xs
xsm
sm
md
lg

อุทาหรณ์จากเยเมน (จบ)

เผยแพร่:   โดย: ทับทิม พญาไท


ถ้าว่ากันตามรายงานข่าวของผู้สื่อข่าว สำนักข่าว “Al Jazeera” “นายไฟซาล เอ็ดรูส” (Faisal Edroos) ตัวอดีตประธานาธิบดีซาเลห์นั้น คงไม่ได้เพิ่งคิดตัดสินใจหักหลัง หรือ “ทรยศ” ต่อพวกกบฏฮูตีซึ่งเคยร่วมต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กันมา เมื่อช่วงวันเสาร์ที่ผ่านมาเท่านั้น แต่ได้วางหมาก วางเกม วางแผนทำนองนี้เอาไว้เป็นปีๆ หรือนับตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาเอาเลยก็ว่าได้ โดยตัวของ “นายไฟซาล เอ็ดรูส” แกดูจะปักใจเชื่อว่า ผู้ที่อยู่เบื้องหลัง หรือผู้ที่เป็น “Mastermind” ในเรื่องนี้ก็คือผู้ที่มีนามกรว่า เจ้าชาย “โมฮัมหมัด บิน ซาเยด” (Mohammed bin Zayed) มกุฎราชกุมารแห่งประเทศยูเออี ที่ทรงพระซี้แหง ย่ำปึ่ก และมีอิทธิพลทางความคิดต่อว่าที่กษัตริย์องค์ใหม่ของซาอุฯ คือเจ้าชาย “MbS” เอามากๆนั่นเอง...

ตามทางข่าวของผู้สื่อข่าว “อัลจาซีรา” รายนี้...ได้พยายามย้อนไปเชื่อมโยงให้เห็นว่า ตัวลูกชายของอดีตประธานาธิบดีซาเลห์ คือ “นายอาเหม็ด ซาเลห์” (Ahmed Saleh) ที่เป็นผู้มีอำนาจควบคุมกองกำลังหน่วยรีพับลิกัน การ์ด และเป็นผู้ที่อดีตประธานาธิบดีซาเลห์ เตรียมวางไว้ให้เป็นทายาทสืบทอดอำนาจต่อจากตัวเองมาตั้งแต่ปีมะโว้แล้วนั้น เอาเข้าจริงๆ แล้วก็เคยเป็นอดีตเอกอัครราชทูตเยเมนประจำยูเออี ต่อเนื่องมาเป็นเวลายาวนานถึง 5 ปี จนกลายเป็นผู้ที่มกุฎราชกุมารยูเออีคาดหวังไว้ว่า ด้วยสายสัมพันธ์ในอดีต น่าจะส่งผลให้ยูเออีไปจนถึงซาอุฯ สามารถสั่งหันขวา-หันซ้ายทายาททางการเมืองของอดีตประธานาธิบดีเยเมนรายนี้ได้ไม่ยากซ์ซ์ซ์ แบบเดียวกับที่พวกซีไอเออเมริกันสามารถสั่งหันขวา-หันซ้าย อดีตผู้นำประเทศอัฟกานิสถาน อย่างประธานาธิบดี “ฮามิด คาร์ไซ” (Hamid Karzai) อะไรทำนองนั้น...

เมื่อมกุฎราชกุมารยูเออี พอได้รับรู้ รับทราบ ว่ามกุฎราชกุมารซาอุฯ อย่างเจ้าชาย “MbS” นั้น ชักจะเบื่อและเหนื่อยหน่ายกับ “สงครามเยเมน” เต็มที เพราะไม่เพียงแต่เป็นสงครามที่ทำท่าว่าจะไม่มีวันจบ ยังเป็นสงครามที่ดูดเอาความมั่งคั่งทางเศรษฐกิจจากราชอาณาจักรซาอุฯ ไปชนิดเผลอๆ ใกล้เจ๊งเอาง่ายๆ อีกทั้งยังก่อให้เกิดความขัดแย้ง แตกแยกภายในสมาชิกราชวงศ์ซาอุฯ จนต้องออกแรงกวาดล้างจับใครต่อใครนับเป็นร้อยๆ มกุฎก็เลยหันไปเสนอไอเดียให้กับมกุฎ แบบชนิดหัวมังกุ-ท้ายมังกร คือเสนอให้เลิกสนับสนุนอดีตประธานาธิบดีเยเมน อย่าง “นายรับบูห์ มันซูร์ ฮาดี” แล้วหันไปจับมือกับอดีตประธานาธิบดีซาเลห์กันแทนที่ โดยจะให้ลูกชายผู้เป็นทายาททางการเมืองอย่าง “นายอาเหม็ด ซาเลห์” หรือจะให้อดีตนายกรัฐมนตรีเยเมน “นายคาเลด บาฮาห์” (Khaled Bahah) ที่ใกล้ชิดกับประเทศยูเออีมานานแล้ว ขึ้นเป็นผู้นำรัฐบาลใหม่ของเยเมน ทันที่ปิดฉากสงครามได้อย่างเรียบโร้ยย์ย์ย์โรงเรียนซาอุฯ...

ข้อมูลหลักฐานที่ผู้สื่อข่าว “อัลจาซีรา” อ้างถึง...ก็คือการที่มกุฎราชกุมารซาอุฯได้ตัดสินใจส่งตัวแทนรัฐบาล “นายอาเหม็ด อัล-อาซิรี” (Ahmed al-Asiri) อดีตโฆษกกองกำลังพันธมิตรอาหรับ ไปพบปะเจรจากับ “นายอาเหม็ด ซาเลห์” ที่กรุงอาบูดาบี เมื่อไม่นานมานี้ เพื่อหารือถึงรายละเอียดความเป็นไปได้ในการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ขึ้นมาในประเทศเยเมน และนั่นเอง...ที่ทำให้อดีตผู้นำวัย 75 ปี อย่างประธานาธิบดีซาเลห์ เลยตัดสินใจหันมา “เล่นเกมอำนาจเกมสุดท้าย” ด้วยการหันไปถีบพันธมิตรผู้เคยต่อสู้เคียงบ่า-เคียงไหล่อย่างพวกกบฏฮูตี แล้วผวาเข้าจูบปากผู้ที่เคยเป็นศัตรูอย่างซาอุฯ และยูเออี ด้วยลีลาแบบที่ผู้สื่อข่าว “อัลจาซีรา” อย่าง “ไฟซาล เอ็ดรูส” ถึงกับต้องใช้คำว่า “การเต้นรำบนหัวงู” (Dance on the heads of snakes) อะไรประมาณนั้น...

และสุดท้าย...เลยต้องโดนงูฉกจนได้!!! จบเกมอำนาจที่เคยเล่นมาโดยตลอด 30 ปี ทิ้งเอาไว้แต่ซากอนุสรณ์แห่งความทุกข์ความยาก ความเดือดร้อนชนิดเลือดตาแทบกระเด็นของบรรดาประชากรชาวเยเมนกว่า 27 ล้านคน ที่ไม่เพียงแต่ต้องเป็นประชากรแห่งประเทศยากจนที่สุดในโลก ยังกลายเป็นประชากรที่ตกอยู่ใต้สภาวะ “วิกฤตการณ์ทางมนุษยธรรมครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดของมวลมนุษยชาติ” ชนิดที่ไม่ใช่แค่ต้องล้มตายไปแล้วนับหมื่นๆ คน ยังต้องโหยหิว ขาดอาหาร ขาดยารักษาโรค ตายเพราะโรคระบาดพื้นๆ ง่ายๆ อย่างอหิวาตกโรค ชนิดนาทีละคน หรือนาทีละ 3 คน ก็จำตัวเลขที่หน่วยงานสหประชาชาติเขาเคยกล่าวอ้างเอาไว้ไม่ได้ถนัดซักเท่าไหร่...

แต่ก็นี่แหละ...การเล่นเกมอำนาจ ความพยายามที่จะให้ได้มาซึ่งอำนาจ และพยายามรักษาอำนาจให้ยืดๆ ยาวๆ เข้าไว้ จะด้วยกรรมวิธีแบบที่เรียกว่า “การเต้นรำบนหัวงู” หรือถ้าใช้คำพูดแบบไทยๆ ว่า “การขี่หลังเสือ” ก็แล้วแต่ ท้ายที่สุดแล้ว...ผู้ที่ต้องแบกรับผลพวงแห่งความทุกข์ยาก ต้องทนทุกข์ทรมานเพราะเกมอำนาจเหล่านี้ ก็คือบรรดาประชาชนผู้ไม่รู้อีโหน่อีเหน่ คือบรรดาชาวบ้าน ชาวช่องนั่นแหละ ที่มีแต่ต้องบาดเจ็บ ล้มตาย ไม่ต่างไปจากลิ่วล้อในหนังจีนนั่นเอง...

ด้วยเหตุนี้...จึงอาจหยิบมาใช้เป็นอุทาหรณ์สอนใจ เป็นเครื่องเตือนสติ สำหรับใครก็ได้ ไม่ต้องไปไกลถึงเยเมน แม้แต่ในประเทศไทยแลนด์ แดนสยาม ของหมู่เฮาก็ตาม พึงต้องตระหนักเอาไว้ให้มากๆ ถึงสิ่งที่เรียกว่า “อำนาจ” ทั้งหลาย เหมือนดังที่นักคิด นักปราชญ์ชาวอังกฤษ อย่าง “Lord Acton” ท่านได้เคยเตือนๆ เอาไว้นั่นแหละว่า... “Power tend to corrupt, and absolute power corrupts absolutely.” หรือ “อำนาจมักมีแนวโน้มทำให้คนเสีย ยิ่งมีอำนาจมากเท่าไหร่ คนยิ่งมีโอกาสเสียยิ่งขึ้นเท่านั้น...” เอวัง...จึงมีด้วยประการละฉะนี้...แล...
กำลังโหลดความคิดเห็น