการทุจริต คอร์รัปชัน ใช่หรือไม่?
ผู้ใหญ่ผู้โตกุมอำนาจรัฐอ้างเสียงดังช่วง 3-4 วันก่อนว่าตั้งแต่ทำงานมา ไม่เคยประพฤติตัวทุจริต ประพฤติมิชอบ ไม่รับแขกที่บ้าน ใครไปหาเยี่ยมเยือนไล่กลับไปหมด เพื่อกำจัดข้อครหาว่ารับแขกบ้าน ประตูหน้าบ้าน หลังบ้านปิดเงียบ ไม่อวยใคร
ก็ยังมีเสียงท้วงติงว่าในประวัติศาสตร์ การโกงกินไม่จำเป็นต้องทำด้วยตัวเองก็ได้ แต่ใช้ตัวช่วยจัดการหารายได้และจัดเก็บสะสมให้ด้วย ไม่มีปัญหาด้านเปิดเผย ดังนั้น เมื่อมีใครส่งเสียงแหบๆ ท้าทายว่า “ไหน เอาหลักฐาน ใบเสร็จมาดูซิ...!”
ใครก็ตามที่พูดอย่างนี้ ให้อนุมานไว้ก่อนเลยว่า “นี่แหละ ไอ้หน้าขี้โกงแท้...!”