ผู้จัดการรายวัน360 - นายกฯ ลงพื้นที่ จ.ตรัง 8 ธ.ค.นี้ ติดตามการแก้ปัญหา และช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย ขณะที่นครศรีธรรมราช จมบาดาลซ้ำสอง น้ำหลากจากลุ่มน้ำท่าดีทุบสถิติในรอบหลายปีสูงกว่า 6 เมตร ย่านการค้าใน อ.พระพรหมจมมิด รพ. ถูกน้ำล้อม ถนนถูกน้ำท่วมสูง
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มีกำหนดการเดินทางไปตรวจเยี่ยมสถานการณ์อุทกภัย เพื่อติดตามการแก้ปัญหา และให้ความช่วยเหลือ ในพื้นที่ จ.ตรัง วันที่ 8 ธ.ค.นี้
ทั้งนี้ ตามที่ได้เกิดฝนตกหนักอย่างต่อเนื่องในพื้นที่ จ.ตรัง ตั้งแต่วันที่ 23-30 พ.ย.ที่ผ่านมา ประกอบกับมวลน้ำจากเทือกเขาบรรทัด ด้านทิศเหนือ บริเวณ อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช ไหลลงสู่แม่น้ำตรัง จำนวนมาก ส่งผลให้เกิดอุทกภัยในเขตพื้นที่ อ.เมืองตรัง และอำเภออื่นๆรวม 8 อำเภอ ได้แก่ นาโยง รัษฎา ห้วยยอด ปะเหลียน วังวิเศษ กันตัง และ ย่านตาขาว มีราษฎรได้รับความเดือดร้อน 19,076 ครัวเรือน พื้นที่การเกษตรได้รับผลกระทบ 337,592 ไร่ ซึ่งทางจังหวัดได้ประกาศเตือนให้ประชาชนในพื้นที่ เฝ้าติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด และเตรียมความพร้อมในการให้ความช่วยเหลือเบื้องต้น เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน
สำหรับกำหนดการ ที่วางไว้ เวลา 07.00 น. นายกฯ พร้อมคณะเดินทางจากกรุงเทพฯ ท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 (บน.6) ไปยังท่าอากาศยานตรัง จากนั้นเดินทางไปยังสะพานคลองช้าง ต.บางรัก อ.เมืองตรัง เพื่อรับฟังบรรยายสรุปโครงการระบบระบายน้ำแม่น้ำตรัง และเดินทางต่อไปยังโรงเรียนจุฬาภรณราชวิทยาลัย โดยนายกฯ จะมอบถุงยังชีพให้แก่ผู้ประสบภัย และลงเรือเยี่ยมให้กำลังใจ พร้อมมอบถุงยังชีพแก่ผู้ประสบภัย บริเวณแยกหนองบัว ต.นาตาล่วง
ช่วงบ่าย พบปะให้กำลังใจ พร้อมมอบถุงยังชีพแก่ผู้ประสบภัย ณ วิทยาลัยสาธารณสุขสิรินธร ที่ อ.กันตัง จากนั้น เดินทางโดยเฮลิคอปเตอร์ไปยัง ค่ายเทพสตรีศรีสุนทร อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช เพื่อเดินทางไปยังโรงเรียนรัษฎา ต.คลองปาง อ.รัษฎา จ.ตรัง และตรวจเยี่ยมให้กำลังใจผู้ประสบภัย พร้อมมอบถุงยังชีพ จากนั้น ในเวลา 16.00 น. นายกฯเดินกลับกรุงเทพฯ
ส่วนสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ จ.ตรัง หลังจากพนังกั้นแม่น้ำตรังแตกทั้ง 2 จุดทำให้มวลน้ำไหลหลากเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชนกว่า 1,487 ครัวเรือน โดยเฉพาะพื้นที่บริเวณหมู่ที่ 6 และ หมู่ที่ 4 ต.บางรัก อ.เมือง จ.ตรัง ระดับน้ำยังคงท่วมสูงอยู่ประมาณ 2-3 เมตร โดยชาวบ้านเชื่อว่าหากฝนไม่ตกลงมาอีก สถานการณ์น้ำเริ่มคลี่คลาย แต่ในพื้นที่ลุ่มต่ำยังคงได้รับผลกระทบต่อเนื่องยาวอีกกว่า 1 เดือน เหมือนปี 2559 ที่ผ่านมา
ส่วนสถานการณ์ระดับน้ำที่คลองท่าใหญ่ ซึ่งหลากลงมาจากต้นน้ำท่าดี ในท้องที่บ้านคีรีวง ต.กำโลน อ.ลานสกา จ.นครศรีธรรมราช ได้ทำลายสถิติมีความสูงของระดับน้ำถึง 630 เซนติเมตร และสูงสุดในรอบหลายปี ซึ่งเป็นผลจากฝนตกอย่างต่อเนื่อง และเนื่องจากสภาพภูเขาอุ้มน้ำเต็มที่แล้ว ปริมาณน้ำฝนที่ตกลงมาจึงหลากได้อย่างรวดเร็วและรุนแรง
โดยในส่วนตัวเมืองนครศรีธรรมราช ลำคลองทั้ง 5 สายคือ คลองคูพาย ป่าเหล้า คลองสวนหลวง คลองหน้าเมือง และคลองราเมศวร์ ระดับน้ำในตัวเมืองนั้นสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ชุมชนอาศัยกลางเมืองนครศรีธรรมราช โดยเฉพาะระหว่างถนนพัฒนาการคูขวาง และถนนศรีธรรมโศก ถูกท่วมเกือบ 100 เปอร์เซ็นต์ และย่านการค้าถนนปาก หลายจุดระดับน้ำสูงกว่า 1.5 เมตร โดยเจ้าหน้าที่สำนักชลประทานที่ 15 พยายามเร่งระบายน้ำ แต่ก็เป็นไปอย่างล่าช้า เนื่องจากน้ำทะเลหนุนสูงอย่างต่อเนื่อง
สภาพถนนสายนครศรีธรรมราช-ทุ่งสง ช่วงตัวเมืองของ อ.พระพรหม จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นย่านการค้าของอำเภอ และเป็นสถานที่ตั้งมหาวิทยาลัยรามคำแหง สาขาวิทยบริการนครศรีธรรมราช รวมทั้งโรงพยาบาลพระพรหม ซึ่งเป็นโรงพยาบาลชุมชนที่เพิ่งก่อสร้าง อยู่ด้านหลังมหาวิทยาลัยรามคำแหง ถูกน้ำท่วมอย่างหนัก รถขนาดเล็กและกลางไม่สามารถใช้สัญจรได้ โดยระดับน้ำได้หลากเข้าโอบล้อมพื้นที่ของโรงพยาบาลพระพรหมไว้ทั้งหมด แต่ไม่เข้าท่วมเนื่องจากมีการปรับพื้นที่สูงขณะก่อสร้างเพิ่งแล้วเสร็จได้ไม่นาน ทำให้รอดพ้นจากน้ำท่วมได้อย่างหวุดหวิด
ส่วนสภาพน้ำป่าได้สร้างความเสียหายให้กับพื้นที่ป่าเขาอย่างรุนแรง ถนนหลายสายระหว่าง อ.สิชล กับ อ.นบพิตำ ถูกกระแสน้ำป่าตัดขาดหลายจุด ขณะที่ในพื้นที่ อ.นบพิตำ จ.นครศรีธรรมราช กระแสน้ำป่าได้ซัดบ้านเรือนเสียหายหลายหลัง โดยเจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าพื้นที่ เนื่องจากการเดินทางเป็นไปอย่างยากลำบาก จากความเสียหายที่เกิดขึ้นจากน้ำป่าที่มีความรุนแรง เนื่องจากฝนสะสมราว 2 วัน สูงกว่า 500 มม.
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มีกำหนดการเดินทางไปตรวจเยี่ยมสถานการณ์อุทกภัย เพื่อติดตามการแก้ปัญหา และให้ความช่วยเหลือ ในพื้นที่ จ.ตรัง วันที่ 8 ธ.ค.นี้
ทั้งนี้ ตามที่ได้เกิดฝนตกหนักอย่างต่อเนื่องในพื้นที่ จ.ตรัง ตั้งแต่วันที่ 23-30 พ.ย.ที่ผ่านมา ประกอบกับมวลน้ำจากเทือกเขาบรรทัด ด้านทิศเหนือ บริเวณ อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช ไหลลงสู่แม่น้ำตรัง จำนวนมาก ส่งผลให้เกิดอุทกภัยในเขตพื้นที่ อ.เมืองตรัง และอำเภออื่นๆรวม 8 อำเภอ ได้แก่ นาโยง รัษฎา ห้วยยอด ปะเหลียน วังวิเศษ กันตัง และ ย่านตาขาว มีราษฎรได้รับความเดือดร้อน 19,076 ครัวเรือน พื้นที่การเกษตรได้รับผลกระทบ 337,592 ไร่ ซึ่งทางจังหวัดได้ประกาศเตือนให้ประชาชนในพื้นที่ เฝ้าติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด และเตรียมความพร้อมในการให้ความช่วยเหลือเบื้องต้น เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน
สำหรับกำหนดการ ที่วางไว้ เวลา 07.00 น. นายกฯ พร้อมคณะเดินทางจากกรุงเทพฯ ท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 (บน.6) ไปยังท่าอากาศยานตรัง จากนั้นเดินทางไปยังสะพานคลองช้าง ต.บางรัก อ.เมืองตรัง เพื่อรับฟังบรรยายสรุปโครงการระบบระบายน้ำแม่น้ำตรัง และเดินทางต่อไปยังโรงเรียนจุฬาภรณราชวิทยาลัย โดยนายกฯ จะมอบถุงยังชีพให้แก่ผู้ประสบภัย และลงเรือเยี่ยมให้กำลังใจ พร้อมมอบถุงยังชีพแก่ผู้ประสบภัย บริเวณแยกหนองบัว ต.นาตาล่วง
ช่วงบ่าย พบปะให้กำลังใจ พร้อมมอบถุงยังชีพแก่ผู้ประสบภัย ณ วิทยาลัยสาธารณสุขสิรินธร ที่ อ.กันตัง จากนั้น เดินทางโดยเฮลิคอปเตอร์ไปยัง ค่ายเทพสตรีศรีสุนทร อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช เพื่อเดินทางไปยังโรงเรียนรัษฎา ต.คลองปาง อ.รัษฎา จ.ตรัง และตรวจเยี่ยมให้กำลังใจผู้ประสบภัย พร้อมมอบถุงยังชีพ จากนั้น ในเวลา 16.00 น. นายกฯเดินกลับกรุงเทพฯ
ส่วนสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ จ.ตรัง หลังจากพนังกั้นแม่น้ำตรังแตกทั้ง 2 จุดทำให้มวลน้ำไหลหลากเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชนกว่า 1,487 ครัวเรือน โดยเฉพาะพื้นที่บริเวณหมู่ที่ 6 และ หมู่ที่ 4 ต.บางรัก อ.เมือง จ.ตรัง ระดับน้ำยังคงท่วมสูงอยู่ประมาณ 2-3 เมตร โดยชาวบ้านเชื่อว่าหากฝนไม่ตกลงมาอีก สถานการณ์น้ำเริ่มคลี่คลาย แต่ในพื้นที่ลุ่มต่ำยังคงได้รับผลกระทบต่อเนื่องยาวอีกกว่า 1 เดือน เหมือนปี 2559 ที่ผ่านมา
ส่วนสถานการณ์ระดับน้ำที่คลองท่าใหญ่ ซึ่งหลากลงมาจากต้นน้ำท่าดี ในท้องที่บ้านคีรีวง ต.กำโลน อ.ลานสกา จ.นครศรีธรรมราช ได้ทำลายสถิติมีความสูงของระดับน้ำถึง 630 เซนติเมตร และสูงสุดในรอบหลายปี ซึ่งเป็นผลจากฝนตกอย่างต่อเนื่อง และเนื่องจากสภาพภูเขาอุ้มน้ำเต็มที่แล้ว ปริมาณน้ำฝนที่ตกลงมาจึงหลากได้อย่างรวดเร็วและรุนแรง
โดยในส่วนตัวเมืองนครศรีธรรมราช ลำคลองทั้ง 5 สายคือ คลองคูพาย ป่าเหล้า คลองสวนหลวง คลองหน้าเมือง และคลองราเมศวร์ ระดับน้ำในตัวเมืองนั้นสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ชุมชนอาศัยกลางเมืองนครศรีธรรมราช โดยเฉพาะระหว่างถนนพัฒนาการคูขวาง และถนนศรีธรรมโศก ถูกท่วมเกือบ 100 เปอร์เซ็นต์ และย่านการค้าถนนปาก หลายจุดระดับน้ำสูงกว่า 1.5 เมตร โดยเจ้าหน้าที่สำนักชลประทานที่ 15 พยายามเร่งระบายน้ำ แต่ก็เป็นไปอย่างล่าช้า เนื่องจากน้ำทะเลหนุนสูงอย่างต่อเนื่อง
สภาพถนนสายนครศรีธรรมราช-ทุ่งสง ช่วงตัวเมืองของ อ.พระพรหม จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นย่านการค้าของอำเภอ และเป็นสถานที่ตั้งมหาวิทยาลัยรามคำแหง สาขาวิทยบริการนครศรีธรรมราช รวมทั้งโรงพยาบาลพระพรหม ซึ่งเป็นโรงพยาบาลชุมชนที่เพิ่งก่อสร้าง อยู่ด้านหลังมหาวิทยาลัยรามคำแหง ถูกน้ำท่วมอย่างหนัก รถขนาดเล็กและกลางไม่สามารถใช้สัญจรได้ โดยระดับน้ำได้หลากเข้าโอบล้อมพื้นที่ของโรงพยาบาลพระพรหมไว้ทั้งหมด แต่ไม่เข้าท่วมเนื่องจากมีการปรับพื้นที่สูงขณะก่อสร้างเพิ่งแล้วเสร็จได้ไม่นาน ทำให้รอดพ้นจากน้ำท่วมได้อย่างหวุดหวิด
ส่วนสภาพน้ำป่าได้สร้างความเสียหายให้กับพื้นที่ป่าเขาอย่างรุนแรง ถนนหลายสายระหว่าง อ.สิชล กับ อ.นบพิตำ ถูกกระแสน้ำป่าตัดขาดหลายจุด ขณะที่ในพื้นที่ อ.นบพิตำ จ.นครศรีธรรมราช กระแสน้ำป่าได้ซัดบ้านเรือนเสียหายหลายหลัง โดยเจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าพื้นที่ เนื่องจากการเดินทางเป็นไปอย่างยากลำบาก จากความเสียหายที่เกิดขึ้นจากน้ำป่าที่มีความรุนแรง เนื่องจากฝนสะสมราว 2 วัน สูงกว่า 500 มม.