นักการเมืองกังฉินโกงบ้านกินเมืองคำโตแล้วหอบเงินไปฝากธนาคารสวิตเซอร์แลนด์ หวังเสวยสุขบนกองเงินกองทองหลังจากสิ้นอำนาจต้องระวัง จะไม่ปลอดภัยจากการถูกตรวจสอบ อายัดและยึดคืนให้ผู้เสียหาย
รัฐบาลสวิสได้ยินยอมคืนทรัพย์สินมูลค่า 321 ล้านเหรียญสหรัฐให้ประเทศไนจีเรีย หลังจากได้ยึดมาจากครอบครัวของอดีตประธานาธิบดี ซานิ อาบาชา ซึ่งเป็นจอมกังฉิน คอร์รัปชันในยุคที่ครองอำนาจนาน 5 ปี
เงินที่ยึดได้มาจากการดำเนินคดีอาญากับนายอับบา อาบาชา ลูกชายของซานิ อาบาชา ซึ่งเสียชีวิตในปี 1998 แต่ช่วงเวลาของการครองอำนาจได้โกงกินอย่างหนัก รัฐบาลไนจีเรียได้สอบสวนการทุจริตอย่างเข้ม
เชื่อกันว่าอดีตประธานาธิบดีได้ขโมยทรัพย์สินแผ่นดินไนจีเรียไปกว่า 4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 1.2 แสนล้านบาท ซึ่งนับว่าไม่ธรรมดาสำหรับการโกงเพียง 5 ปี เพราะไนจีเรียมีทรัพยากรปิโตรเลียมมหาศาล
ไนจีเรียถูกมองว่าเป็นประเทศที่มีการทุจริต คอร์รัปชันอย่างมาก จนติดอันดับโลก มีเงินจำนวนมหาศาลถูกโยกไปฝากในธนาคารต่างประเทศ
มีประชากรกว่า 185 ล้านคน ประกอบด้วยชนเผ่ามากกว่า 12 เผ่า
หลังจากการสอบสวนและติดตามคดี รัฐบาลสวิสก็ได้แถลงการณ์ว่าได้บรรลุข้อตกลงกับเจ้าหน้าที่ไนจีเรียในเรื่องการเยียวยาชดใช้คืนเงินที่จอมโกงอาบาชาผู้บิดาได้โกงโดยจะร่วมมือกับธนาคารโลกกำหนดเงื่อนไข
แต่การทุจริต คอร์รัปชันอยู่ติดอันดับโลกเช่นกัน ความมั่งคั่งจากทรัพยากรแผ่นดินไม่ได้ตกถึงประชาชนอย่างเต็มที่เพราะผู้นำรัฐบาลแต่ละยุคจ้องเขมือบรายได้จากการขายน้ำมัน ยิ่งซ้ำเติมปัญหาความยากจน
การคืนเงินครั้งนี้จะกระทำภายใต้โครงการสนับสนุนโดยธนาคารโลก มุ่งเน้นเพื่อบรรเทาความยากจนของประชาชนไนจีเรียซึ่งมีจำนวนมาก ชาวบ้านในชนบทเผชิญทุกข์แร้นแค้นขาดแคลน เงินงบประมาณรั่วไหล
รัฐบาลนำโดยประธานาธิบดีโมฮัมมาดู บูฮารี ได้กล่าวขอบคุณประชาคมโลกในการไล่ล่าสมบัติชาติที่โดนโกงเอาไป และแสดงเจตนาว่าจะปราบปรามการทุจริต คอร์รัปชันต่อเนื่อง ไม่ใช่แค่ตามหาเงินที่ถูกโกง
รัฐบาลสวิสได้ติดตามเอาคืนสมบัติจากครอบครัวของอาบาชาได้มากถึง 700 ล้านเหรียญ จากแหล่งเงินฝากต่างๆ ในธนาคารสวิส รัฐบาลไนจีเรียยังจ้องจะเอาคืนเงิน 480 ล้านเหรียญที่โดนยึดในสหรัฐฯ อีกด้วย
แต่จะได้เงินก้อนนี้ไม่ง่าย เพราะมีขั้นตอนการฟ้องร้องทางกฎหมาย ทำให้รัฐบาลไนจีเรียต้องว่าจ้างทนายความฝีมือดีเพื่อที่จะเอาเงินคืนให้ได้
ขณะนี้ไนจีเรียเป็น 1 ใน 4 ประเทศที่กำลังหาทางไล่ล่าเอาเงินที่โดนโกงไปคืน และเรื่องนี้กำลังถูกถกกันในการประชุมว่าด้วยการหาทางเอาคืนทรัพย์สินแผ่นดินจากพวกกังฉิน เวทีถกกันอยู่ในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี.
ไนจีเรียได้แสดงความซาบซึ้งต่อความร่วมมือในประชาคมโลก ซึ่งถือว่าเป็นปัจจัยสำคัญในการสกัดกั้นการทุจริต คอร์รัปชัน โดยปิดเส้นทางการเงินซึ่งมีที่มาโดยไม่สะอาด สุจริต สร้างกระบวนการสนับสนุนต่างๆ
จากการประเมินโดยสำนักงานว่าด้วยยาเสพติดและอาชญากรรมภายใต้องค์การสหประชาชาติ คาดว่าไนจีเรียได้สูญเสียทรัพย์สินมากกว่า 4 แสนล้านดอลลาร์ จากการคอร์รัปชันในระหว่างปี 1960 จนถึงปี 1999
อยากรู้ว่าเป็นยอดเงินเท่าไหร่ ก็ลองเอา 32 บาทคูณดูก็แล้วกัน! นั่นเป็นเงินจำนวนมหาศาล สามารถใช้ในโครงการต่างๆ เพื่อปรับปรุง ฟื้นฟู ทำนุบำรุงประเทศ ซึ่งมีปัญหาความยากจนเรื้อรัง การจราจรถึงขั้นวิกฤต
การฝากเงินในบัญชีลับในธนาคารสวิตเซอร์แลนด์เคยได้รับความนิยมในยุคก่อนปี 1980 เพราะไม่มีอำนาจใดสั่งให้ธนาคารเปิดเผยเจ้าของเงินฝาก ทำให้เผด็จการ ทรราชขี้โกงหอบเงินไปซุกที่นั่นจำนวนมหาศาล
โดยเฉพาะอย่างยิ่งบัญชีเป็นตัวเลขแทนชื่อผู้ฝาก เก็บไว้เป็นความลับแม้แต่ทายาท หรือสมาชิกครอบครัวก็ไม่รู้ ถ้าโชคร้ายตายเสียก่อนได้สั่งเสีย ก็จะทำให้เงินถูกเก็บไว้ในบัญชีลับตลอดกาล
จนกระทั่งถึงยุคประธานาธิบดี เฟอร์ดินานด์ มาร์กอส ซึ่งเป็นหัวหน้าครอบครัวกังฉิน ถลุงทรัพย์สินแผ่นดินฟิลิปปินส์เอาไปฝากในธนาคารสวิสหลายพันล้านเหรียญ หวังจะให้เมียและลูกไม่ลำบากกินอยู่สบายจนตาย
รัฐบาลใหม่ตั้งคณะกรรมการเพื่อตรวจสอบไล่ล่าทวงคืนทรัพย์สินจากตระกูลมาร์กอส ได้ไปยื่นคำร้องต่อศาลสวิส ได้คืนมาหลายร้อยล้านเหรียญสหรัฐ ทั้งๆ ที่เป็นส่วนน้อยเพราะมาร์กอสอยู่ในอำนาจยาวนาน
อีเมลดา มาร์กอส ภริยา ได้รับฉายาว่ามาดาม 10 เปอร์เซ็นต์
แม้จะโดนยึดคืน ยังถือว่าเป็นส่วนน้อย ไม่มีคนในครอบครัวมาร์กอสถูกดำเนินคดีอาญาจนถึงขั้นติดคุก แต่ความพยายามเข้าสู่การเมืองไม่ง่าย ชาวบ้านยังจำบทเรียน รัฐบาลพยายามลดการคอร์รัปชัน แต่ก็ยังยาก