วานนี้ (4ธ.ค.) มีการประชุมคณะกรรมการสรรหากรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ที่มี นายชีพ จุลมนต์ ประธานศาลฎีกา เป็นประธาน เพื่อพิจารณาคุณสมบัติของผู้สมัครเข้ารับการสรรหา ทั้ง 41 คน ตามมาตรา 8(1) มาตรา 9 และลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 10 ของ พ.ร.ป.ว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง พ.ศ. 2560 ผลปรากฏว่า เหลือผู้มีคุณสมบัติ และไม่มีลักษณะต้องห้าม เพียง 15 คน ดังนี้
1. นายอิสสรีย์ หรรษาจรูญโรจน์ อดีตอธิการบดี ม.เทคโนโลยีราชมงคลรัตนโกสินทร์ 2. นายประชา เตรัตน์ อดีตผู้ว่าฯชลบุรี 3. นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการ กสทช. 4. เรืองวิทย์ เกษสุวรรณ อดีต อธิการบดี ม.ราชภัฏชัยภูมิ 5. นายสันทัด ศิริอนันต์ไพบูลย์ ศาสตราจารย์ประจำสาขาวิชาเทคโนโลยีสิ่งแวดล้อม ม.เทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี 6. นางชมพรรณ์ พงษ์เจริญ สุธีรชาติ ที่ปรึกษากฎหมาย บริษัทวรวิสิฏฐ์ จำกัด 7. นายชัยวัธน์ ประจงใจ กรรมการบริหารสภาทนายความ 8. นายมังกร เจริญผล ทนายความอิสระ และหัวหน้าสนง.ทนายความมังกร เจริญผล 9. นายไสว จิตเพียร ทนายความ สนง.ไสวและเพื่อนทนายความ 10. นายประหยัด เสนวิรัช นายกสมาคมสถาบันคุ้มครองสิทธิประโยชน์ผู้บริโภค
11. น.ส.นิษฐ์วดี จิรโรจน์ภิญโญ อดีต ผอ.โรงเรียนวัดพระศรีอารย์ อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี 12. นายธงชัย จันทร์แจ้ง อดีตผอ.โรงเรียนบ้านเปือย จ.ศรีสะเกษ 13. นางลัดดาวัลย์ ตันติวิทยาพิทักษ์ อดีตเลขาธิการคณะกรรมการปฏิรูปกฎหมาย (คปก.) 14. นายทองสุข ดวงบุปผา ประธานเครือข่ายต่อต้านทุจริตคอร์รัปชันแห่งชาติ 15. นางสมศรี หาญอนันทสุข กรรมการมูลนิธิเพื่อนหญิง มูลนิธิองค์กรกลางเพื่อประชาธิปไตย
ทั้งนี้ คณะกรรมการสรรหาฯ จะเชิญผู้สมัครที่ผ่านคุณสมบัติ และไม่มีลักษณะต้องห้าม มาสัมภาษณ์ และแสดงความคิดเห็น ในเรื่องเกี่ยวกับหน้าที่ และอำานาจของกกต. ในวันที่ 5 ธ.ค.นี้ ที่อาคารรัฐสภา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การที่มีผู้สมัครผ่านเกณท์คุณสมบัติ เพียง 15 คนนั้น สาเหตุมาจาก คณะกรรมการสรรหาฯ ได้ยึดตามหลักการคุณสมบัติ ที่เขียนไว้เข้มข้น โดยตรวจสอบเเล้วพบว่า ส่วนใหญ่ดำรงตำแหน่งหัวหน้าส่วนราชการติดต่อกันไม่ถึง 5 ปี ตามที่บัญญัติไว้ อีกทั้งการพิจารณายังยึดตามคำอภิปรายของสมาชิกสนช. เมื่อครั้งพิจารณากฎหมายฉบบับนี้ เช่น หัวหน้าส่วนราชการของตำรวจ หมายถึง ผบ.ตร. คนเดียว ส่วนทหาร ต้องเป็น ผบ.เหล่าทัพ ในขณะที่สายข้าราชการพลเรือน เช่น ผู้ว่าฯ ถือว่าเป็นหัวหน้าส่วนราชการ ที่ต้องดำรงตำแหน่งไม่น้อยกว่า 5 ปี จึงเป็นเหตุให้คนดัง อาทิ พล.ต.อ.วรพงษ์ ชิวปรีชา อดีต รอง ผบ.ตร. พล.ท.ดร.พีระพงษ์ มานะกิจ กรรมการ กสทช. นายธวัชชัย ไทยเขียว รองปลัดกระทรวงยุติธรรม นายพีระศักดิ์ หินเมืองเก่า อดีตผู้ว่าฯ นครศรีธรรมราช และ พล.ท.ศานิต สร้างสมวงษ์ อดีตหัวหน้าศาลทหารสูงสุด ที่เข้ารับการสรรหา ต้องหลุดโผ ในส่วนเรื่อง การใช้อำนาจใหม่ที่เปิดช่องให้คณะกรรมการสรรหา ทาบทามบุคคลภายนอกที่มีคุณสมบัติครบเพิ่มได้นั้น คณะกรรมการสรรหา จะประชุมเพื่อหารือข้อสรุปภายในสัปดาห์นี้ ว่าจะเชิญบุคคลมาเพิ่มเติม หรือไม่
ด้านนายสมชัย ศรีสุทธิยากร กกต. ได้โพสต์เพซบุ๊กส่วนตัว ถึงเรื่องนี้ ว่า สเปกเทพ ออกฤทธิ์ การสรรหากกต.ชุดใหม่ มาถึงโค้งที่สอง จากผู้สมัคร 41 คน ผ่านคุณสมบัติขั้นต้นแค่ 15 คน ในจำนวนนี้เป็นกลุ่มหัวหน้าส่วนราชการ 2 คน กลุ่มผู้บริหารสูงสุดของรัฐวิสาหกิจ 1 คน กลุ่มศาสตราจารย์ 2 คน ทนายความ 7 คน และ ภาคประชาสังคม 3 คน
ที่น่าสังเกตคือ บุคคลที่มีชื่อเสียงหลายคน และโดยประสบการณ์ ความสามารถ ในระดับเคยเป็นอธิบดี ผู้ว่าฯ รองปลัดกระทรวง เจ้ากรมทหาร หรือแม้แต่กรรมการของหน่วยงานสำคัญ พากันตกรอบคุณสมบัติกันหมด ทั้งๆ ที่คนเหล่านี้ หลายคนเป็นผู้มีประสบการณ์ตรงในด้านการจัดการเลือกตั้ง หรือการอำนวยการให้เกิดความยุติธรรม และยังมีผลงานเป็นที่ยอมรับ แต่ขณะเดียวกัน กลับมี ผอ.โรงเรียน มีคุณสมบัติผ่านเข้ามา
"ขอแสดงความยินดีต่อผู้ผ่านการคัดเลือกในด่านแรก แต่ก็ต้องลุ้นต่อว่า ผู้ที่จะผ่านการสรรหาในรอบสุดท้าย จะเป็นใคร จะได้คนที่สามารถทำงานจริง หรือเพียงแต่มีคุณสมบัติครบ แต่ไม่เคยมีประสบการณ์ใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งเลย หรือนี่คือผลงานการออกแบบของปรมาจารย์นักกฎหมายของประเทศ เอาให้อ่อน เอาให้ยุ่ง เอาให้ยาก เข้าไว้ " นายสมชัย ระบุ
1. นายอิสสรีย์ หรรษาจรูญโรจน์ อดีตอธิการบดี ม.เทคโนโลยีราชมงคลรัตนโกสินทร์ 2. นายประชา เตรัตน์ อดีตผู้ว่าฯชลบุรี 3. นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการ กสทช. 4. เรืองวิทย์ เกษสุวรรณ อดีต อธิการบดี ม.ราชภัฏชัยภูมิ 5. นายสันทัด ศิริอนันต์ไพบูลย์ ศาสตราจารย์ประจำสาขาวิชาเทคโนโลยีสิ่งแวดล้อม ม.เทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี 6. นางชมพรรณ์ พงษ์เจริญ สุธีรชาติ ที่ปรึกษากฎหมาย บริษัทวรวิสิฏฐ์ จำกัด 7. นายชัยวัธน์ ประจงใจ กรรมการบริหารสภาทนายความ 8. นายมังกร เจริญผล ทนายความอิสระ และหัวหน้าสนง.ทนายความมังกร เจริญผล 9. นายไสว จิตเพียร ทนายความ สนง.ไสวและเพื่อนทนายความ 10. นายประหยัด เสนวิรัช นายกสมาคมสถาบันคุ้มครองสิทธิประโยชน์ผู้บริโภค
11. น.ส.นิษฐ์วดี จิรโรจน์ภิญโญ อดีต ผอ.โรงเรียนวัดพระศรีอารย์ อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี 12. นายธงชัย จันทร์แจ้ง อดีตผอ.โรงเรียนบ้านเปือย จ.ศรีสะเกษ 13. นางลัดดาวัลย์ ตันติวิทยาพิทักษ์ อดีตเลขาธิการคณะกรรมการปฏิรูปกฎหมาย (คปก.) 14. นายทองสุข ดวงบุปผา ประธานเครือข่ายต่อต้านทุจริตคอร์รัปชันแห่งชาติ 15. นางสมศรี หาญอนันทสุข กรรมการมูลนิธิเพื่อนหญิง มูลนิธิองค์กรกลางเพื่อประชาธิปไตย
ทั้งนี้ คณะกรรมการสรรหาฯ จะเชิญผู้สมัครที่ผ่านคุณสมบัติ และไม่มีลักษณะต้องห้าม มาสัมภาษณ์ และแสดงความคิดเห็น ในเรื่องเกี่ยวกับหน้าที่ และอำานาจของกกต. ในวันที่ 5 ธ.ค.นี้ ที่อาคารรัฐสภา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การที่มีผู้สมัครผ่านเกณท์คุณสมบัติ เพียง 15 คนนั้น สาเหตุมาจาก คณะกรรมการสรรหาฯ ได้ยึดตามหลักการคุณสมบัติ ที่เขียนไว้เข้มข้น โดยตรวจสอบเเล้วพบว่า ส่วนใหญ่ดำรงตำแหน่งหัวหน้าส่วนราชการติดต่อกันไม่ถึง 5 ปี ตามที่บัญญัติไว้ อีกทั้งการพิจารณายังยึดตามคำอภิปรายของสมาชิกสนช. เมื่อครั้งพิจารณากฎหมายฉบบับนี้ เช่น หัวหน้าส่วนราชการของตำรวจ หมายถึง ผบ.ตร. คนเดียว ส่วนทหาร ต้องเป็น ผบ.เหล่าทัพ ในขณะที่สายข้าราชการพลเรือน เช่น ผู้ว่าฯ ถือว่าเป็นหัวหน้าส่วนราชการ ที่ต้องดำรงตำแหน่งไม่น้อยกว่า 5 ปี จึงเป็นเหตุให้คนดัง อาทิ พล.ต.อ.วรพงษ์ ชิวปรีชา อดีต รอง ผบ.ตร. พล.ท.ดร.พีระพงษ์ มานะกิจ กรรมการ กสทช. นายธวัชชัย ไทยเขียว รองปลัดกระทรวงยุติธรรม นายพีระศักดิ์ หินเมืองเก่า อดีตผู้ว่าฯ นครศรีธรรมราช และ พล.ท.ศานิต สร้างสมวงษ์ อดีตหัวหน้าศาลทหารสูงสุด ที่เข้ารับการสรรหา ต้องหลุดโผ ในส่วนเรื่อง การใช้อำนาจใหม่ที่เปิดช่องให้คณะกรรมการสรรหา ทาบทามบุคคลภายนอกที่มีคุณสมบัติครบเพิ่มได้นั้น คณะกรรมการสรรหา จะประชุมเพื่อหารือข้อสรุปภายในสัปดาห์นี้ ว่าจะเชิญบุคคลมาเพิ่มเติม หรือไม่
ด้านนายสมชัย ศรีสุทธิยากร กกต. ได้โพสต์เพซบุ๊กส่วนตัว ถึงเรื่องนี้ ว่า สเปกเทพ ออกฤทธิ์ การสรรหากกต.ชุดใหม่ มาถึงโค้งที่สอง จากผู้สมัคร 41 คน ผ่านคุณสมบัติขั้นต้นแค่ 15 คน ในจำนวนนี้เป็นกลุ่มหัวหน้าส่วนราชการ 2 คน กลุ่มผู้บริหารสูงสุดของรัฐวิสาหกิจ 1 คน กลุ่มศาสตราจารย์ 2 คน ทนายความ 7 คน และ ภาคประชาสังคม 3 คน
ที่น่าสังเกตคือ บุคคลที่มีชื่อเสียงหลายคน และโดยประสบการณ์ ความสามารถ ในระดับเคยเป็นอธิบดี ผู้ว่าฯ รองปลัดกระทรวง เจ้ากรมทหาร หรือแม้แต่กรรมการของหน่วยงานสำคัญ พากันตกรอบคุณสมบัติกันหมด ทั้งๆ ที่คนเหล่านี้ หลายคนเป็นผู้มีประสบการณ์ตรงในด้านการจัดการเลือกตั้ง หรือการอำนวยการให้เกิดความยุติธรรม และยังมีผลงานเป็นที่ยอมรับ แต่ขณะเดียวกัน กลับมี ผอ.โรงเรียน มีคุณสมบัติผ่านเข้ามา
"ขอแสดงความยินดีต่อผู้ผ่านการคัดเลือกในด่านแรก แต่ก็ต้องลุ้นต่อว่า ผู้ที่จะผ่านการสรรหาในรอบสุดท้าย จะเป็นใคร จะได้คนที่สามารถทำงานจริง หรือเพียงแต่มีคุณสมบัติครบ แต่ไม่เคยมีประสบการณ์ใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งเลย หรือนี่คือผลงานการออกแบบของปรมาจารย์นักกฎหมายของประเทศ เอาให้อ่อน เอาให้ยุ่ง เอาให้ยาก เข้าไว้ " นายสมชัย ระบุ